“Charge to Change” โครงการรักษ์โลก ลดฝุ่น PM 2.5 โดย Mercedes-Benz

“Charge to Change” โครงการรักษ์โลก ลดฝุ่น PM 2.5 โดย Mercedes-Benz

“Charge to Change” โครงการรักษ์โลก ลดฝุ่น PM 2.5 โดย Mercedes-Benz
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้โควิด-19 จะเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกคนต้องตระหนักและพึงระวังในทุกย่างก้าวสำหรับตอนนี้ แต่อีกหนึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อสุขภาวะของคนไทยอย่าง PM 2.5 จะยังคงเป็นสิ่งที่เรายังต้องผชิญต่อไปในระยะยาว บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้เปิดตัวโครงการ “Charge to Change” เพื่อชวนผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกับพลังงานน้ำมันหันมา “ชาร์จเพื่อเปลี่ยนโลก” โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานมาชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้บ่อยขึ้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหา PM 2.5 สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นให้กับคนไทย

ในปี 2562 มี 7 เมืองในประเทศไทยที่ติดอยู่ในอันดับ 15 เมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีค่า PM 2.5 เกินมาตรฐานคุณภาพอากาศขององค์กรอนามัยโลก (WHO) นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีมลพิษมากที่สุดอันดับที่ 28 ของโลก โดยที่กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีมลพิษมากเป็นอันดับที่ 33 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในฐานะผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของโลก จึงต้องการช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการ “Charge to Change” ที่จะช่วยกระตุ้นการรับรู้ของคนไทย โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้นำ Wallbox เพื่อการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแก่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดนวน 150 กล่องไปให้บริการในโรงแรมและห้างสรรพสินค้าชั้นนำด้วย

ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ สร้างสรรค์โครงการ “Charge to Change” ขึ้นเป็นโครงการระยะยาวที่จะแบ่งออกเป็น 3 เฟส ได้แก่

  • เฟสที่ 1 การกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เมอร์เซเดส-เบนซ์พบว่า ผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมักจะไม่ชาร์จพลังงานไฟฟ้า ด้วยสาเหตุสำคัญ 3 ประการคือ ไม่ทราบว่ารถยนต์ของตัวเองชาร์จได้ ไม่ทราบว่าจะชาร์จได้ที่ไหนบ้าง และไม่สนใจที่จะชาร์จเพราะเติมน้ำมันแล้วขับด้วยน้ำมันสะดวกกว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงมุ่งสร้างความตระหนักรู้ ทั้งผ่านวิดีโอออนไลน์และการร่วมมือกับบุคคลชั้นนำในวงการต่างๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่จะกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์รับรู้ว่า เพียงแค่ขับขี่ด้วยโหมดการขับขี่ไฟฟ้าในทุกวัน คุณก็สามารถมีส่วนช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้ทันทีในทุกการขับขี่ และไม่จำเป็นต้องเป็นรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เท่านั้น แต่ผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจากแบรนด์ใดก็สามารถมีส่วนช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาดขึ้นได้เช่นกัน
  • เฟสที่ 2 การสร้างเครือข่ายการชาร์จที่มีความพร้อมและสะดวกมากขึ้นสำหรับผู้ใช้รถ เมอร์เซเดส-เบนซ์จะร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในหลายวงการเพื่อขยายเครือข่ายการชาร์จ โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จ เพื่อทำให้ประสบการณ์ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าเป็นประสบการณ์ที่ทั้งสะดวกและเข้าถึงง่ายที่สุด
  • เฟสที่ 3 สู่การสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์มุ่งหวังให้โครงการนี้มีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นพื้นที่ของการขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด ลดปัญหามลภาวะทางอากาศ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว

เมอร์เซเดส-เบนซ์มุ่งหวังให้โครงการ “Charge to Change” เป็นจุดเริ่มต้นในการกระตุ้นให้คนไทยตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหามลภาวะทางอากาศ ที่สามารถบรรเทาเบาบางลงได้ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทุกคน และหากทุกคนช่วยกันปรับพฤติกรรมในการชาร์จรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดให้บ่อยครั้งขึ้น ประเทศไทยก็สามารถลดปัญหามลภาวะลงได้ แถมยังมีส่วนช่วยให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดีขึ้นในระยะยาวอีกด้วย

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ “Charge to Change” โครงการรักษ์โลก ลดฝุ่น PM 2.5 โดย Mercedes-Benz

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook