7 Greens ทริปสีเขียว เที่ยวปักษ์ใต้

7 Greens ทริปสีเขียว เที่ยวปักษ์ใต้

7 Greens ทริปสีเขียว เที่ยวปักษ์ใต้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวสีเขียวตามแนวคิด 7 Greens ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นครศรีธรรมราชนับเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นมากแห่งหนึ่ง มีความสมบูรณ์ทั้งทางธรรมชาติ ศิลปะวัฒนธรรม ชุมชนที่คงวิถีดั้งเดิมในการดำรงชีวิต อีกทั้งผู้คนที่ช่วยดูแลรักษาสภาพแวดล้อม และบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนร่วมเป็นสำคัญ ทั้งจังหวัดจึงเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวสีเขียว แม้แต่กลางใจเมือง


หลายคนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เมื่อกลิ่นกาแฟหอมๆโชยมาแตะจมูก พร้อมกับความคึกคักของร้านกาแฟยามเช้า และสารพัดความหอมของอาหารเมืองคอน แม้ที่นี่จะไม่มีสตาร์บัคหรือร้านฝรั่งหรูให้นั่งเต๊ะท่า แต่สีสันยามเช้าของที่นี่ไม่น้อยหน้าใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ ร้านโกปี๊ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นจุดเติมกาแฟที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่ง ข้าราชการและผู้หลักผู้ใหญ่มากมายชอบมาละเลียดกาแฟที่นี่ พร้อมพบปะพูดคุยกันท่ามกลางบรรยากาศร้านแบบย้อนยุค ประดับประดาด้วยเครื่องใช้ไม้สอยจากสมัยเก่าก่อน ตั้งแต่โต๊ะหินอ่อน นาฬิกาไขลาน ไปจนเครื่องฉายหนังกลางแปลง


“โกปี๊หรือคาปูชิโนคะ” สาวเสิร์ฟหน้าตาจิ้มลิ้มชะโงกหน้ามาถาม ท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวายนิดๆ
ในร้านมีคนชงกาแฟท่าทางกระฉับกระเฉง รินน้ำร้อนควันโขมงชงกาแฟรสเข้มข้น คนเสิร์ฟมีผ้าโพกหัวเดินกันให้วุ่น ท่ามกลางความหอมของสารพัดอาหาร ไม่ว่าจะเป็นปาท่องโก๋ ซาลาเปา ขาหมูหมั่นโถว บะกุดเต๋ ข้าวเหนียวเบญจรงค์ และอื่นๆอีกสารพัดสารเพ
“ขาหมูนี้ผมได้สูตรมาจากแคนาดา บังเอิญไปพบคนไหหลำ แซ่เดียวกันที่นั่น พอได้ชิมแล้วก็ขอสูตรมา” สุธรรม ชยันต์เกียรติ หรือโกแอ๊ด แวะเวียนมาพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
    การทานอาหารเช้าที่ร้านโกปี๊ก็ดีไปอย่าง นอกจากอาหารอร่อยแล้ว ยังอยู่กลางเมืองใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ หลังจากอิ่มอร่อยแล้ว เราสามารถแวะไปนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ได้สบายๆ

    พระบรมธาตุเจดีย์ในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของเมืองนคร ด้วยเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและศูนย์รวมแรงศรัทธาของเมือง องค์เจดีย์นี้มีอายุกว่า 1,500 ปี  หลังจากผ่านการบูรณะหลายครั้ง ปัจจุบันเป็นทรงลังกาสูง 55.78 เมตร ส่วนยอดเป็นทองคำ ประดับด้วยลูกแก้ว ส่วนปลายสุดเป็นบาตรทองขนาดเท่าไข่ไก่ผ่าซีก คอยรับน้ำค้างและน้ำฝน ซึ่งเมื่อระเหยจะกลายเป็นน้ำมนต์ประพรมแก่ชาวเมือง
นอกเหนือไปจากองค์พระมหาธาตุแล้ว ทางทิศเหนือขององค์พระธาตุยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอยู่อีกแห่งในวิหารโพธิลังกา


ภายในพิพิธภัณฑ์เล็กๆนี้จัดแสดงวัตถุที่มีคุณค่ายิ่งทางโบราณคดี อาทิ ศิลาจารึก 1 ใน 4 หลักสำคัญของนครศรีธรรมราช ที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์จากพุทธศตวรรตที่ 18 ชิ้นส่วนดินเผาจากสมัยอยุธยาตอนปลาย พระพิมพ์ ลูกปัด กำไลแก้ว ซึ่งบ่งบอกอารยธรรมของเมืองนครศรีธรรมราชย้อนหลังไปได้กว่า 2,000 ปี


    แต่ที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยม มีผู้คนมากราบไว้อยู่เนืองๆ คือพระพวย พระพุทธรูปในกระจกที่หน้าประตูวิหาร


    มีเรื่องเล่าว่า ภิกษุผู้มีอิทธิฤทธิ์รูปหนึ่ง หากขึ้นเรือนใครจะทำให้ผู้หญิงบ้านนั้นตั้งท้องโดยไม่ต้องแตะเนื้อต้องตัว มีชายคนหนึ่งคอยสังเกตและประกาศว่า หากพระรูปนี้ขึ้นบ้านจะเอาเรื่อง วันนี้พระรูปนี้ได้ขึ้นบ้านของชายคนนี้ เมื่อเดินลงมาจึงถูกดักฟันจนหัวขาด แต่พระรูปนั้นกลับอุ้มหัวตัวเองวิ่งเข้าไปหลบในอุโบสถ เมื่อชาวบ้านตามเข้าไปกลับพบแต่พระพุทธรูปหัวขาด คือพระพวยองค์นี้


    ที่เรียกว่าพระพวยเพราะมีพวยอยู่ที่ฐานพระ และมีน้ำไหลออกจากพวยนี้เสมอ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำมนต์ โดยมากจะมาบนบานขอลูกกับพระพวย และสมหวังไปเสียส่วนใหญ่


ไม่ไกลจากวัดพระมหาธาตุนัก ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจยิ่งแห่งหนึ่งคือ พิพิธภัณฑ์หนังตะลุง บ้านหนังสุชาติ ทรัพย์สิน  แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ โดยนายหนังตะลุงสุชาติ ทรัพย์สิน ศิลปินแห่งชาติ สาขาการแสดงพื้นบ้าน พ.ศ. 2549  ผู้อุทิศทั้งชีวิตให้แก่ศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวใต้  ในบ้านที่ร่มรื่นน่าสบายด้วยแมกไม้แห่งนี้ นอกจากจะให้ความรู้เรื่องหนังตะลุงได้อย่างสนุกสนานแล้ว ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้จับต้องตัวหนัง หรือซักถามเรื่องราวของตัวหนังอย่างเป็นกันเอง 
แม้อายุอานามจะล่วงเลยเกิน 70 ปี แล้ว แต่อาจารย์สุชาติยังคงยินดีที่จะถ่ายทอดความรู้ในศิลปะแขนงนี้ให้ยืนหยัดคู่บ้านคู่เมืองต่อไป อบรมเด็กรุ่นใหม่ให้แกะตัวหนัง เชิดหนัง รวมทั้งให้ความรู้ความสนุกแก่ทุกคนที่มาเยือน จนเป็นที่น่าทึ่งว่าบ้านหลังเล็กนี้ได้ทำให้หนังตะลุงไทยเป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก


    “ฝรั่งถามว่าตัวหนังทำมาจากอะไร พ่อตอบว่า ‘Cow’ ฝรั่งไม่เชื่อ แต่คิดว่าจะต้องทำมาจากยางพารา เพราะที่นี่ปลูกยางมาก พ่อเลยต้องเอาไฟลนหนังให้ดู ต่อมาเลยต้องทำตัวหนังที่ติดขนด้วยเพื่อยืนยันว่าเป็นหนังสัตว์จริงๆ สองเดือนต่อมาหนังที่ติดขนกลายเป็นขี้เรื้อนหมด จนเราต้องไปศึกษาการฟอกหนังเพิ่มเติม” อาจารย์วาที ทรัพย์สิน ลูกชายคนโตของนายหนังสุชาติเล่าให้ฟังอย่างติดตลก


นอกจากการเรียนรู้ศิลปะการทำตัวหนังแบบโบราณ ที่นี่ยังต่อยอดด้วยการพัฒนาเทคนิคการทำตัวหนังอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรวบรวมตัวหนังตะลุงจากหลากหลายถิ่นมาจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กให้คนทั่วไปได้ชม ทั้งอินเดีย ตุรกี หนังตะลุงอีสาน และตัวหนังเก่าที่มีอายุราว 200 ปี


    “นี่คือตัวหนังตะลุงจีน เรื่องที่นิยมเล่นคือสามก๊ก ตัวหนังบางตัวเลยหัวขาดเพราะต้องถูกตัดหัวตามเนื้อเรื่อง”


    ด้วยความที่เป็นเมืองมาแต่ครั้งโบราณกาล นครศรีธรรมราชจึงเป็นอู่อารยธรรมซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าค้นหา วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เห็นภาพเมืองนครได้อย่างชัดเจนคือการกระโดดขึ้นรถรางเพื่อ  “นั่งรถชมเมือง เล่าเรื่องลิกอร์” ซึ่งลิกอร์เป็นคำที่พ่อค้าชาวโปรตุเกสเรียกเมืองนครศรีธรรมราชตามอย่างชาวมลายูที่ออกเสียงว่า “ลีกอร์”


“พระเจ้ากรุงธนบุรีไม่ได้สิ้นพระชนม์ที่กรุงเทพ แต่ได้มาประทับที่นครศรีธรรมราช” นริศ น้อยทับทิม มัคคุเทศก์ดีเด่น รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ปี 2551 เล่าให้ฟังขณะนั่งรถรางตระเวณรอบเมือง


ความเชื่อที่ว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไม่ได้เสด็จสวรรคต แต่มาประทับที่นครศรีธรรมราชเป็นที่แพร่หลายอย่างยิ่งที่นี่ ด้วยปรากฏหลักฐานมากมายที่สนับสนุนความเชื่อนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางเดินพระเจ้าตากที่วัดพระมหาธาตุ ถ้ำที่พระองค์จำพรรษา และวัดวาอารามที่พระองค์ได้สร้างไว้ให้เหมือนกับกรุงธนบุรี


“ที่นี่มีวัดแจ้ง เหมือนกับที่เมืองธนบุรี และยังมีวัดวังตะวันตก วัดวังตะวันออก ที่เคยเป็นพระราชอุทยาน เจ้าพระยานคร (น้อย) โอรสของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสร้างถวายพระมารดา”
    การนั่งรถรางฟังคำบอกเล่าของผู้รู้ ก็เหมือนการย้อนเวลากลับไปเที่ยวเมืองนครในยุคเก่าก่อน เราจะเห็นได้ว่าที่นี่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง ดูได้จากศาสนสถานต่างๆ ตั้งแต่โบสถพราหมณ์และเสาชิงช้า วัดวาอารามมากมายตั้งแต่สมัยอยุธยา โบสถ์คริสต์ ศาลเจ้า และสุเหร่า
    ถ้าอยากเจาะลึกเรื่องราวเมืองลิกอร์ ขอแนะนำให้ไปชมพิพิธภัณฑ์เมืองนครศรีธรรมราช ที่นี่จัดแสดงความรู้เรื่องเมืองลิกอร์ตั้งแต่ครั้งโบราณได้อย่างน่าสนใจ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จวบจนปัจจุบัน
    ที่น่าสนุกคือวิธีการจัดแสดงที่ทันสมัยทำให้น่าสนใจ อาทิ การใช้ภาพ 3 มิติ หุ่น และภาพยนตร์มาประกอบเรื่องราว ช่วยให้เราย้อนยุคไปสมัยเก่าก่อน เมื่อครั้งเมืองนครยังใช้ชื่อว่าตามพรลิงค์ เป็นเส้นทางสายไหมทางทะเลที่สำคัญ ด้วยขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของไม้กฤษณา แม้จวบจนปัจจุบัน ป่าใหญ่แห่งนครศรีธรรมราชยังคงเป็นที่เลื่องลือ ทั้งในด้านความงามอันน่าอัศจรรย์และความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่ารอบๆเขาหลวง
    อีกหนึ่งแหล่งน่าเที่ยวที่ไม่ควรพลาดคือ บ้านคีรีวง ต้นแบบของชุมชนบนวิถีสีเขียวซึ่งได้รับรางวัลกินรีประเภทเมืองและชุมชน ปี พ.ศ.2541 ด้วยความที่เป็นชุมชนอนุรักษ์ อยู่ร่วมกับผืนป่าได้อย่างกลมกลืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบของสวนสมรม สวนแบบโบราณที่เป็นส่วนหนึ่งของป่า เติมด้วยน้ำใจและความเป็นกันเองของชุมชนชนบท
    “ตามสบายนะ ผลไม้หยิบกินกันได้เลย” พี่อารี ขุนทน เชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง


ใครก็ตามที่มาเยือนคีรีวงในช่วงต้นฤดูฝน ราวเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม รับรองได้ว่าจะต้องติดใจผลไม้หลากชนิดที่ทยอยสุก ไม่ว่าจะเป็นมังคุด ทุเรียน หรือเงาะ
นอกจากจะได้อิ่มอร่อยกับผลไม้ไร้สารพิษแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆให้ผู้มาเยือนได้ทดลองทำ อาทิ การย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติของพี่อารี ที่นี่ริเริ่มย้อมผ้าจากสีธรรมชาติมาได้หลายปีแล้ว เพื่อเป็นรายได้เสริม
ด้วยการใช้วัสดุและภูมิปัญญาท้องถิ่น ทำให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ว่าของต้นไม้ใบหญ้าในสวนก็ให้สีสวยเหมือนกัน เช่น ผลเงาะและฝักสะตอให้สีเทา ใบมังคุดสดให้สีน้ำตาลอมส้ม ไม้ขนุนให้สีเหลือง
แม้สีจากธรรมชาติจะไม่สดเท่าสีย้อมเคมี แต่ก็ให้ความสวยหวานในรูปแบบเฉพาะตัว เมื่อผนวกเข้ากับเทคนิคการมัดย้อม จึงกลายเป็นงานฝีมือพื้นบ้านที่เรียบอย่างมีสไตล์ แต่เต็มเปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์
“รัดให้แน่นนะ ถ้ารัดไม่แน่น ย้อมแล้วเหมือนภาพถ่ายที่ไม่ชัด” พี่อารีร้องบอก ยิ่งทำให้ผู้มาเยือนขะมักเขม้นรัดหนังยางกับผ้าเช็ดหน้าผืนน้อย ปลดปล่อยจินตนาการกันเต็มที่
“เสร็จแล้วเราจะนำไปย้อม ด้วยการต้มไฟอ่อนๆ แล้วค่อยต้มในน้ำขี้เถ้าด่างอีกรอบ”


     ถัดจากนั้นแค่ 2-3 ชั่วโมง พี่อารีก็เอาผลงานสุดสวยของแต่ละคนมาแจกกัน เป็นผลงานชิ้นเดียวในโลกของแต่ละคน
นอกจากจะมีกลุ่มมัดย้อมแล้ว ยังมีบ้านสมุนไพร หัตถกรรมจักรสาน และกลุ่มอาชีพเสริมอีกหลายกลุ่ม ให้ผู้มาเยือนได้ร่วมสนุกและเรียนรู้วิถีพื้นบ้านได้แบบเจาะลึกยิ่งขึ้น


    เขาหลวงและผืนป่าที่รายรอบนั้นยิ่งใหญ่จนยากที่จะเที่ยวได้หมดในเวลาอันสั้น แต่มุมหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือสายธารหมอกที่อ่าวกรุงชิง หรือหุบเขากรุงชิง
    ทุกๆเช้าที่เขาเหล็ก บ้านนบ กิ่งอำเภอนบพิตำ เราจะได้เห็นสายธารหมอกค่อยๆไหลจากหุบเขากรุงชิง วิ่งเป็นสายขาวโพลน ตัดกับหุบเขาเบื้องล่างสีเขียวทะมึน ที่น่ารักก็คือจะมีชาวบ้านเข้ามาคอยดูแลอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาเยือนตั้งแต่เช้ามืด และสามารถจัดเตรียมกาแฟ ขนมนมเนยไว้คอยท่าหากแจ้งล่วงหน้า


    ก่อนฟ้าสาง ผมนั่งจิบกาแฟอุ่นๆ พร้อมกับมองทางด่วนสายหมอกเข้ามาปะทะกลุ่มต้นไม้ก่อนจะสลายไปต่อหน้าต่อตา เป็นสายธารสีขาวที่แปลกและน่าประทับใจมากที่หนึ่ง
ชาวบ้านเรียกที่นี่ว่าเขาเหล็ก เพราะเคยเป็นเหมืองเก่า ภูเขาทั้งลูกถูกขุดหน้าดินออกไปเป็นขั้นบันไดกว้างๆ เปิดทัศนวิสัยให้เห็นถนนสายหมอกได้เต็มตา


    “ผมเคยมองจากยอดเขาหลวง เห็นหมอกเป็นสายยาวราวกับถนน วิ่งจากกระบี่มาสุดที่ตรงนี้” นเรศ สุขรินทร์ จากบริษัท ทาร์ซานแอดเวนเจอร์ ทัวร์ เจ้าของรางวัลดีเด่น ประเภทรายการนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ ปี พ.ศ. 2551 รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย บอกก่อนจะพาผมไปสัมผัสความสวยงามอีกด้านของเขาเหล็ก นั่นคือน้ำตกกรุงชิงอันลือชื่อ


    แต่ก่อนที่จะไปสัมผัสน้ำตก นเรศแนะนำให้ผมได้ลองปลุกประสาทสัมผัสและสัญชาตญาณในตัว ที่เขาให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวในหลักสูตร “ถอดรหัสป่า”


“ถอดรหัสป่าคือวิชาพราน รหัสป่านั้นคือภาษาที่ป่าสื่อสารกับเรา” ว่าแล้วนเรศก็ให้เราลองหลับตาแล้วฟังเสียงรอบๆตัว ทันใดนั้น สัญญาณต่างๆในป่าก็หลั่งไหลเข้าหาเรา ไม่ว่าจะเป็นเสียงนกตบยุง เสียงแมลง เสียงน้ำไหล ก่อนจะแนะเป็นปฐมบทเล็กน้อยว่า “ถ้าเสียงเปลี่ยน แสดงว่ามีสิ่งผิดปรกติ”


ด้วยคำแนะนำจากหลักสูตรถอดรหัสป่า เราก็เริ่มมองป่าในมุมมองที่เปลี่ยนไป ผมเดินช้าลง เปิดรับสัญญาณป่ารอบๆตัวมากขึ้น ทั้งสรรพเสียง และกลิ่นต่างๆ ตลอดทางไปเยือนน้ำตก ระยะทาง 3.7 กม  จากที่ทำการไปยังน้ำตกนั้นไม่ได้ไกลจนเกินจะเดินไหว เพราะเป็นการเดินผ่านป่าดิบร่มครึ้ม ที่มีทางเดินคอนกรีนปูให้พร้อมสรรพ แต่ที่ทำให้หลายคนท้อคือความชันของบันไดในช่วงสุดท้าย ที่ทิ้งดิ่งลงหน้าผาอย่างไม่ปราณีปราศรัย ทำให้หลายคนขาสั่นระริกด้วยความล้า แม้จะเป็นเพียงไม่กี่สิบก้าวก็ตาม แต่เมื่อลงไปแล้ว ความชื่นใจก็ไหลเข้ามาแทนที่ความเหนื่อยล้า  น้ำตกกรุงชิง นั้นสูงสง่ายิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชั้น 2 ที่เรียกว่า หนานฝนแสนห่า สายน้ำไหลกระเซ็นมาจากหน้าผาชันที่ความสูงราว 20 เมตร ผ่านชั้นต่างๆก่อนจะโจนลงมาที่แอ่งใหญ่เบื้องล่าง ความงามของน้ำตกชั้นนี้ เป็นที่เลื่องชื่อจนได้รับการตีพิมพ์ในธนบัตร ราคา 1,000 บาทรุ่นแรก


     อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า นครศรีธรรมราชไม่ได้มีแค่ป่าที่น่าประทับใจ ทะเลเมืองคอนก็สวยไม่ใช่ย่อย คนที่เคยได้เห็นต่างยอมรับว่าทะเลขนอมนั้นสวยไม่แพ้ทะเลสุราษฎร์ ซึ่งที่จริงขนอมกับอำเภอดอนสักของสุราษฎร์ธานีนั้นก็อยู่ใกล้กันมาก ความสมบูรณ์ของผืนป่าและทะเล รวมถึงชุมชนที่คงวิถีดั้งเดิมในการดำรงชีวิตซึ่งมีความสอดคล้องกับธรรมชาติ บวกกับการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนร่วมเป็นสำคัญ สิ่งเหล่านี้ได้ช่วยอุ้มชูนครศรีธรรมราชให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสีเขียวที่น่ามาเยือนได้ตลอดปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook