อุปกรณ์ทำสวยแยกตามประเภท

อุปกรณ์ทำสวยแยกตามประเภท

อุปกรณ์ทำสวยแยกตามประเภท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

อุปกรณ์ทำสวยแยกตามประเภท

Skin Care ครีมบำรุงผิว

จะสวยอย่างแท้จริงก็ต้องสวยจากภายใน ยิ่งผิวสุขภาพดีแต่งหน้าน้อยๆ ก็สวยใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นการบำรุงผิวจึงเปรียบเสมือนการให้อาหารผิวอีกทางหนึ่ง ซึ่งพี่นับว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการแต่งหน้า เพราะถ้าผิวไม่ได้รับความชุ่มชื้นที่พอเพียงจะดูเหนื่อยล้า หมอง และดูแก่กว่าวัย อย่างพี่เองก็เคยเป็นคนใช้ครีมบำรุงผิวตามความเข้าใจของตัวเอง คือไม่สนใจว่าวิธีที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ถ้าลองใช้แล้วไม่ชอบก็จะเลิกใช้ทันที อย่างครั้งหนึ่งพี่เคยใช้ครีมของ La Mer ทาไปวันแรกสิวขึ้น เลยเลิกใช้ ทั้งยังคิดว่าครีมบำรุงผิวความชุ่มชื้นสูงขนาดนี้คงไม่เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา

จนได้ไปเข้าคอร์สกับทางลาแมร์ แล้วเขาสอนเรื่องการวอร์มครีม หรือการนวดครีมจนอุณหภูมิที่มือเข้ากับเนื้อครีม ทำให้เนื้อครีมเข้าสู่ผิวหน้าได้ดี พอกลับไปลองทำ ปรากฎว่าใช้เพียงไม่กี่วันผิวหน้าก็ดีขึ้นมาก จากผิวหน้าที่เคยลอกหนักจนแข็งเป็นไต ตอนนี้นุ่มชุ่มชื้นขึ้นเยอะเลยนี่คือหนึ่งตัวอย่างของความเชื่อผิดๆ และความไม่ใส่ใจของเรา ซึ่งส่งผลกระทบไปมากมายทีเดียว

พี่ฮั้วขอบอก
การวอร์มครีม คือการนวดครีมให้อุ่นขึ้นโดยการป้ายครีมลงไปบนฝ่ามือแล้วถูกันจนกระทั่งครีมแตกตัวแทบไม่เห็นเนื้อครีมแล้วจึงนำไปทาที่ใบหน้า วิธีนี้จะทำให้ครีมที่มีเนื้อแน่นๆ เข้มข้นซึมซาบเข้าสู่ผิวหน้าได้ดีขึ้นค่ะ

พี่ฮั้วขอบอก
สำหรับอายครีมหรือครีมบำรุงผิวรอบดวงตานั้น พี่ฮั้วขอแนะนำ Sisley-Sisleya Eye and Lip Contour Cream ค่ะ ยี่ห้อนี้สุดยอด ใช้แล้วรับรองไม่ผิดหวังค่ะ

ครีมกันแดด
ด้วยสภาพอากาศบ้านเราที่ค่อนข้างร้อนตลอดปี ดังนั้นการใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันนับเป็นสิ่งสำคัญ ไม่แพ้การบำรุงผิว ซึ่งค่า SPF ตั้งแต่ 15-25 คือระดับที่เหมาะสมกับชีวิตประจำวันมากที่สุด แต่ถ้าหากต้องออกแดดจัดๆ เป็นเวลานาน ก็ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50

พี่ฮั้วขอบอก

บางคนชอบผสมครีมกันแดดและมอยซ์เจอร์ไรเซอร์รวมกันแล้วทาใบหน้าในครั้งเดียว ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่ว่าใช้ได้กับวันปกติที่ไม่ต้องออกไปเจอแดดจ้าเท่านั้นนะคะ ถ้าวันไหนต้องสู้แดดเต็มที่ ก็ควรตั้งใจทาทีละอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไป จะได้ทั่วถึงกว่า

พี่ฮั้วขอบอก
มีทริคมาฝากอีกนิดหนึ่งว่า หากจะซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับใช้กับใบหน้าและไม่อยากให้ผิวดูมีสีเข้มขึ้น ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี เพราะจะทำให้สีผิวเข้มขึ้นได้ อย่าลืมว่าถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ต้องใส่ใจในรายละเอียดนะคะ

เครื่องสำอาง Makeup Base
Makeup Base เป็นเทคนิคการแต่งหน้าที่เคยนิยมเมื่อนานมาแล้วค่ะ ใช้ทาก่อนลงรองพื้น เพื่อกระจายแสง ปกปิดสีผิวที่ไม่เท่ากัน และทำให้สีของรองพื้นกับแป้งเข้ากันได้ดี แต่จะทำให้ใบหน้าดูหนาขึ้น เพราะผ่านการทาทับหลายครั้ง ฉะนั้นพี่ขอบอกว่า Makeup Base ไม่จำเป็นในการแต่งหน้าค่ะ แต่แนะนำให้ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ปรับสีผิวหรือไพรเมอร์แทน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระจายแสงให้ผิวหน้ากระจ่างใส และปิดรูขุมขนให้เรียบเนียนเสมอกัน ทำให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้สีเครื่องสำอางติดทนด้วย

รองพื้น
รองพื้นเป็นอาวุธสำคัญของสาวๆ เพราะช่วยให้ผิวเรียบเนียน ซึ่งอาวุธที่ต้องมีคู่กันคือ ความสามารถในการเกลี่ยรองพื้นให้เรียบเนียนนี่ละ โดยเฉพาะบริเวณรอบๆ จมูกและปาก ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนบ่อยๆ แล้วจะแต่งได้สวยเนียนชึ้นเรื่อยๆ

รองพื้นนั้นแบ่งออกเป็นหลายประเภทดังนี้ค่ะ
 - รองพื้นชนิดน้ำ เป็นรองพื้นที่เหมาะกับสากลโลก ใครๆ ก็ใช้ได้ เพราะเกลี่ยได้ง่ายและดูเป็นธรรมชาติมากๆ เวลาเลือกซื้อ ให้ลองป้ายบริเวณคาง เกลี่ยให้เรียบ แล้วลองมองในกระจก ถ้าหากว่าดูกลืนไปกับผิวได้พอดีเป๊ะ แปลว่านั่นคือ รองพื้นที่เหมาะกับคุณแล้วละค่ะ

 - รองพื้นแบบคอนซีลเลอร์ เป็นการลองพื้นเฉพาะจุด มีเนื้อที่ค่อนข้างหนาและแห้งเป็นพิเศษ ช่วยปกปิดสิ่งที่ต้องการอำพราง เช่น รอยคล้ำรอบดวงตา ไฝ สิว ฝ้า ปาน รอยแผลเป็น ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี

พี่ฮั้วขอบอก
ถ้าใครจะใช้รองพื้นอย่างเดียว แล้วไม่ลงคอนซีลเลอร์ พี่ไม่แนะนำ แต่ถ้าใช้คอนซีลเลอร์แล้วไม่ลงรองพื้น พี่ว่าดีกว่า แถมยังเข้าเทรนด์ Make-up : No Make-up ที่เน้นการแต่งหน้าแล้วดูเหมือนไม่ได้แต่งด้วย
รองพื้นแบบแท่ง เป็นรองพื้นที่ใช้ง่ายและเหมาะกับคนผิวมัน เพราะเป็นผลิตภัณฑ์มีความชุ่มชื้นน้อยกว่า อีกทั้งยังพกติดตัวไปไหนมาไหนได้สะดวก พร้อมให้คุณสวยได้ตลอดเวลา

แป้ง
แป้งเป็นสิ่งที่ทำให้รองพื้นทรงพลังและติดทนได้ยาวนานยิ่งขึ้น แป้งแบ่งออกเป็น แป้งฝุ่น แป้งอัดแข็ง และแป้งผสมรองพื้น แต่ที่พี่อยากจะแนะนำที่สุดคือแป้งโปร่งแสง หรือ Translucent Power ซึ่งเป็นแป้งโทนสีออกเหลือง แต่ใช้แล้วไม่เห็นสี ทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติ ทั้งยังเข้าได้กับทุกสีผิว สามารถเลือกได้ทั้งแบบฝุ่นและแบบอัดแข็ง

 - แป้งฝุ่น เหมาะสำหรับใช้หลังการลงรองพื้นและคอนซีลเลอร์แล้ว

 - แป้งอัดแข็ง คุณสมบัติใกล้เคียงกับแป้งฝุ่น แต่ผลิตมาในรูปการอัดแข็ง ส่วนใหญ่ใช้ในกรณีที่ไม่ต้องการลงรองพื้นก่อนแต่งหน้า หรือใช้ไว้เติมระหว่างวัน

 - แป้งผสมรองพื้น ใช้สำหรับสาวผู้มีเวลาน้อย เพราะแป้งทูเวย์เป็นการลดขั้นตอนของการลงรองพื้นและปัดแป้งฝุ่นลงมาเหลือขั้นตอนเดียว ข้อเสียคือทำให้ผิวหน้าดูแน่นเพราะแป้งได้รับการอัดแข็งมาขั้นตอนหนึ่งแล้ว

การเลือกสีแป้งผสมรองพื้นก็เหมือนกันการเลือกสีรองพื้น เพราะแป้งชนิดนี้ผลิตออกมาตามสีของรองพื้น

