เมื่อบุรุษ จุดนั้นคัน
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/me/0/ud/0/3437/shave.jpgเมื่อบุรุษ จุดนั้นคัน

    เมื่อบุรุษ จุดนั้นคัน

    2014-08-08T17:57:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    คอลัมน์ คุยกับหมอพิณ
    โดย พญ.พิณนภางค์ ศรีพหล

    สวัสดีค่ะ เราลองมาคุยกันถึงคุณผู้ชายกับอาการคันบริเวณจุดซ่อนเร้นกันนะคะผู้ชายต่อให้หล่อแค่ไหน ถ้ายืนเกาบริเวณดังกล่าว ความหล่อที่มีก็หมดกันใช่ไหมคะ

    เนื่องจากประเทศเราเป็นเมืองร้อนชื้น ทำให้บริเวณต่าง ๆ ของร่างกายที่อยู่ในร่มผ้า ข้อพับ ขาหนีบ เป็นแหล่งเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้อย่างดี แค่ยืนเฉย ๆ เหงื่อก็เหนียวเต็มตัวแล้ว

    ยิ่งคุณผู้ชายที่รักการออกกำลังกาย แต่ไม่รักการอาบน้ำ หรือคุณผู้ชายที่นิยมแฟชั่น ที่ขัดกับสภาพภูมิอากาศเมืองไทย ชอบใส่กางเกงรัด ๆ ฟิต ๆเสื้อผ้าที่อับไม่ระบาย ยิ่งเป็นแหล่งที่ทำให้เชื้อโรคเจริญงอกงามใต้ร่มผ้า ก็นำมาสู่โรคต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการคันได้นะคะโรคแรกที่จะพูดถึง ได้แก่ โรค "สังคัง" หรือโรคกลากที่ขาหนีบ สังคังเกิดจากเชื้อราค่ะ โดยผื่นจะมีลักษณะเป็นวง ๆ โดยมีขุยแดง ๆ ที่บริเวณขอบของวงผื่น สังคังสามารถลามไปก้นได้นะคะ

    โรคถัดมา ได้แก่ โรคติดเชื้อราที่ผิวหนัง พบมากในเด็กและผู้สูงอายุ หรือมีโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดัน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยผื่นมักจะเป็นตุ่ม จะแดง ๆ ฉ่ำ ๆ มีบางครั้งลามออกมาตรงอัณฑะได้ด้วย

    การรักษาเชื้อราที่บริเวณขาหนีบ ได้แก่ การใช้ยาฟอกและยาทา แต่ไม่ควรซื้อหามารักษาเองนะคะ เพราะถ้าเกิดมันไม่ใช่จากราขึ้นมา มันก็ผิดโรคและทำให้การรักษาล่าช้าได้ค่ะ

    และที่สำคัญ "อย่าเกา" เพราะนอกจากจะหมดหล่อแล้ว การเกาแกรก ๆ เล็บจะนำพาแพร่กระจายเชื้อโรคไปติดคนอื่น ๆ ได้นะคะ

    นอกจากรายังมีโรคหิดที่เกิดจากไร ทำให้เกิดอาการคันที่ร่องขาหนีบ ง่ามนิ้วมือ รักแร้ มักจะมีอาการคันกลางคืนมากกว่ากลางวัน โดยลักษณะผื่นจะเป็นแห้ง ๆ ดูมีรอยแกะเกา บางรายเป็นตุ่มสีแดง ๆ ที่อัณฑะ

    โรคอื่น ๆ ได้แก่ ติดเชื้อแบคทีเรีย, สะเก็ดเงิน, ผิวหนังอักเสบ, ผื่นแพ้สัมผัส และอาจจะเกิดจากการขาดสารอาหารจำพวกสังกะสีหรือไบโอตินก็เป็นได้นะคะการคันที่อวัยวะเพศ อาจเกิดจากภูมิแพ้ผิวหนัง หรือเป็นพวกผิวแพ้ง่ายก็ได้นะคะ ซึ่งการรักษา ได้แก่ การทาครีมให้ความชุ่มชื้น หรือทาสเตอรอยด์อ่อน ๆ

    การดูแลผิวหนังบริเวณดังกล่าว ได้แก่ หลีกเลี่ยงความอับชื้น อาบน้ำล้างบริเวณนั้นด้วยสบู่อ่อน ๆ

    ในคนที่เหงื่อเยอะ ๆ หรือออกกำลังกายบ่อย ๆ อาจใช้สบู่พวก Selenium Sulfide, Salicylic,Ketoconasole ฟอกอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เป็นการป้องกันการติดเชื้อรา แต่ต้องระวังอาการข้างเคียงจากผิวแห้งระคายเคืองจากยาด้วยค่ะ

    เวลามีผื่นหรือมีอะไรผิดปกติควรพบแพทย์ค่ะ เพราะอาการคันเกิดได้จากหลายสาเหตุ ควรจะรักษาให้ตรงจุดค่ะ เหมือนสำนวนเกาให้ถูกที่คันนะคะ ไม่เช่นนั้นก็ไม่หายคันอยู่ดี สวัสดีค่ะ

     

    ขอขอบคุณข้อมูลจากหมอปิ๊ก น.พ.ทนงเกียรติ เทียนถาวร แพทย์ผิวหนัง สถาบันโรคผิวหนังค่ะ