ประโยชน์ของถังดักไขมัน ทำไมทุกบ้านถึงจำเป็นต้องมี

ประโยชน์ของถังดักไขมัน ทำไมทุกบ้านถึงจำเป็นต้องมี

ประโยชน์ของถังดักไขมัน ทำไมทุกบ้านถึงจำเป็นต้องมี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถังดักไขมัน อุปกรณ์ชิ้นสำคัญอีกชิ้นหนึ่งในบ้าน แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นสำหรับบ้านหรือคอนโดตนเอง ลองมาดูว่า ถังดักไขมัน มีกี่แบบ วิธีการใช้งาน ข้อดี ข้อเสีย วิธีติดตั้ง วิธีบำรุงดูแลรักษา และหาคำตอบว่าทำไมแต่ละบ้านจึงสมควรติดตั้งถังดักไขมัน บทความนี้มีรายละเอียดครบถ้วน

ถังดักไขมันคืออะไร

ถังดักไขมันหรือบ่อดักไขมัน คือ อุปกรณ์ที่ช่วยในการดักจับไขมันจากท่อน้ำทิ้งภายในบ้านทั้งหมด เพื่อแยกส่วนไขมันออกจากน้ำก่อนทำการปล่อยน้ำทิ้งลงสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ

สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ แบบตั้งพื้น (บนดิน) และแบบฝังดิน โดยการเลือกใช้ถังดักไขมันนั้น ควรทำการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะและพื้นที่ในการใช้งาน เช่น

แบบตั้งพื้น (บนดิน)

เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีพื้นที่ใช้สอยจำกัด เช่น ห้องพัก คอนโด หรือทาวน์โฮม เนื่องจากสามารถติดตั้งได้ง่าย ใช้พื้นที่น้อย

แบบฝังดิน

เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีพื้นที่กว้างและเพียงพอในการฝังถังดักไขมันไว้ใต้ดินบริเวณนอกตัวบ้าน เช่น บ้านเดี่ยว 1 ชั้น หรือ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น

การเลือกขนาดถังดักไขมันให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน

ในปัจจุบันถังดักไขมันถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นและสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการใช้งานภายในบ้าน เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันน้ำเสียและปัญหาท่อน้ำอุดตัน จนทำให้เกิดกลิ่นเหม็น

ดังนั้น การเลือกขนาดถังดักไขมันให้เหมาะสมกับลักษณะของการใช้งานนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากมีผลต่อการดูแลและบำรุงรักษา หากเลือกใช้ขนาดไม่เหมาะสมกับการใช้งาน อาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้
ซึ่งถังดักไขมันมีให้เลือกใช้งานหลากหลายขนาดด้วยกัน ตั้งแต่ 15-140 ลิตร โดยมีเกณฑ์พิจารณาในการเลือกขนาดดังนี้

1. สมาชิกภายในบ้าน 1-5 คน ควรเลือกใช้ขนาด 15 ลิตร

2. สมาชิกภายในบ้าน 6-10 คน ควรเลือกใช้ขนาด 30 ลิตร

ส่วนประกอบของถังดักไขมัน

ถังดักไขมันจะประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลัก ๆ ที่ทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. ตะแกรงดักเศษอาหาร

ถือเป็นตัวกรอกอันดับต้นๆ ที่ทำหน้าที่ในการดักจับเศษอาหารจากท่อน้ำเข้า โดยมีลักษณะเป็นตะแกรงที่มีรูขนาดเล็กเรียงตัวไปทั่วทั้งแผ่น เพื่อแยกเศษอาหารหรือสิ่งต่างๆ ไว้และระบายน้ำลงสู่ถังดักจับไขมัน

2. ช่องแยกไขมัน

ในส่วนนี้ เมื่อน้ำจากท่อน้ำทิ้งส่วนต่างๆ ภายในบ้านมารวมกันที่ถังดักไขมัน น้ำกับไขมันจะทำการแยกส่วนออกจากกันอย่างชัดเจน โดยน้ำจะแยกตัวอยู่ด้านล่าง ในขณะที่ชั้นไขมันจะลอยตัวอยู่เหนือน้ำ เนื่องจากมีน้ำหนักที่เบากว่า

3. ท่อระบายไขมัน

เป็นท่อที่ใช้ในการระบายไขมันที่ลอยตัวแยกออกมาจากน้ำ โดยจะถูกติดตั้งไว้ให้มีตำแหน่งสูงกว่าระดับท่อน้ำทิ้ง เพื่อให้ไขมันลอยตัวออกมาตามท่อระบายไขมันได้สะดวก

4. ท่อระบายน้ำทิ้ง

เป็นท่อน้ำทิ้งที่ใช้ระบายน้ำที่ผ่านการแยกไขมันออกจากน้ำเรียบร้อยแล้วลงสู่ท่อระบายน้ำทิ้งสาธารณะนอกตัวบ้าน

ทำไมแต่ละบ้านจึงควรมีถังดักไขมัน

จากที่ทราบกันแล้วว่า “ถังดักไขมัน” เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยดักจับไขมันไม่ให้ปะปนไปกับน้ำที่ผ่านการใช้งานต่าง ๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นน้ำทิ้งที่ใช้จากการอาบน้ำหรือน้ำทิ้งที่ใช้แล้วจากอ่างล้างจานในห้องครัวก่อนปล่อยลงสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะแล้ว

อีกเหตุผลที่ควรมีถังดักไขมันภายในบ้านก็เพราะว่ามีประโยชน์ช่วยดักจับไขมันไม่ให้อุดตัดท่อน้ำทิ้งแล้วยังช่วยในเรื่องของการป้องกันของแหล่งสะสมโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากไขมันอุดตันในท่อน้ำทิ้งและกลิ่นเหม็นอันไม่พึงประสงค์จากน้ำที่น้ำเสียจากเศษอาหารรวมถึงไขมันจากการทำอาหารที่ตกค้างภายในท่อเกิดการเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็นย้อนกลับเข้ามาจุดต่าง ๆ ของท่อระบายน้ำภายในบ้านได้ดีอีกด้วย

ขั้นตอนการติดตั้งถังดักไขมันแบบตั้งหรือแบบบนดิน

ด้วยข้อจำกัดทางด้านพื้นที่ จึงทำให้ประเภทนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับใช้ติดตั้งในคอนโดมิเนียม บ้านทาวน์โฮม หรือห้องพักอาศัยต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็ก เนื่องจากสามารถติดตั้งได้ง่าย แต่ประสิทธิภาพการดักจับไขมันดีเยี่ยม รวมถึงการดูแล บำรุงรักษาก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ซึ่งมีขั้นตอนในการติดตั้งแบบตั้งพื้น ดังนี้

1. เลือกขนาดตามการใช้งาน โดยใช้เกณฑ์การเลือกขนาดจากจำนวนสมาชิกภายในบ้านหรือห้องพัก

2. เลือกตำแหน่งในการติดตั้ง ซึ่งจะทำการติดตั้งถังดักจับไขมันไว้ในช่องเก็บของใต้อ่างล้างจาน เพื่อความสวยงามและเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับห้องที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก

3. จากนั้นทำการเชื่อมต่อท่อน้ำทิ้งจากอ่างล้างจานกับถัง

4. ทำการเชื่อมต่อท่อระบายน้ำทิ้งจากตัวถังเข้ากับท่อระบายน้ำทิ้งของห้องพัก

วิธีการบำรุงรักษา

1. ตรวจสอบปริมาณไขมันที่ถูกดักจับไว้ในถังดักจับไขมันเป็นระยะ

2. กำจัดไขมันทิ้ง โดยการตักออก เมื่อมีการสะสมของปริมาณไขมันและน้ำมันมากขึ้น

ขั้นตอนการติดตั้งถังดักไขมันแบบฝังดิน

ในขั้นตอนการติดตั้งถังดักไขมันแบบฝังดิน จะมีความยุ่งยากมากกว่าแบบตั้งพื้นเล็กน้อย เนื่องจากขุดฝังไว้ใต้ดินบริเวณด้วนนอกตัวบ้าน นอกจากนั้นตามภัตตาคารหรือห้องอาหารยังนิยมติดตั้งประเภทนี้อีกด้วย เนื่องจากน้ำมันปะปนมากับน้ำทิ้งในขั้นตอนการทำอาหารเป็นจำนวนมาก

การติดตั้งก็มีทั้งแบบสร้างเอง และแบบสำเร็จรูป ดังนี้

1. แบบสร้างเอง

โดยขนาดขั้นอยู่กับความต้องการการใช้งาน สามารถทำขึ้นโดยถังซีเมนต์ขัดหินหรือวงบ่อซีเมนต์ และราคาประหยัดกว่าแบบสำเร็จรูป อีกทั้งยังสามารถปรับให้เหมาะสมกับขนาดและพื้นที่ที่ต้องการได้

ขั้นตอนการติดตั้ง

- เลือกขนาดที่วงบ่อที่ต้องการ

- ทำการขุดหลุมโดยมีความกว้างและความลึกมากว่าขนาดวงบ่อถังดักไขมันเล็กน้อย

- ทำการเชื่อมต่อท่อน้ำทิ้งเข้ากับวงบ่อ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ภายใน (ตะแกร่งดักไขมัน, ช่องแยกไขมัน)

- ทำการเชื่อมต่อท่อระบายน้ำทิ้งที่ผ่านการแยกไขมันออกเรียบร้อยแล้วเข้ากับท่อระบายน้ำทิ้งสาธารณะ

2. แบบสำเร็จรูป

มีข้อดีในเรื่องของความสะดวกในการติดตั้งมากกว่าแบบสร้างเอง เนื่องจากตั้งถังมีอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมใช้งานเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ทำการติดตั้งเข้ากับท่อน้ำทิ้งจากตัวบ้านก็สามารถใช้งานได้ทันที

ขั้นตอนการติดตั้ง

- เลือกซื้อถังดักไขมันสำเร็จรูปตามขนาดที่ต้องการ

- การขุดหลุมโดยมีความกว้างและความลึกมากว่าขนาดวงบ่อเล็กน้อย

- ติดตั้งสำเร็จรูปเข้ากับท่อน้ำทิ้งขาเข้า(ท่อน้ำทิ้งจากภายในบ้าน)

- เชื่อมต่อท่อระบายน้ำที่ผ่านการดักจับไขมันเข้ากับท่อระบายน้ำสาธารณะ

วิธีการบำรุงรักษา

1. ตรวจสอบความพร้อมการใช้งานเป็นประจำไม่ว่าจะเป็นฝาถังหรือตัวถัง

2. กำจัดไขมันทิ้ง โดยการตักออก เมื่อมีการสะสมของปริมาณไขมันและน้ำมันมากขึ้น เช่น เดียวกับการดูแลแบบตั้งพื้น เนื่องจากถังดักไขมันตามบ้านเรือนมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก

การกำจัดไขมันนอกจากจะทำการตักทิ้งแล้ว ยังสามารถนำไขมันที่ได้จากมาทำเป็นปุ๋ยหมักไว้ใช้งานได้อีกด้วย โดยนำปุ๋ยหมักที่ได้รดรอบโคนต้นไม้ หรือผสมกับติดก่อนทำการปลูกผัก

ดังนั้น การเลือกขนาดถังดักไขมันให้เหมาะสมกับลักษณะของการใช้งานนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากมีผลต่อการดูแลและบำรุงรักษา หากเลือกใช้ขนาดไม่เหมาะสมกับการใช้งาน อาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้
ซึ่งถังดักไขมันมีให้เลือกใช้งานหลากหลายขนาดด้วยกัน ตั้งแต่ 15-140 ลิตร โดยมีเกณฑ์พิจารณาในการเลือกขนาดดังนี้

1. สมาชิกภายในบ้าน 1-5 คน ควรเลือกใช้ขนาด 15 ลิตร

2. สมาชิกภายในบ้าน 6-10 คน ควรเลือกใช้ขนาด 30 ลิตร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook