ขึ้นเชียงราย ล่องเชียงใหม่ ให้หายหนาว

ขึ้นเชียงราย ล่องเชียงใหม่ ให้หายหนาว

ขึ้นเชียงราย ล่องเชียงใหม่ ให้หายหนาว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

THE NORTHERN SONATA
ขึ้นเชียงราย ล่องเชียงใหม่ ให้หายหนาว

"ลมหนาวมาเมื่อใด ใจฉันคงยิ่งเหงา...คืนวันที่มันเหน็บหนาว ไม่รู้ว่ามันจะทนได้นานเท่าใด..." มาแล้วจ้า...เพลงประจำหน้าหนาวของคนขี้เหงา และเมื่อลมหนาวพัดเอื่อยมาอย่างนี้ ท่านผู้อ่านคิดว่าจุดหมายปลายทางของท่านควรจะเป็นที่ไหน อืมมม...แทบไม่ต้องเดากันเลยใช่ไหมล่ะคะ.. C max Car Team ของเราก็เลยหนีแอร์หนาวๆ ในออฟฟิศ ไปสูดอากาศเย็นจัดๆ ของแท้จากธรรมชาติทางภาคเหนือ ทริปนี้คงอาจจะพอช่วยให้หลายๆ คนคลายเหงากันได้บ้างนะคะ

ชาวเราเพิ่งจะกลับจากเที่ยวเชียงใหม่และเชียงราย เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ขอบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีมากที่ได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเดินทางอีกครั้งเพื่อไปหาความสุนทรีให้กับชีวิตส่งท้ายปลายปี แล้วยังนำภาพบรรยากาศสวยๆ มาฝากท่านผู้อ่านอีกด้วย บางครั้งพวกเราก็ชอบเดินทางไปกันเองแบบไม่ต้องมีผู้นำพา หลายครั้งรู้สึกว่าสะดวกดีค่ะ เพราะได้ออกความคิดและวางแผนเดินทางกันเองทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่การเดินทางไปโดยรถทัวร์ปรับอากาศและเดินทางกลับโดยรถไฟ จากเชียงรายสู่เชียงใหม่สำหรับการขับรถส่วนตัวไปน่ะมีโอกาสแน่ๆ แต่เอาไว้ทริปหน้าก็แล้วกันนะคะ

โปรดทราบ....เชียงรายหนาวมาก...

"แม่สาย" คือจุดเริ่มต้นการเดินทางผจญภัย และเพื่อเป็นการไม่เสียโอกาสที่อุตส่าห์มาถึงสุดเขตแดนสยามแห่งภาคเหนือแล้ว พวกเราตัดสินใจข้ามด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก โดยเหมารถสามล้อเครื่องเข้าไปเที่ยวในตัวเมืองและไหว้พระเจดีย์ชเวดากองจำลอง ที่สร้างได้สวยงามอลังการและมีขนาดเทียบเท่าพระเจดีย์องค์จริงที่นครย่างกุ้งโน่นเลยทีเดียว นอกจากนี้ เรายังแวะไปนมัสการพระพุทธรูปสามมิติอันศักดิ์สิทธิ์และเราก็อธิษฐานขอพรจากท่านกลับไปด้วย ที่สุดท้ายเราไปชมอนุสาวรีย์ท่านบุเรงนอง วีรบุรุษของชาวพม่า และเดินช้อปปิ้งที่ตลาดท่าขี้เหล็กพอให้ได้ของติดไม้ติดมือก่อนเดินทางกลับชายแดนไทยอีกด้วย

หลังจากใช้เวลากว่าครึ่งวันที่แม่สาย ไหนๆ ก็มาถึงเชียงรายแล้วจะพลาดขึ้นดอยได้อย่างไร ..เราจึงนั่งรถต่อไปยังดอยตุงเพื่อแวะชมพระตำหนักดอยตุงและกาดดอยตุง ปัจจุบันดอยตุงได้รับการพัฒนาขึ้นจากเดิมโดยเน้นแนวทางนอกจากดึงดูดให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาชมและซื้อสินค้าโครงการหลวงแล้ว ยังพัฒนาเพื่อเป็นการสนับสนุนชาวบ้านดอยตุงซึ่งประกอบด้วย ชาวเขาเผ่าต่างๆ เช่น อาข่า จีนฮ่อ มูเซอ ละหู่ เย้า และไทยใหญ่ ให้สามารถลงมาจำหน่ายสินค้าและผักผลไม้พื้นเมืองได้ค่ะ

ที่นี้เราก็มาถึงช่วง "เชียงรายหนาวมาก..." เสียที ช่วงเช้าที่เชียงรายหนาวมากจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อขึ้นไปถึงยอดดอยตุง ช่วงเย็นของที่นี่ก็ไม่ปราณีปราศรัยเช่นกัน เพียงแค่ 4 โมงเย็น ก็สัมผัสถึงความเย็นเยียบและหมอกหนาตาครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ตลอดเส้นทางขึ้นและลงจากดอยตุง ในขณะนั้นคิดว่าอุณหภูมิน่าจะไม่เกิน 15 องศาเซลเซียสแน่ๆ ส่วนรถที่นำเราขึ้นมายังพระธาตุดอยตุงต้องใช้แรงและกำลังอย่างมากในการไต่ถนนที่ทั้งลื่นทั้งเปียก บนถนนที่เต็มไปด้วยทางคดโค้งนับไม่ถ้วน แถมยังต้องเจอกับหมอกหนาที่มองไปข้างหน้าชัดเพียงแค่ไม่กี่เมตรจากหน้ารถก็จะติดหน้าเราแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจลงจากดอยตุงเพื่อหาที่พักแทนการเลือกนอนบนดอย เพื่อจะไปเดินชมบรรยากาศของถนนคนเดินและหอนาฬิกาที่สวยที่สุดในเมืองไทย เพราะเป็นหอนาฬิกาที่เปลี่ยนสีได้นั่นเอง ทุก 2 ทุ่ม และ 3 ทุ่มของทุกวันจะมีการแสดงแสงสีเสียงของหอนาฬิกาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงราย และชาวเชียงรายก็จะมารอชมกันทุกวันไม่รู้จักเบื่อ สวยงามแค่ไหนหากได้ชมภาพที่เรานำมาฝากแล้ว ถ้าคุณได้มาเชียงรายแล้วล่ะก็ลองไปรอชมความสวยงามของมันได้นะคะทั้งโรแมนติกและสวยสุดๆ ค่ะ

เชียงราย-เชียงใหม่ ไม่ไกลแค่ 4 ชั่วโมง..

ใช้เวลาอยู่ในเชียงรายเกือบ 2 วันเต็ม ก็ได้เวลาล่องลงเมืองเชียงใหม่โดยรถโดยสาร Green Bus สายเชียงราย-เชียงใหม่ เป็นรถประจำทางเพียงสายเดียวของที่นี่ค่ะ และเราขอแนะนำให้คุณจองตั๋วก่อนเดินทาง 1 วันไม่ว่าจะเป็นช่วงหน้าเทศกาลหรือไม่ก็ตาม

เชียงใหม่..ยังคงเป็นเมืองหลวงแห่งเมืองเหนือไม่เคยเปลี่ยนแปลง ใครที่มาเยือนหรือแม้แต่ชาวเชียงใหม่เองก็จะเห็นว่าที่นี่เหมือนเหรียญ 2 ด้าน แต่มีความชัดเจนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ด้านหนึ่งเราจะเห็นเชียงใหม่คือเมืองใหญ่ที่พร้อมเปิดรับความเจริญและสิ่งใหม่ๆ ที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันอีกด้านของเชียงใหม่ก็มีความเป็นตัวตนชัดเจนและเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างทางศิลปวัฒนธรรม สะท้อนความเป็นบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยปึกแผ่นอย่างหนักแน่นของรากฐานแห่งล้านนาจริงๆ ค่ะ

นอนบ้านหลังน้อยแสนม่วนอกม่วนใจ๋...

คืนนี้ถือเป็นจุดแวะพักในเชียงใหม่เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่เมืองหลวงของเราในเช้าวันรุ่งขึ้น เราได้ที่พักแนว Hip Guesthouse ที่ชื่อว่า "บ้านหน้อยนอนม่วน" แปลเป็นภาษากลางก็ประมาณ บ้านน้อยหลังนี้น่านอนแสนสนุก ทำนองนั้นล่ะค่ะ เพราะเขาตกแต่งแบบ Ordinary Country Thai Style ออกมาแนวๆ เป็นที่พักยอดฮิตอีกแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ เจ้าของชื่อ "คุณต่อ" เป็นหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่กล้าคิดทำในสิ่งที่แตกต่าง แต่กลับยิ่งโดนใจบรรดานักเดินทางอยู่ไม่น้อย การให้บริการก็เป็นกันเองมากจนนึกว่าเราเป็นคนในครอบครัวของ "พี่ทอง" คุณแม่บ้านที่ทำหน้าที่ดูแลห้องพักของที่นี่ ห้องพักก็มีเพียงแค่ 8 หลัง แต่ละห้องแต่ละหลังก็มีชื่อเรียกน่ารักสนุกสนานเข้าที อาทิ กะหล่ำปลีปี้ทอง คะน้าอ้ายสม กาวตองป้าพร กะหล่ำดอกอ้ายพัน ป้าศรีมีไก่ ลุงดีมีเป็ด ลุงมามีหมู และป้าเมี่ยงมีหมา ยังไงแล้วพี่ทองคนเดียวก็เอาอยู่ค่ะ

แม้ว่าคืนสุดท้ายในเชียงใหม่อาจจะไม่ได้รับลมเย็นๆ เทียบเท่ากับการขึ้นไปพักตามภูเขาอย่างที่หวังไว้ แต่บ้านหน้อยนอนม่วนในเมืองล่างก็ทำให้เราลืมนึกถึงความหนาวเย็นที่อุตส่าห์เดินทางมาหาถึงที่ไปชั่วขณะ เพราะเชียงใหม่ยังมีสีสันให้นักเดินทางได้แสวงหาทุกมุมเมือง จะเย็นบ้าง อุ่นบ้างจะเป็นไรไป แค่กลับมาถึงบ้านแล้วกลับมานึกถึงความสุขใจที่ได้ไปมาแค่นี้ก็คุยได้ทั้งวันแล้ว จริงไหมล่ะคะ..

Bugget ประมาณค่าความสุขสำหรับเชียงราย-เชียงใหม่ ผู้ร่วมเดินทาง 3 ชีวิต

ค่าเดินทางไป-กลับ (ต่อ 1 คน) 2,000 บาท
ค่าที่พัก 2 คืน คืนละ 1,800 บาท (600 บาท/คน)
ค่าจ้างรถนำเที่ยวในพม่า 150 บาท (50 บาท/คน)
ค่าแหมารถโดยสารขึ้นดอยตุง 700 บาท (235 บาท/คน)
ค่าอาหารทุกมื้อ (ต่อ 1 คน) 800 บาท
สรุปประมาณค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริป (ต่อ 1 คน) 4,000 บาท

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

อัลบั้มภาพ 25 ภาพ

อัลบั้มภาพ 25 ภาพ ของ ขึ้นเชียงราย ล่องเชียงใหม่ ให้หายหนาว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook