ในความเป็น พ่อ ของบุรุษเพศ
ปัจจุบันตาชั่งแห่งสิทธิระหว่างหญิงและชาย แม้จะไม่สนิทในดุลยภาพ แต่ก็ไม่แตกต่างกันมากมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว สิ่งที่ผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ทำได้ สิ่งไหนที่ผู้หญิงเคยทำ ปัจจุบันผู้ชายก็หันมาลองหยิบจับฉวย และช่วยกันทำได้อย่างไม่ขัดเขินเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องภายในครอบครัว เช่น ทำกับข้าว ดูแลทำความสะอาดบ้านและเลี้ยงลูก ฯลฯ
ผู้ชาย ที่มีบุคลิก เข้มแข็ง อดทน หนักแน่น มั่นคงในอารมณ์สูง อย่างที่เราเห็นว่าควรจะเป็นเสาหลักรับผิดชอบหาเลี้ยงครอบครัวและตัดสินใจทำในเรื่องใหญ่ ๆ เท่านั้น วันนี้เขาเปิดใจและยอมรับสิทธิความเป็นมนุษย์มากขึ้น (ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ หมวดที่ 3 มาตราที่ 30 ว่าด้วยบุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน ฯลฯ)
การเลี้ยงดูบุตรของผู้หญิงนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องสามัญ ที่เรารับรู้กันตลอดเวลาว่านั่นคือ สัญชาตญาณความเป็นแม่ ซึ่งส่งผ่านให้เห็นกันอย่างตรงไปตรงมา ด้วยการให้ที่พักพิงอันแสนอบอุ่นปลอดภัย, ให้กำเนิด, ให้อาหารอันโอชะ, ให้ความรักและการดูแลเอาใจใส่ และให้ ฯลฯ เพื่อการเจริญเติบโตของชีวิตน้อย ๆ นี้
สำหรับผู้เป็นพ่อแล้วดูเหมือนว่ามีโอกาสน้อยกว่าผู้เป็นแม่อยู่นิด ด้วยข้อจำกัดทางสรีระ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะทำไม่ได้เท่า แม่ แต่ พ่อ ก็มีวิธีการดูแลบุตรในแบบเฉพาะของความเป็นบุรุษเพศ ด้วยการส่งผ่านความรักของเขาให้แก่ภรรยา เพื่อส่งผ่านสิ่งดี ๆ เหล่านี้สู่ลูกอีกทอดหนึ่ง
ความรัก ปฐมบทแรกแห่งการเป็น พ่อ
ช่วงเวลาครั้งสำคัญในชีวิตของผู้ชายสมัยก่อน เท่าที่ทราบกันก็คือ การพลีชีพเพื่อชาติหรือไปรบ ส่วนผู้หญิงก็คือการตั้งครรภ์ เหตุการณ์งนี้มีสิ่งหนึ่งซึ่งเหมือนกันก็คือ ความเสี่ยง ปัจจุบันผู้ชายสามารถเลี่ยงการไปรบได้หลายทาง เช่น เรียนหลักสูตรรักษาดินแดน หรือจับใบดำใบแดง ฯลฯ แต่สำหรับผู้หญิงแล้วไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยมากี่ยุคสมัย ผู้หญิงก็ยังคงเป็นเพศที่เหมาะสมแก่การให้กำเนิดอยู่ดี เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ควรหรือไม่เล่าที่ผู้ชายจะยื่นมือเขามาช่วยแบ่งเบาความรู้สึกเสี่ยงจากการตั้งครรภ์ให้แก่เธอด้วย ความรัก ของเขา
ความรัก ปฐมบทแรกแห่งการเป็นสามี เป็นภรรยา เป็นพ่อเป็นแม่ และเป็นหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเมื่อภรรยาตั้งครรภ์คุณผู้ชายทั้งหลายสามารถช่วยแบ่งเบาภาระที่แสนยิ่งใหญ่นี้ได้ไม่ยาก หากความรักที่เคยมีให้กันยังคงอยู่ ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าภาวะอารมณ์ของผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์นั้นไม่สู้จะคงที่นัก ผู้ชายต้องเข้าใจธรรมชาติข้อนี้ และให้ความอดทนควบคู่กัน ซึ่งผู้ชายจะทำทั้งสองสิ่งนี้ ได้ด้วยดีก็ต่อเมื่อเขายังมีความรักที่เต็มเปี่ยมดังที่กล่าวมาแล้ว
วิธีสร้างความสบายกายใจให้ภรรยายามตั้งครรภ์
เติมเวลาของคุณให้เต็มในส่วนที่เคยขาดหายไปแก่ภรรยา
ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ นานาภายในร่างกายของผู้หญิงยามตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สบายกาย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หรือความไม่สบายใจจากความกังวลเกี่ยวกับรูปร่างที่เปลี่ยนไป ความกลัวสามีเบื่อหน่าย กลัวลูกในท้องไม่สมบูรณ์ สิ่งเหล่านี้คอยบั่นทอนความเป็นตัวของเธอเอง ขณะเดียวกันมันกลับเพิ่มความรู้สึกโหยหาไออุ่นจากตัวคุณมากขึ้นด้วย
สิ่งที่สามีพึงกระทำ ณ เวลานี้คือดูแลเอาใจใส่ แสดงความห่วงใยด้วยการไถ่ถามความรู้สึกทั้งกายและใจ เช่น หาของขวัญชิ้นพิเศษให้แ่เธอ ในวาระพิเศษเช่นนี้ และบอกให้เธอรู้ว่าคุณจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ, หมั่นหากิจกรรมที่เธอชอบทำ เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ, ช่วยผ่อนคลายและลดอาการไม่สบายตัวให้ภรรยาด้วยการนวด และฝึกบริหารร่างกายเพื่อเตรียมคลอดให้แก่ภรรยาก็ได้ เมื่อภรรยาเจ็บป่วยก็ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
สรรหาอาหารที่มีประโยชน์
แน่นอนว่า เมื่อมีสองคนในร่างเดียว ความต้องการอาหารย่อมต้องมีมากขึ้นเป็นสองเท่าแต่อุปสรรค ก็คืออาการแพ้ท้องทำให้ภรรยารับประทานอาหารได้ไม่มาก เมื่อเป็นเช่นนี้สามีจะต้องศึกษาหาความรู้ว่าจะช่วยให้ภรรยาทานอาหารได้อย่างไรบ้าง เช่น เตรียมอาหารว่างอย่าง ขนมปังไว้รองท้อง หรือ นมอุ่น ๆ ก่อนเข้านอน เป็นต้น เมื่อผ่านพ้นช่วงแพ้ท้องแล้ คราวนี้ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะบำรุงทั้งแม่และลูก อาหารที่เตรียมให้รับประทานก็ควรจะให้ครบทั้ง 5 หมู่ แต่ควรลดปริมาณไขมันลง เพราะจะทำให้ภรรยาท้องอืดได้ง่าย ๆ
ช่วยดูแลงานบ้านตามสมควร
การจะให้ภรรยาซึ่งท้องโตขนาดนั้น ก้ม ๆ เงย ๆ กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ฯลฯ คงเป็นภาพที่ไม่น่ามองเท่าไรนัก คุณควรแบ่งเบาภาระต่าง ๆ นี้ตลอดช่วงเวลาที่ภรรยาตั้งครรภ์ (หากมีแม่บ้านคอยดูแลอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร) เพราะภรรยาของคุณต้องการพักผ่อนมาก ๆ อย่างน้อย ๆ 9 10 ชั่วโมงต่อวัน