Jelly in my eye

Jelly in my eye

Jelly in my eye
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Jelly in my eye

 

ในยุคที่ทุกคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองแต่หน้าจอแบบนี้ โรคที่เกี่ยวกับดวงตาทั้งหลายจึงเป็นอีกโรคที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นก็คือโรคที่กวนใจไม่ใช่น้อยอย่าง “โรควุ้นในตาเสื่อม” ซึ่งในสมัยก่อนนั้นเป็นโรคที่จะเกิดกับผู้สูงอายุที่อวัยวะย่อมเสื่อมไปตามวัยและผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้สายตาในการเพ่งเป็นอย่างมากเช่น ช่างเจียระไน เท่านั้น แต่ในปัจจุบันด้วยไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างไป เราใช้ชีวิตกับหน้าจอสี่เหลี่ยมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์ จอโทรศัพท์ จอแท็ปเล็ต จอทีวี ซึ่งเป็นการใช้สายตาที่มากขึ้นทวีคูณย่อมส่งผลต่อการเสื่อมของวุ้นในตาที่มากขึ้นและเกิดขึ้นได้แม้จะอยู่ในวัยเรียนหรือทำงานก็ตาม


โรคร้ายใกล้ตา

โรควุ้นในตาเสื่อมนี้ เกิดจากการเสื่อมของ น้ำวุ้นตา (Vitreous) ซึ่งก็คือสารใสคล้ายเจลอยู่ภายในลูกตาส่วนหลัง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้แสงผ่าน ให้สารอาหารแก่จอประสาทตาและเซลล์ผนังลูกตาชั้นใน และช่วยพยุงลูกตาให้คงเป็นรุปทรงกลม โดยปกติแล้วโรคนี้หากเกิดกับผู้สูงอายุ จะไม่มีอันตรายใดๆ เพราะเป็นการเสื่อมของอวัยวะตามธรรมชาติ แต่หากเกิดกับเราๆ ท่านๆ ในวัยทำงานแล้วล่ะก็ อาจกลายเป็นโรคร้ายถึงขั้นตาบอดได้เลยทีเดียว


สังเกตได้ง่ายๆ โรคร้ายไกลตัว

อาการโรควุ้นในตาเสื่อมจะทำให้เราจะมองเห็นจุดหรือเส้นรูปร่างต่างๆ เช่น คล้ายหยากไย่ลอยไปมา เหมือนคราบที่ติดกระจกเลยค่ะและจะเห็นชัดมากขึ้นเมื่อมองไปยังบริเวณที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าหรือผนังห้องขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา จุดหรือเส้นเหล่านี้เกิดจากขณะที่น้ำวุ้นตาละลาย บางส่วนจะจับตัวกันเป็นตะกอน ซึ่งถ้าเป็นมากโดยมีอาการเห็นแสงคล้ายฟ้าแล่บแปล๊บ ๆ ในเวลาค่ำหรือในที่มืด ถึงขั้นนี้แปลว่าอาการหนักแล้วค่ะ ซึ่งถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา อาจทำให้จอประสาทตาฉีกขาดและอาจทำให้ตาบอดได้เลยทีเดียว


สาเหตุใหญ่ของวันทำงาน

ปัจจุบันนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากขึ้นเพราะการใช้คอมพิวเตอร์โดยเฉพาะวัยเรียนและวัยทำงาน ไม่ว่าคุณจะเล่นเน็ต,เล่นเกมส์, อ่านบทความหรืออะไรก็ตามที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้น เพราะการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นไม่เหมือนการอ่านหนังสือ เพราะการมองตัวหนังสือที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์มีลักษณะแขวนลอยอยู่ในจอ จึงทำให้สายตามีโฟกัสที่ไม่แน่นอน ส่วงผลให้กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนักเพิ่มโอกาสที่จะทำให้สายตาเสียได้มากขึ้น.................

Jelly in my eye

รูปแบบการอ่านที่ต้องอาศัยการเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลงเพื่อจะอ่านบรรทัดต่อไปได้ก็เป็นการเลื่อนแบบกระตุก ซึ่งจะทำให้สายตาต้องปรับโฟกัสบ่อยเกินไป แสงสว่างจากจอคอมพิวเตอร์ก็ส่งผลให้สายตาเสียเช่นกันรวมไปถึงการใช้จอคอมพิวเตอร์ที่มีความกว้างมากเกินไป ซึ่งไม่เหมาะกับอ่านหนังสือ เพราะว่าสายตาคนเรานั้นมีระยะการมองเห็นตัวอักษรที่ 1 ฟุต (12นิ้ว) แต่จอคอมสมัยนี้กลับมีความกว้าง 17- 19 นิ้ว หรือมากกว่านั้น ซึ่งกว้างเกินระยะกวาดสายตามอง จากขอบหนึ่งไปสู่อีกขอบหนึ่งทำให้ปวดทั้งคอทั้งตาได้ ซึ่งขนาดของจอคอมพิวเตอร์จึงไม่ควรเกิน 15 นิ้ว


โรคร้าย แต่ป้องกันได้

การป้องกันและรักษาโรควุ้นในตาเสื่อมสำหรับการรักษาโรควุ้นในตาเสื่อมนั้น หากเกิดในผู้สูงอายุจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ เพราะเกิดจากความเสื่อมของอวัยวะ แต่สำหรับวัยทำงานยังพอสามารถรักษาอาการข้างเคียงของโรคนี้ได้บ้าง เช่นถ้าจอประสาทตาฉีกขาดให้รีบไปพบจักษุแพทย์ ซึ่งจะใช้เลเซอร์ซ่อมแซมรอยขาดให้ปิดสนิท ก็ทำให้คุณยังมีดวงตาไว้ถนอมใช้ได้อีกนาน ส่วนการป้องกันโรควุ้นในตาเสื่อมได้ง่ายๆ ดังนี้คะ

1.ป้องกันไม่ให้ดวงตาได้รับการกระทบกระเทือนทั้งจากการเล่นกีฬา จากอุบัติเหตุ และอื่น ๆ เพราะการที่ดวงตาถูกกระแทกแรง ๆ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้วุ้นในตาเสื่อมได้เร็วขึ้น

2.อย่าอ่านหนังสือในที่มืด เพราะจะทำให้สายตาสั้น สายตาสั้นจะทำให้วุ้นในลูกตาเสื่อมง่าย

3.ไม่ควรนอนในที่สว่างจ้า หรือมีแสงสว่างส่องโดยตรง เพราะในภาวะนี้แม้ร่างกายจะหลับ แต่ลูกตายังคงได้รับแสงและยังทำงานอยู่ เมื่อลูกตาทำงานหนัก วุ้นก็จะเสื่อมได้ง่ายมากขึ้น


เรื่องของดวงตาก็เป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้ส่วนอื่นของร่างกายเลยนะคะ การใช้ชีวิตที่สมดุลกันระหว่างร่างกายกับเทคโนโลยี นอกจากจะไม่เป็นการทำร้ายดวงตาทางตรงแล้ว การได้ทำกิจกรรมอื่นๆ บ้างนอกเหนือจากการเฝ้ามองหน้าจอก็จะช่วยให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างมีมิติมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
 

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ ของ Jelly in my eye

Jelly in my eye
Jelly in my eye
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook