ไขข้อข้องใจเรื่องยาคุมกำเนิด
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/wo/0/ud/2/12647/ya.jpgไขข้อข้องใจเรื่องยาคุมกำเนิด

    ไขข้อข้องใจเรื่องยาคุมกำเนิด

    2012-03-21T02:32:46+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    รวบรวมคำถามคำตอบที่มีคนถามบ่อยเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด ในส่วนแรกจะเป็นข้อมูลที่เราค้นหามาจากเวบต่างประเทศ และส่วนที่สองได้ ภก. ปรุฬห์วิทย์ อักษรดิษฐ์ เป็นผู้เรียบเรียงคำตอบให้

    ส่วนที่หนึ่ง

    - ยาคุมกำเนิดช่วยเรื่องสิวได้หรือเปล่า

    ใช่ ยาคุมกำเนิดช่วยให้อาการสิวดีขึ้นในผู้หญิง ส่วนใหญ่แล้วยาคุมจะถูกนำมาใช้ในคนที่เป็นสิวในกรณีที่ยาอื่นใช้ไม่ได้ผล

    - จากผลการสำรวจ 61% เชื่อว่ายาคุมกำเนิดทำให้น้ำหนักเพิ่ม

    ความจริงคือไม่ใช่ยาคุมกำเนิดทุกตัวจะทำให้น้ำหนักเพิ่ม และมีความเป็นไปได้ทั้งน้ำหนักเพิ่มหรือลดในคนที่กินยาคุมกำเนิด เพราะฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าเรากังวลเรื่องนี้

    - ครึ่งหนึ่งของผลสำรวจพบว่าคนจะเข้าใจว่าไม่ควรกินยาคุมกำเนิดต่อเนื่องนานๆ ควรจะพักการกินบ้าง

    ผลที่ได้จากการวิจัยคือคนที่กินยาคุมกำเนิดไม่จำเป็นต้องพักการกินยาคุม ผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพสามารถจ่ายยาคุมให้กับผู้หญิงที่แข็งแรง ไม่สูบบุหรี่ ได้เกินอายุ 40 ปี แต่เราต้องกินไปนานขนาดไหนต้องปรึกษากับผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพที่เป็นคนจ่ายให้ (เป็นอาชีพหนึ่งที่เมืองนอกแต่บ้านเราไม่มี)

    - 21% จากการสำรวจพบว่าคนเข้าใจว่ายาคุมกำเนิดทำให้เป็นหมัน

    ยังไม่พบหลักฐานทางการแพทย์ใดๆที่บอกว่ายาคุมทำให้เป็นหมัน

    - ยาคุมช่วยเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคมะเร็งเต้านมหรือเปล่า

    พบบางการศึกษาที่บอกว่ายาคุมเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งเต้านมอยู่เหมือนกัน แต่การวิจัยที่วิจัยเรื่องนี้เป็นหลักก็ยังไม่พบความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมที่เพิ่มขึ้น คุณควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยาคุมที่คุณกินถ้าคุณกังวลเรื่องนี้

    - ถ้าเราไม่กินยาคุมในเวลาเดียวกันทุกวันได้มั้ย

    ยาคุมที่เป็นแบบมีฮอร์โมน 2 ตัวคือเอสโตรเจน (estrogen) และโปรเจสติน (progestin) จะมีประสิทธิภาพเกิน 99% ถ้าเรากินตรงเวลาทุกวัน และให้เราจำไว้เลยว่าถ้าเรากินยาคุมไม่ต่อเนื่องหรือลืมกินยาคุมจะเพิ่มการเกิดผลข้างเคียงเช่นเลือดออกระหว่างการกินยา

    - ก่อนที่เราจะตั้งท้อง เราจำเป็นต้องหยุดยาก่อนหลายเดือนเพื่อให้ยาคุมออกจากร่างกายไปให้หมดก่อนใช่ไหม

    คุณสามารถเริ่มตั้งครรภ์ได้ทันที่หลังจากคุณหยุดยาคุม แต่ควรที่จะปรึกษากับแพทย์เพื่อให้ทารกในครรภ์สมบูรณ์

    - ทำยังไงถ้าเราลืมกินยาคุม

    ให้คุณรีบกินยาทันทีที่คุณจำได้ ถ้าคุณลืมจนข้ามวันไปแล้ว ให้กินยาคุม 2 เม็ดในวันที่จำได้ ถ้าคุณลืมกินยา 2 วัน ให้คุณกินยาคุม 2 เม็ดในวันที่จำได้และอีก 2 เม็ดในวันถัดไป หลังจากนั้นก็กินตามปกติ ถ้าคุณลืมกินเกิน 2 วันให้ปรึกษาแพทย์ คุณอาจต้องกินยาคุมวันละเม็ดจนถึงวันอาทิตย์ แล้วจึงเริ่มแผงใหม่ หรือไม่ก็เลิกแผงนั้นไปเลย แล้วเริ่มแผงใหม่ในวันเดียวกันกับแผงเดิม
    เมื่อไหร่ที่ลืมกินยาคุมฯ ควรต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมกับการกินยาคุมแผงเดิมไปจนหมด เพราะการลืมกินยาคุมเพียงเม็ดเดียวก็จะเพิ่มโอกาสในการผลิตไข่ออกจากรังไข่ อย่างไรก็ดีหากลืมกินยาคุมฯในสัปดาห์สุดท้ายของยาคุมแผง 28 เม็ด ก็ไม่ทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ เพราะ 7 เม็ดสุดท้ายนั้นเป็นยาที่ไม่ออกฤทธิ์ในการคุมกำเนิดอยู่แล้ว หากว่าลืมวันที่มีประจำเดือนและลืมกินยาคุมในช่วง 21 เม็ดแรก ให้ตรวจการตั้งครรภ์ หากประจำเดือนไม่มาติดกัน 2 เดือนแม้ว่าจะกินยาคุมตามปกติ ก็ให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วย

    การกินยาคุมเม็ดที่มีฮอร์โมน progestin นั้นจำเป็นต้องกินให้ตรงเวลาในทุกวัน หากว่าเลยเวลาที่กินประจำมากกว่า 3 ชั่วโมงก็ให้รีบกินทันทีที่นึกได้ ร่วมกับการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น (เช่นการใช้ถุงยางอนามัย) ในช่วง 48 ชั่วโมงหลังจากนั้น

    - ยาคุมมีผลข้างเคียงหรือไม่

    ใช่ ยาคุมมีผลข้างเคียง แม้ว่ามันจะไม่มาก เช่น คลื่นไส้, น้ำหนักเพิ่ม, เจ็บนม, หน้าอกขยาย, มีเลือดออกระหว่างที่กินยาคุม, ประจำเดือนมาน้อย, อารมน์เปลี่ยน

    และผลข้างเคียงที่จะพูดถึงนี้อาจไม่เกิดขึ้นบ่อย แต่เป็นผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ถ้าเกิดกับเราให้รีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพราะอาการที่เกิดขึ้นอาจมาจากที่เราเป็นโรคร้ายแรงอยู่เช่น โรคตับ, เส้นเลือดตีบ, เกิดลิ่มเลือด, ความดันสูง หรือโรคหัวใจ
    อาการที่ว่าคือ ปวดท้อง, เจ็บหน้าอก, ปวดหัวรุนแรง, มีปัญหาทางสายตา (มองแล้วเบลอ), ปวด บวมที่ขาและเข่า

    - ผู้หญิงทุกคนสามารถกินยาคุมใช่ไหม

    ผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถกินยาคุมอย่างปลอดภัย แต่ไม่แนะนำถ้าอายุคุณเกิน 35 ปีและเป็นคนสูบบุหรี่ ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนสูบบุหรี่ คุณสามารถกินยาคุมไปได้จนถึงช่วงวัยหมดประจำเดือนได้เลย หรือไม่ควรรับประทานยาคุมถ้า
    -คุณมีลิ่มเลือดที่แขน ขา และปอด
    -เป็นโรคหัวใจหรือโรคตับ
    -เป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งมดลูก
    ถ้าคุณไม่แน่ใจหรือมีญาติที่เป็นโรคดังกล่าวให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยา

     

    ขอบคุณข้อมูล : http://www.acnethai.com/

    อ้างอิงจาก Lawrence E. Gibson, M.D., about.com women's health, thepill.com, webmd.com, livestrong.com