6 วิธีช่วยให้ลูกสบายเนื้อสบายตัว

เนื่องจากพิษไข้จึงทำให้ลูกน้อยมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว บางครั้งมีอาการหงุดหงิด เจ็บคอทานอาหารไม่ได้ คัดจมูกน้ำมูลไหลครืดคราดในลำคอ ก็เหมือนกับผู้ใหญ่ที่เวลาเป็นหวัดมีน้ำมูกก็ยังรู้สึกรำคาญจนบางครั้งต้องหายใจทางปาก แต่ถ้าเป็นเด็กเล็ก ๆ บางคนยังไม่สามารถสั่งน้ำมูกออกมาจากจมูกได้ด้วยตัวเอง และที่แย่ไปกว่านั้น คุณจะพบว่าลูกไม่ยอมดูดนม เป็นสาเหตุให้น้ำหนักลด แต่ก็มีเด็กน้อยบางคนที่สามารถปรับตัวได้ ซึ่งคุณแม่จะสังเกตเห็นว่าลูกจะดูดนมได้สักพักแล้วจะเผยอปากเพื่อสูดอากาศเข้าเฮือกใหญ่ ๆ แล้วจึงดูดต่อ จะว่าไปแล้วการหายใจไม่สะดวกเป็นปัญหาที่ทรมานมากสำหรับเด็ก ซึ่งบางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจจะช่วยลูกน้อยได้ โดยดูดน้ำมูกออกมา แต่หากลูกน้อยทานได้นอนหลับ และทำกิจกรรมไม่ได้แตกต่างจากวันปกติเท่าไร ก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง นอกเหนือจากการทานยาลดไข้บรรเทาอาการหวัดตามที่คุณหมอแนะนำแล้ว การดูแลอาการอย่างใกล้ชิดให้เขารู้สึกสบายเนื้อสบายตัวด้วย 6 วิธีง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ เด็กที่เป็นหวัดคัดจมูกถ้าอยู่ในห้องที่มีอากาศชื้นสักนิดจะช่วยให้เขาหายใจได้สะดวกกว่าห้องที่มีอากาศแห้ง ๆ และไม่รู้สึกแสบจมูก หากที่บ้านใช้เครื่องปรับอากาศควรดูแลพวกฝุ่นที่หมักหมม เพราะฝุ่นพวกนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาเองทางเดินหายใจ ช่วยให้ลูกมีความชุ่มชื้นมากขึ้นด้วยการให้ลูกอาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอน หมั่นล้างมือให้ลูก เพราะหนูน้อยมักจะใช้มือแคะจมูก, ปาก ซึ่งอาจนำเชื้อไวรัสเข้าสู่ตาได้หากลูกนำมือนั้นไปขยี้ตาต่อ ใช้ที่ดูดน้ำมูกช่วยได้หากน้ำมูกเหลว ขณะที่กำลังดูดน้ำมูกให้ลูก ควรใช้ฝ่ามือประคอบศีรษะลูกไว้กันลูกดิ้นหรือส่ายนห้าหนีซึ่งอาจทำให้ที่ดูดไปกระแทกเข้าในรูจมูกลูกได้ และไม่ควรแหย่ที่ดูดน้ำมูกเข้าไปในรูจมูกลึกเกิน 1 ซม สำหรับน้ำมูกที่แห้งกรัง คุณแม่ควรใช้สำลีชุบน้ำอุ่นค่อย ๆ เช็ดออก จะเช็ดได้ดีกว่าใช้กระดาษชำระแห้ง ๆ และไม่ควรใช้วัสดุแปลกปลอมใด ๆ แหย่เข้าไปรูจมูกของลูก เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองจนเกิดเป็นบาดแผลได้ ควรใช้ปรอทวัดไข้ให้ลูกวันละ 2 ครั้ง หากลูกมีไข้ไม่เกิน 39 องศาเซลเซียสก็เรียกได้ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ในกรณีที่ลูกมีไข้ขึ้นสูงควรช่วยลดไข้ให้ลูกน้อยซึ่งปัจจุบันนี้มีพลาสเตอร์เจลลดไข้ เป็นวิธีการลดไข้โดยใช้การถ่ายเทความร้อนตามหลักธรรมชาติ สะดวกต่อการพกพา แต่ถ้าอาการลูกยังไม่ดีขึ้นควรพาลูกไปพบแพทย์