เปิดตัว Nothing Ear (3) เด่นที่เคสคุยได้ ในงบ 5,799 บาท

เปิดตัว Nothing Ear (3) เด่นที่เคสคุยได้ ในงบ 5,799 บาท

เปิดตัว Nothing Ear (3) เด่นที่เคสคุยได้ ในงบ 5,799 บาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Nothing เปิดตัว Nothing Ear (3) หูฟัง True Wireless รุ่นเรือธงที่ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์โปร่งใสอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ครั้งนี้อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ทำให้มันเป็นมากกว่าหูฟังธรรมดา พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในราคา 5,799 บาท

batch_fera_4_cases_both_16x9 

ความอัจฉริยะของ Nothing Ear (3) 

จุดเด่นของหูฟัง Nothing Ear (3) แตกต่างและโดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด คือนวัตกรรมที่เน้นความ "อัจฉริยะ" ในการใช้งานจริง โดยมีไฮไลท์สำคัญดังนี้

1. Super Mic ครั้งแรกกับไมโครโฟนเทพในเคสชาร์จ นวัตกรรมที่เป็นหัวใจของ Ear (3) โดย Nothing ได้ติดตั้งระบบไมโครโฟนคู่คุณภาพสูงไว้ที่ "เคสชาร์จ" โดยตรง ทำให้เกิดความสามารถใหม่ๆ คือ

  • คุยโทรศัพท์ผ่านเคส: เพียงกดปุ่ม TALK บนเคส คุณสามารถใช้เคสเป็นไมโครโฟนเพื่อการสนทนาที่คมชัดสุดๆ โดยระบบจะกรองและตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้สูงสุดถึง 95 dB ทำให้ปลายสายได้ยินเสียงคุณชัดเจน แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังวุ่นวาย
  • บันทึกเสียงสู่ข้อความทันที: สามารถใช้เคสเป็นเครื่องบันทึกเสียงด่วนได้ทันที แค่กดปุ่ม TALK เพื่อเริ่มบันทึก เสียงจะถูกซิงค์ไปยัง Essential Space และถอดความเป็นข้อความให้โดยอัตโนมัติ (ฟีเจอร์นี้รองรับบน Nothing OS) เหมาะสำหรับการจดไอเดียเร็วๆ โดยไม่ต้องหยิบมือถือ

2. ระบบตัดเสียงรบกวนที่คิดตามสถานการณ์ (Real-time Adaptive ANC) Ear (3) ยกระดับ ANC ไปอีกขั้นด้วยระบบที่ปรับตัวแบบเรียลไทม์ โดยตัวหูฟังจะวิเคราะห์เสียงรบกวนรอบข้างทุกๆ 600 มิลลิวินาที และจะตรวจสอบการรั่วไหลของเสียงที่เกิดจากการสวมใส่ทุกๆ 1,875 มิลลิวินาที เพื่อปรับโปรไฟล์การตัดเสียงรบกวน (สูงสุด 45 dB) ให้เหมาะสมและเสถียรที่สุดอยู่เสมอ แม้ในขณะที่คุณกำลังเคลื่อนไหว

3. AI และ Bone-Conduction เพื่อเสียงสนทนาที่คมชัด นอกจาก Super Mic แล้ว ที่ตัวหูฟังแต่ละข้างยังมีไมโครโฟนอีก 3 ตัว ทำงานร่วมกับ Voice Pick-up Unit (VPU) แบบ Bone-Conduction ที่ตรวจจับการสั่นสะเทือนจากกรามของผู้ใช้เพื่อจับเสียงพูดได้อย่างแม่นยำ ผสานกับ AI ที่ผ่านการเรียนรู้จากสถานการณ์จริงกว่า 20 ล้านชั่วโมง ช่วยแยกเสียงพูดออกจากเสียงลมและเสียงรบกวนได้อย่างเฉียบขาด

batch_fera_lifestyle_supermic 

คุณภาพเสียงและดีไซน์ที่อัปเกรด

  • เสียงujgfjo ใช้ Dynamic Driver ขนาด 12 มม. ที่อัปเกรดใหม่ พร้อม Diaphragm ลวดลายพิเศษที่เพิ่มพื้นที่กระจายเสียงกว้างขึ้น 20% ทำให้เสียงเบสหนักแน่นขึ้น 4–6 dB และเสียงแหลมใสเคลียร์ขึ้นสูงสุด 4 dB มอบเวทีเสียงที่กว้างและรายละเอียดสูง
  • ดีไซน์ (Design): ยังคงเอกลักษณ์ความโปร่งใส แต่เสริมความพรีเมียมด้วยขอบโลหะขัดเงาและเคสชาร์จที่ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ผ่านกระบวนการผลิตที่แม่นยำถึง 27 ขั้นตอน ทำให้ได้โครงสร้างที่แข็งแรงและไร้รอยต่อ

ประสิทธิภาพและแบตเตอรี่

หูฟังสมัยนี้ต้องแบตฯอึด เช่นเดียวกับ Nothing Ear (3) สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 90 นาที) และใช้งานได้สูงสุด 38 ชั่วโมงเมื่อรวมกับเคส รองรับชาร์จเร็วผ่าน USB-C เพียง 10 นาที ใช้งานได้สูงสุด 10 ชั่วโมง และรองรับการชาร์จไร้สาย

ประสิทธิภาพที่ต้องเข้ากับความทนเพราะ รองรับ Bluetooth 5.4 พร้อม Codec เสียงคุณภาพสูง LDAC และมีโหมด Low Latency สำหรับเล่นเกม และหูฟังและเคสได้รับมาตรฐานกันฝุ่นและละอองน้ำ IP54

 batch_fera_white_bud_front_16

ราคาและการวางจำหน่ายในประเทศไทย

Nothing Ear (3) มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำและสีขาว วางจำหน่ายในราคา 5,799 บาท โดยจะเริ่มขายตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายชั้นนำ เช่น dotlife, AIS, Power Buy, Munkong, 425 Degree และช่องทางออนไลน์บน Lazada และ Shopee

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ เปิดตัว Nothing Ear (3) เด่นที่เคสคุยได้ ในงบ 5,799 บาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล