กินไม่ระวัง เสี่ยงโรคตับคั่งไขมัน
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/he/0/ud/0/4025/istock_72716869_large.jpgกินไม่ระวัง เสี่ยงโรคตับคั่งไขมัน

    กินไม่ระวัง เสี่ยงโรคตับคั่งไขมัน

    2017-03-01T17:59:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ปัจจุบันพฤติกรรมการกินอยู่ในชีวิตประจำวันของประชากรทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงพบคนไทยเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการกินอยู่ที่ไม่เหมาะสมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในโรคกลุ่มนี้คือ โรคตับคั่งไขมัน หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า โรคไขมันพอกตับ


    โรคตับคั่งไขมันเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ โรคอ้วนลงพุง การดื่มสุราอย่างเรื้อรัง การรับประทานยาบางชนิดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะฮอร์โมนและสเตียรอยด์ เป็นต้น

    ในที่นี้จะกล่าวถึงโรคตับคั่งไขมันที่เกิดจากภาวะอ้วนลงพุง ซึ่งพบบ่อยมากในสังคมไทยยุคปัจจุบัน เกิดจากการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปคล้ายชาวตะวันตกมากขึ้น เช่น การรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูงจำพวกคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูงผิดปรกติ ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วนในที่สุด ซึ่งกลุ่มอาการดังกล่าวรวมเรียกว่า อ้วนลงพุง หรือกลุ่มอาการเมตาบอลิก

    นอกจากนี้การมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและขาดการออกกำลังกายก็เป็นปัจจัยเสริมให้เกิดโรคอ้วน นำไปสู่การสะสมของสารอาหารต่างๆในรูปไขมันภายในเนื้อตับที่มากกว่าปรกติ ก่อให้เกิดการอักเสบภายในเนื้อตับเรื้อรัง อาจทำให้เกิดภาวะตับแข็ง และเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆของภาวะตับแข็งรวมทั้งมะเร็งตับในที่สุด

    โรคนี้มักพบในผู้ป่วยอ้วนลงพุง น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ผู้ที่ตรวจพบโรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง และความดันโลหิตสูง จะเป็น กลุ่มเสี่ยงต่อโรคตับชนิดนี้ ในกรณีที่สงสัยแพทย์จะทำการตรวจภาพรังสีวินิจฉัยของช่องท้องด้านบนเบื้องต้นด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์ว่ามีลักษณะบ่งชี้ถึงภาวะไขมันที่คั่งในตับมากกว่าปรกติหรือไม่

    ผู้ป่วยโรคตับชนิดนี้ส่วนใหญ่มักตรวจเลือดไม่พบการอักเสบของตับ และไม่มีอาการแสดงของโรค โรคนี้ถือเป็นภัยเงียบที่ไม่มีสัญญาณเตือน หากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ เนื่องจากมักพบว่าผู้ป่วยโรคตับคั่งไขมันมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดแดงและหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุการตายที่พบร่วมได้บ่อยในผู้ป่วยโรคตับคั่งไขมัน

    สิ่งสำคัญของการรักษาโรคนี้คือ การลดน้ำหนัก และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น นม เนย กะทิ ชีส กุ้ง ปูไข่ ไข่แดง ไม่รับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลมากเกินไป ควรลดปริมาณอาหารลงในแต่ละมื้อ ไม่ควรลดน้ำหนักด้วยวิธีงดอาหาร หรือรับประทานผลไม้แทนมื้ออาหาร เนื่องจากมักพบว่าการรับประทานผลไม้มากเกินไปจะทำให้มีการสะสมน้ำตาลจากผลไม้เป็นไขมันในเนื้อตับในที่สุด ส่งผลทำให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง รวมทั้งทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี ในกรณีที่ผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลหรือไขมันในเลือดสูงควรควบคุมอาหารหรือใช้ยาเพื่อทำให้ผลเลือดอยู่ในเกณฑ์ปรกติ

    นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่ไม่จำเป็น ตลอดจนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อาจมีผลข้างเคียงต่อตับ และงดดื่มสุรา

    หากเรารู้จักดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆแล้ว ก็ไม่ยากที่จะหลีกเลี่ยงจากโรคชนิดนี้ได้ หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีความเสี่ยงหรือเป็นโรคตับคั่งไขมันควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพและพลานามัยที่สมบูรณ์