พี่ฮั้วขอบอก
การแต่งหน้ตามเทคนิคของพี่จะเริ่มด้วยการลงคอนซีลเลอร์ให้ทั่วทุกจุดที่ต้องการปกปิด แล้วใช้แป้งฝุ่นซับให้ทั่วหน้า เพื่อให้เครื่องสำอางอยู่ติดทน จากนั้นจะใช้แป้งผสมรองพื้นมาซ่อมแซมบริเวณผิวหน้าเพิ่มเติม และทาทับบริเวณใต้ตาหรือทีโซนอีกครั้งหนึ่งเพื่อเพิ่มความสว่างสดใส

ผลิตภัณฑ์ตกแต่งคิ้ว
ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับคิ้วมีอยู่หลายประเภทด้วยกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นดินสอเขียนคิ้ว แชโดว์สำหรับคิ้ว มาสคาราสำหรับคิ้ว หรือแว็กซ์สำหรับคิ้ว

- ดินสอเขียนคิ้ว ใช้เขียนเส้นได้คมชัดกว่า และสามารถควบคุมน้ำหนักและทิศทางของเส้นได้ง่ายกว่า นอกจากดินสอเขียนคิ้วามปกติแล้ว ปัจจุบันยังมีดินสอเขียนคิ้วแบบหมุนหรือสติ๊กเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานตรงที่ไม่ต้องมานั่งเหลาให้เสียเวลา

- อายแชโดว์สำหรับเขีนยคิ้ว เหมาสำหรับคนที่คิ้วบาง คิ้วน้อย หรือไม่มีเส้นคิ้ว เพราะจุดประสงค์หลักคือการสร้างสีของคิ้วขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ต้องการเขียนคิ้วให้เป็นธรรมชาติ หรือต้องการเพียงแค่โครงคิ้วเส้นบางๆ และยังใช้เป็นเฉดดิ้งไล้สันจมูกหรือโครงจมูกเพื่อช่วยสร้างมิติให้หน้าได้อีกด้วย

- มาสคาราสำหรับคิ้ว เหมาะกับคนที่คิ้วหนาและชัดได้รูปอยู่แล้ว เพราะไม้องเขียนคิ้วขึ้นมาใหม่ สามารถใช้มาสคาราสำหรับคิ้วสีอ่อนๆ อย่างน้ำตาลทองหรือน้ำตาลเทาปัดคิ้วได้เลย ทำให้คิ้วดูเบาและนุ่มลง

- แว็กซ์สำหรับคิ้ว นอกจากมาสคาราแล้ว เดี๋ยวนี้มีแว็กซ์สำหรับจัดทรงคิ้วออกมาให้เลือกใช้กันแล้วนะคะ วิธีใช้ก็เหมือนแว็กซ์สำหรับผมนั่นละค่ะ คือใช้ปัดเพื่อเซตรูปคิ้วให้เป็นระเบียบ เพราะมีความหนืด สามารถแก้ปัญหาคิ้วตกหรือคิ้วยุ่งได้ชะงัดนัก

อายแชโดว์
อายแชโดว์แบ่งออกเป็นสามประเภท คือ แบบฝุ่น แบบครีม และแบบผง

- อายแชโดว์แบบฝุ่น คุณสมบัติสำคัญคือใช้งานง่าย และยังมีทั้งแบบฝุ่นเนื้อด้านและฝุ่นผสมซิมเมอร์ให้ความแวววาว

- อายแชโดว์แบบครีม เป็นอายแชโดว์แบบที่สามารถเกลี่ยสีให้หนักเบาได้ดังใจต้องการ และเหมาะมากหากคุณเป็นคนผิวรอบดวงตาแห้ง เพราะผลลัพธ์ที่ได้คือดวงตาที่ดูชุ่มฉ่ำและเงางามมีมิติ

อายไลเนอร์
อายไลเนอร์แบ่งได้เป็นหลายประเภท ได้แก่ อายไลเนอร์แบบดินสอ แบบหมึก และแบบครีม

อายไลเนอร์แบบดินสอ เป็นที่นิยมมาก เพราะแท่งเดียวจบ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยากเรื่องออปชั่นเสริมอย่างพู่กันเขียนอายไลเนอร์ และส่วนใหญ่จะมีเนื้อครีมเป็นส่วนผสม ทำให้เขียนง่ายไม่เจ็บ และสามารถแก้ไขความผิดพลาดในการเขียนได้ง่าย

พี่ฮั้วขอบอก
อายไลเนอร์แบบดินสอในอุดมคติของพี่คือ แบบที่เนื้อนิ่ม ทาติดง่าย และไม่ไหวเยิ้มระหว่างวันค่ะ

- อายไลเนอร์แบบหมึก คืออายไลเนอร์แบบน้ำที่มาพร้อมพู่กันในตัวเหมือนมาสคารา เหมาะสำหรับคนชอบเขียนเส้นชัดๆ แบบสาวจีน ทั้งยังติดทนนานได้ตลอดทั้งวัน

- อายไลเนอร์แบบครีม ส่วนมากมักมาในกระปุกเล็กๆ (ไม่มีพู่กันมาให้) เหมาะกับคนที่ต้องการเส้นที่คมกว่าอายไลเนอร์แบบดินสอ แต่ไม่ชัดเท่าแบบหมึก
การใช้อายไลเนอร์ชนิดนี้ค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่ เพราะจะต้องควบคุมเส้นด้วยพู่กัน แนะนำให้ใช้ของ Benefit หรือ Banila Co. แบรนด์ของเกาหลีที่เขียนง่ายและควบคุมเส้นได้ดีค่ะ

พี่ฮั้วขอบอก
อายไลเนอร์แบบต่างๆ มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไปดังนี้ค่ะ

- อายไลเนอร์แบบดินสอเขียนง่าย แต่เส้นไม่คม

- อายไลเนอร์แบบหมึกเส้นคม แต่เนื้อจะเป็นคลื่นไม่เนี้ยบเท่าแบบครีม

- อายไลเนอร์แบบครีม เขียนยาก แต่เนี้ยบ และทำความสะอาดง่าย บางยี่ห้อสามารถลอกออกเป็นเส้นได้เลย
อีกเทคนิคหนึ่งของการเขียนอายไลเนอร์ก็คือ การใช้พู่กันอายไลเนอร์จุ่มน้ำแต้มอายแชโดว์แบบฝุ่น แล้วเขียน เส้นที่ได้จะค่อนข้างคมและดูไม่หนาเกินไป แนะนำพู่กันของ Benefit และ MTI ค่ะ

มาสคารา
มีผู้หญิงจำนวนมากเชียวค่ะที่จะไม่ยอมออกนอกบ้านเด็ดขาดถ้ายังไม่ได้ปัดมาสคารา เพราะนี่เป็นขั้นตอนการแต่งดวงตาที่ทำได้ง่ายที่สุด และให้ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งในปัจจุบันมีมาสคาราใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นแตกต่างกันไป ทั้งแบบเพิ่มความหนา แบบเพิ่มความยาว แบบที่ช่วยให้ขนตางอนเด้ง และแบบกันน้ำ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกอยากใช้มาสคาราเพิ่มขึ้นอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเองด้วยนะคะ

พี่ฮั้วขอบอก
มาสคาราสีดำสนิทเหมาะที่สุดแล้วสำหรับผิวคนไทย ส่วนสีอื่นๆ ก็ใช้ได้หากต้องการเพิ่มลูกเล่นให้การแต่งหน้า แต่อย่าลืมว่าต้องเลือกมาสคาราแบบกันน้ำเท่านั้น เพราะเส้นขนตาของคนไทยค่อนข้างหนัก ใช้มาสคาราแบบกันน้ำปัดแล้วขนตาจึงจะงอนงามสุดๆ ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ตาดำเป็นหมีแพนด้าในช่วงครึ่งวันบ่ายด้วยค่ะ

ที่ดัดขนตา
หากต้องการจะดัดขนตาให้ดูงอนสวยเป็นธรรมชาตินั้น การเลือกที่ดัดขนตาเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะที่ดัดขนตาที่ไม่มีคุณภาพ เช่น ทำด้วยยางที่แข็งมากๆ หรือเหล็กที่คมเกินไป จะทำให้ขนตาร่วง หักหรือตั้งฉาก ดังนั้นจึงต้องลงทุนซื้อที่ดัดขนตาที่ดีหน่อย เพราะอุปกรณ์แบบนี้ถึงจะแพง แต่ก็สามารถใช้ได้นานเป็นสิบปีเลยทีเดียว

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าที่ดัดขนตามี 2 แบบ สำหรับเคิร์ฟรูปตาที่แตกต่างกัน สำหับคนที่มีตาลึกโตแบบชาวตะวันตก แนะนำที่ดัดขนตาของ M.A.C (Full Lash Curler) ส่วนตาแบบคนเอเชีย แนะนำให้ใช้ของ Shu Uemura, Shiseido และ Jill Stuart ซึ่งมีความโค้งพอเหมาะกับรูปตาของสาวเอเชียอย่างเรามากกว่า

พี่ฮั้วขอบอก
สำหรับคนที่ขนตาแข็งมากๆ เมคอัพอาร์ติสท์บางคนจะใช้ดรายร์เป่าที่ดัดขนตาให้ร้อนก่อนนำมาดัดขนตาให้งอนงาม แต่พี่ว่าวิธีนี้เสี่ยงไปหน่อยค่ะ เพราะเหล็กร้อนๆ เมื่อมาอยู่ใกล้ดวงตาเรามากๆ หากพลาดไปเพียงนิดเดียวก็อาจเป็นอันตรายใหญ่หลวงได้ ดังนั้นจึงขอสงวนวิธีนี้ไว้ให้เมคอัพอาร์ติสท์ผู้เชี่ยวชาญใช้เท่านั้น ไม่แนะนำให้ทำเองค่ะ

แต่ก็ใช่ว่านักแต่งหน้าสมัครเล่นอย่างเราจะไม่สามารถดัดขนตาให้งอนงามด้วยตัวเองนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีเขาวิวัฒนาการไปไกลจนมีที่ดัดขนตาไฟฟ้าออกมาขายแล้ว ซึ่งก็ใช้ได้ดีมีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน ที่ดัดขนตาไฟฟ้าจะใช้ระบบอุ่นเฉพาะซิลิโคนบริเวณที่ใช้หนีบขนตาใหร้อน เมื่อนำมาดัด ขนตาจึงงอนงามได้อย่างใจ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะทำอันตรายต่อเปลือกตา แต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน คือ ต้องดัดด้วยตัวเองเท่านั้น เพราะออกแบบมาไว้สำหรับใช้เอง จะให้ใครมาดัดให้หรือใช้ดัดให้ใคร จึงไม่ถนัดมือเท่าไรค่ะ

ขนตาปลอม
ขนตาปลอมเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เพิ่มลูกเล่นของสาวๆ ซึ่งมีทั้งแบบเป็นแผงและเป็นเส้นให้เลือกใช้ สำหรับแบรนด์ยอดฮิตต้องยกให้แก่ Shu Uemura, M.A.C, ZAZA และ Gi and Gigi (มีขายที่ฮ่องกงและอเมริกา) ซึ่งอาจจะมีราคาสูงสักนิด ดังนั้นหากต้องการขนตาหลอมราคาถูกสุดๆ แต่ขณะเดียวกันก็ใช้ดีสุดๆ เช่นกัน ก็ให้จำยี่ห้อ Mei Linda กับ Preciosa ไว้ให้ดีเลยค่ะ เพราะว่าเป็นขนตาปลอมราคาถูกที่ใช้ได้ดีพอๆ กับของแพงเลยทีเดียว

เนื่องจากมีฐานที่บางเฉียบ ทำให้ติดแล้วโค้งสวย ดูเนียนเป็นธรรมชาติ หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป หรือจะให้หลากหลายหน่อยก็แถวอนุสาวรีย์และประตูน้ำค่ะส่วนกาวที่ใช้ติดขนตานั้น ไม่แนะนำให้ใช้กาวท่มาพร้อมกับขนตาปลอมแบบถูกๆ นะคะ เพราะอาจติดไม่ทนและไม่มั่นใจว่าปลอดภัยกับดวงตาเราไหม ทางที่ดีใช้ยี่ห้อต่อไปนี้ดีกว่าค่ะ

5 กาวติดขนตาในดวงใจตลอดกาลของพี่ฮั้ว
1. กาวติดขนตาของร้าน Daiso (ทุกอย่าง 60 บาท) แพ็คเกจจิ้งเป็นชวดแก้วเล็กๆ ถูกและดีมากๆ ติดทนสุดๆ ขนาดเคยติดให้นางแบบอยู่บนหน้าผาที่ลมแรงมากๆ ขนตาปลอมยังไม่กระดิกเลย
2. Shu Uemura
3. Duo มีขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่อเมริกา
4. ZAZA เป็นแถบกาวที่ติดได้สะดวก ไม่เลอะเทอะ
5. Pias ถูกลงมาหน่อย แต่ก็ใช้ดีไม่แพ้กัน

บลัชออน
ช่วยให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น ผู้หญิงทุกคนจึงควรมีบลัชออนติดกระเป๋าไว้ใช้อย่างน้อยสองเฉดสี คือสีที่ใช้แล้วดูเป็นธรรมชาติสีหนึ่ง และสีที่ดูแฟชั่นเปรี้ยวปรี๊ดขึ้นมาหน่อยอีกสีหนึ่ง ซึ่งวิธีการง่ายๆ ในการเลือกสีบลัชออนแบบธรรมชาติ ก็คือ ให้สังเกตดูว่าแก้มของตัวเองหลังออกกำลังกายจนเลือดฝาดขึ้นบนใบหน้าแล้วเป็นสีแบบใด ก็ให้ยึดสีนั้นเป็นสีหลัก ส่วนอีกสีก็ควรเลือกที่ลองทาแล้วทำให้ใบหน้าดูสว่างใสมากขึ้นอีกนิด เช่น สีชมพู สีกุหลาบ หรือสีพีช

บลัชออนนั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ แบบครีม แบบน้ำ และแบบฝุ่น

- บลัชออนแบบครีม หรือ รูจครีม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้สีบลัชออนติดทนนาน บลัชออนแบนี้สามารถใช้นิ้วแตะแล้วนำมาเกลี่ยลงบนแก้มได้ทันที หลังจากทามอยส์เจอไรเซอร์เรียบร้อยแล้ว จึงตามด้วยแป้งฝุ่น

- บลัชออนแบบน้ำ เหมาะกับคนที่แต่งหน้าแบบไม่ใช้รองพื้น โดยให้ลงหลังเมคอัพเบสหรือไพรเมอร์ก่อนลงแป้งฝุ่น เพราะหากลงบลัชออนแบบน้ำหลังครีมรองพื้นจะทำให้เห็นสีไม่ชัด

- บลัชออนแบบฝุ่น เหมาะสำหรับมือใหม่ตัวจริงเสียงจริง เพราะใช้ง่าย ปัดแล้วหน้าจะดูสว่างใส

พี่ฮั้วขอบอก
หากต้องการใช้บลัชออนสองสีผสมกัน แนะนำให้เลือกสีที่สองเป็นแบบมีประกายแวววาว เช่น สีชมพูออกมุกนิดๆ หรือเหลือบสีทอง หรือเงิน ปัดทับอีกครั้งหลังจากปัดสีหลักแล้ว เพียงแค่นี้ก็รับรองได้ว่าสวยเลิศแน่ๆ

บรอนเซอร์
มีส่วนผสมของกลิตเตอร์ ทำให้ใบหน้าดูเงามัน ฉะนั้นถ้าไม่มีความชำนาญในการแต่งหน้าก็ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะแบบครีม เพราะถ้าน้ำหนักมือไม่นิ่ง เกลี่ยไม่เรียบ อาจทำให้ดูหน้ามันกระดำกระด่างได้

แต่ถ้าอยากใช้จริงๆ สำหรับช่วงกลางวันที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ แนะนำว่าควรเลือกใช้บรอนเซอร์แบบฝุ่นเท่านั้น โดยเลือกบรอนเซอร์สีเข้มกว่าผิวเรานิดหน่อย ปัดแบบเดียวกับการปัดเฉดดิ้งหรือปัดเน้นโครงหน้า แต่ถ้าอยากให้ใบหน้าดูเงาวาว ก็สามารถใช้บลัชออนสีชมพูพีชแทนก็ได้ โดยปัดบริเวณเหนือโหนกแก้มขึ้นไป เพราะการผสมสีบรอนเซอร์และบลัชออนให้เข้ากันจะช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติกว่าการใช้บรอนเซอร์เพียงอย่างเดียว

ส่วนการแต่งหน้าสำหรับช่วงกลางคืนหรือเพื่อไปงานปาร์ตี้นั้น ให้ใช้บรอนเซอร์แบบครีมลงเฉพาะบริเวณทีโซนเพียงเล็กน้อย แล้วเกลี่ยให้เรียบเนียน ซึ่งสามารถลงได้ทั้งก่อนและหลังแต่งหน้า ขึ้นอยู่กับว่าต้องการความมันวาวแค่ไหนค่ะ

ลิปสติก
เป็นเครื่องสำอางที่แสดงให้เห็นสไตล์ของคุณได้ชัดเจนกว่าเครื่องสำอางชนิดอื่น เพราะลิปสติกจะสะท้อนให้เห็นว่าสีผม สีคิ้วและสีผิวของคุณสวยงามเพียงใด ดังนั้นจึงไม่แปลกหากคนสองคนจะดูสวยไม่เท่ากัน ทั้งๆ ที่ทาลิปสติกแท่งเดียวกัน

ลิปสติกแบ่งออกเป็นหลายประเภทดังนี้ค่ะ

- ลิปสติกชนิดแท่ง สำหรับสาวออฟฟิตเวลาน้อย เลือกใช้ลิปสติกเนื้อแท่งจะเหมาะกว่า เพราะเป็นสีชัด และช่วยแก้ไขเรื่องรูปปากหนา รูปปากบาง ปากเป็นขุยเป็นร่องไม่เสมอกันได้

พี่ฮั้วขอบอก
ลิปสติกนั้นจัดว่าเป็นเครื่องสำอางอเนกประสงค์จริงๆ ค่ะ เพราะในกรณีฉุกเฉินเราสามารถนำลิปสติกมาทาที่แก้มแทนรูจครีม หรือทาเปลือกตาแทนอายแชโดว์ครีมก็ได้ เพราะริมฝีปากกับดวงตาเป็นส่วนที่อ่อนโยนที่สุด จึงสามารถใช้เครื่องสำอางที่ทำมาสำหรับสองส่วนนี้แทนกันได้โดยไม่ต้องกลัวแพ้ ไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูสิคะว่า เดี๋ยวนี้มีเครื่องสำอางที่ทำออกมาเป็นทรีโอ ซึ่งใช้ทาได้ทั้งตา แก้ม ปาก ออกมาเยอะมาก แต่เวลาใช้วิธีนี้ก็ให้ระวังหน่อย อย่าเผลอมือหนักลงสีตากับแก้มจนเข้มเกินไปก็แล้วกันค่ะ

- ลิปสติกแบบกลอส สาวแรกรุ่นหรือสาวออฟฟิตที่แต่งหน้าอ่อนๆ ควรเลือกใช้ลิปกลอสแบบนี้ เช่นเดียวกับคนที่ชอบแต่งตาเข้ม เพราะลิปกลอสจะไม่ทำให้สีปากเด่นแข่งกับสีตามากจนเกินไป แต่สำหรับสาวรูปปากหนา ไม่แนะนำให้ใช้นะคะ เพราะกลอสจะยิ่งเน้นรูปปากให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น

พี่ฮั้วขอบอก
การใช้ลิปกลอสทั้งแบบใสและแบบมีสีนั้นไม่ได้ช่วยบำรุงริมฝีปากเพียงแต่เคลือบริมฝีปากให้ดูมันวาวเท่านั้น

พี่ฮั้วขอเตือน
เวลาเลือกลิปกลอสควรจะระวังเป็นพิเศษนะคะ เพราะลิปกลอสคุณภาพต่ำบางประเภททาแล้วจะเหนียวข้นติดริมฝีปาก แถมทิ้งไว้สักพักลอกหลุดเป็นขุยขาวๆ อีกด้วย หรือบางยี่ห้อใช้แรกๆ ปากก็ดูสวยฉ่ำเซ็กซี่เหมือนแอนเจลินาโจลี ดีอยู่หรอก แต่เมื่อทิ้งไว้นานๆ อาจทำปฏิกิริยากับผิวที่ริมฝีปากจนทำให้ปากบวม และเกิดอาการแพ้รุนแรงตามมาได้

ผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงริมฝีปาก นอกจากลิปสติกที่ใช้ทาเพื่อเพิ่มสีสันให้ริมฝีปากแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงริมฝีปากอีกหลายตัวซึ่งจัดว่าเป็นอุปกรณ์การแต่งหน้าที่ขาดไม่ได้เช่นกัน เริ่มจาก ลิปมัน ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายแบบทั้งแบบที่ผสมผสานกันรังสียูวี ซึ่งเน้นเรื่องกันแดดมากกว่าบำรุงริมฝีปาก หรือลิปมันที่ผสมสารธรรมชาติอย่างอะโลเวรา แล้วเพิ่มสี เพิ่มกลิ่นให้ดูน่าใช้

แต่โดยหลักพื้นฐาน ลิปมันแท่งๆ ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตานั้นเหมาะสำหรับพกใส่กระเป๋าเพื่อเคลือบปากเติมความชุ่มชื้นระหว่างวันเป็นหลัก แต่หากต้องการบำรุงริมฝีปากจริงๆ แนะนำให้ใช้เป็น ลิปบาล์ม แทน ซึ่งมีส่วนผสมของปิโตรเลียมเจลที่ให้ความเข้มข้นมากกว่าลิปมัน ที่แนะนำคือของ Shu Uemura, M.A.C และที่มหัศจรรย์มากก็คือ Elizabeth Arden Eight Hour Crem Lip Protectant Stick SPF 15

ส่วนสาวๆ ที่มีปัญหาริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุยขั้นร้ายแรงแล้ว แนะนำให้ใช้ ลิปทรีตเม้นท์ ที่โดยมากเนื้อลิปจะเป็นโลชั่นสีขาว บรรจุอยู่ในหลอด ที่แนะนำคือของ Blistex และ Shu Uemura ซึ่งใช้ได้ผลดีมาก

พี่ฮั้วขอบอก
โดยปกติแล้วลิปไลเนอร์หรือดินสอเขียนขอบปากนั้นแทบไม่จำเป็นต้องใช้เลย พี่จะหยิบมาใช้ก็ต่อเมื่อต้องการแก้ไขรูปปาก โดยจะเลือกใช้เฉพาะโทนสีธรรมชาติ เช่นของ Bobbi Brown และ Chanel เท่านั้นค่ะ

แปรงแต่งหน้า
อุปกรณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับการแต่งหน้าก็คือ แปรงแต่งหน้าซึ่งหลายคนไม่ยอมลงทุนกับอุปกรณ์เหล่านี้ ขอบอกว่าเป็นความคิดที่ผิดมากๆ เพราะแปรงคุณภาพดีย่อมช่วยให้การแต่งหน้าออกมาดูดี และใช้ทนคุ้มกับราคาอย่างแน่นอน

วิธีเลือกแปรงนั้น ต้องดูก่อนเป็นอันดับแรกว่าแปรงนั้นทำจากวัสดุอะไร ถ้าเป็นแปรงขนสังเคราะห์อาจมีข้อดีที่ราคาถูก แต่ถ้าใช้ไปเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดฝ้าได้ เพราะขนแปรงที่แข็งจะขูดกับผิวเราไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังกินเนื้อเครื่องสำอางทำให้หมดเร็วอีกด้วย ทางที่ดีเราควรจะลงทุนซื้อแปรงราคาแพงที่ใช้ได้นานดีกว่า อย่างแปรงขนสัตว์ที่ขนแปรงจะนิ่มมากๆ และไม่ระคายเคืองผิวด้วย แนะนำของ Bobbi Brown, M.A.C, SUQQU และ Shu Uemura ถ้าอยากประหยัดลงมาหน่อย ของ Oriental Princess ก็ได้ค่ะ

ถ้ายังไม่อยากลงทุนซื้อแปรงดีๆ มาใช้ทั้งเซต ลองเริ่มต้นจากแปรงแต่งหน้าหลักๆ ที่เราควรมีก่อน ดังนี้ค่ะ

1. แปรงปัดแก้ม แปรงปัดแก้มที่ดีจะช่วยให้เม็ดสีกระจายตัวดี ทำให้ปัดสีได้สวย และยังสามารถใช้ปัดแป้งฝุ่นหลังลงรองพื้น เพื่อให้แป้งดูบางเบาเป็นธรรมชาติกว่าการใช้พัฟฟ์ได้อีกด้วย
2. พู่กันทาปาก สำหรับคนที่ใช้ลิปสติกบ่อยๆ ควรลงทุนซื้อพู่กันทาปากดีๆ ไว้สักด้ามเพื่อยืดอายุของลิปสติก เพราะเมื่อเราใช้ลิปสติกทาที่ปากโดยตรง อุณหภูมิของตัวเราจะทำให้ลิปสติกมีกลิ่นและเสียเร็ว
3. แปรงปัดอายแชโดว์ การปัดอายแชโดว์ด้วยแปรงที่มีขนจะช่วยเกลี่ยสีให้ดูกลมกลืน เป็นธรรมชาติกว่าการใช้แปรงฟองน้ำที่แถมมาในตลับเยอะเลย
4. แปรงปัดอายไลเนอร์ สำหรับการเขียนขอบตาเส้นเล็กๆ ด้วยอายไลเนอร์แบบครีมหรือฝุ่น ต้องใช้แปรงปัดอายไลเนอร์เท่านั้นนะคะ
5. แปรงปัดคิ้ว ใช้จัดรูปทรงของคิ้ว และปัดไม่ให้แป้งติดคิ้วเป็นก้อน

พี่ฮั้วขอบอก
วิธีทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าอย่างมือโปร

เริ่มต้นเราควรมีซองไว้เก็บแปรงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยจะใช้แบบเป็นแพ็คหรือเป็นกระเป๋าที่เก็บได้ทั้งหมดก็ยิ่งดี และควรหมั่นทำความสะอาดของแปรงและตัวแปรงให้สะอาด ถ้าแต่งหน้าทุกวัน ทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้งกำลังดีค่ะ

วิธีทำความสะอาด ให้แช่แปรงในน้ำแชมพูผสมน้ำอุ่นครู่หนึ่ง เหตุที่ต้องใช้แชมพูเพราะแปรงส่วนใหญ่ทำมาจากขนสัตว์ จึงควรใช้แชมพูเหมือนกับการสระทำความสะอาดเส้นผม โดยอาจสะบัดแปรงไปมาในน้ำเบาๆ เพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออก แต่อย่าเอาแปรงไปถูกับภาชนะ เพราะจะมำให้แปรงเสียทรง และที่สำคัญก็คืออย่าแช่ทิ้งไว้นาน เพราะจะทำให้กาวที่ยึดขนแปรงไว้กับด้ามเสื่อมและทำให้ขนหลุดร่วงได้

เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้ให้ล้างน้ำสะอาดอีก 2-3 น้ำ แล้วนำไปผึ่งลมให้แห้ง และห้ามตากแดดเด็ดขาด เพราะจะทำให้ขนแปรงแข็งขึ้น
การทำความสะอาดซองแปรง ในกรณีที่ทำจากหนังให้ใช้เบบี้ออยล์เช็ดคราบสกปรกออก แต่ถ้าเป็นผ้าก็สามารถนำไปซักได้ตามปกติ ส่วนสาวๆ คนไหนที่เก็บแปรงไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ก็ควรใส่ในถ้วยแก้วหรือกระบอก แล้วหาผ้าคลุมไว้ไม่ให้ฝุ่นจับจนสกปรกค่ะ

 

 

กลับหน้าแรกผู้หญิง ดูอะไรหญิงๆ มากกว่านี้..

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook