กระบี่ เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก

กระบี่ เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก...ไม่ผิดเลยกับคำขวัญข้างต้น เนื่องเพราะไม่ว่าจะกี่คราวที่มาเยือน ก็ไม่เคยทำให้รอยยิ้มขาดหายไป เช่นเดียวกับครั้งนี้ ด้วยรูปแบบ "การเดินทางที่แตกต่าง"

กระบี่ จังหวัดริมฝั่งทะเลอันดามันห่างจากกรุงเทพฯถึง 814 กิโลเมตร แต่การเดินทางด้วย โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ดับเบิ้ลแค็บ 4 x 4 ที่ด้านในกว้างขวางสะดวกสบายตลอดการเดินทาง สัมภาระของเพื่อนร่วมทางถูกจัดลงกระบะหลังได้อย่างลงตัว

"ถึงอ่าวนางแล้วหาอะไรกินกันก่อนเลยละกันเน๊อะ" นิคกี้ ผู้ร่วมทางเอ่ยขึ้น

อ่าวนาง อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นแหล่งช้อปปิ้ง มีโรงแรมที่พักให้เลือกหลายระดับ ลักษณะเป็นเวิ้งอ่าวยาว 6 กิโล ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามแปลกตาด้วยภูเขาหินปูน

"ร้านนี้คนเยอะดี หน้าตาน่าอร่อย" นิคกี้ คนเดิมเอ่ย

ร้านที่ว่าเป็นเพียงรถเข็นเล็กๆริมฟุตบาธตั้งติดกัน 3 คัน มีพ่อครัวเป็นชาวมุสลิมทั้งหมดผัดอาหารกันควันโขมง มีเก้าอี้พลาสติกเล็กๆให้นั่งกันหน้ารถเข็น มือซ้ายถือจาน มือขวาจ้วงอาหาร อืมมม... บรรยากาศใช้ได้ทีเดียว

หลังทานอาหารค่ำเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้าห้องพักเอาแรง เนื่องเพราะวันรุ่งเราจะเริ่มลุยเที่ยวกันที่อ่าวท่าเลน พายเรือซีคายัค ลัดเลาะ ชมประติมากรรมธรรมชาติกัน

.......................................................................................................

"ซี คายัค กระบี่ ยินดีต้อนรับจ้า" คุณอารีย์ เนียมหวาน ทายทักเมื่อวีโก้ดับเครื่องจอด

อ่าวท่าเลน เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำประมง แต่เพราะคุณสุรศักดิ์ ผู้ชื่นชอบการพายเรือคายัคชมธรรมชาติและริเริ่มนำเรือคายัคมาให้นักท่องเที่ยวได้เห็นความงามของที่นี่เช่นเดียวกับเขา อ่าวท่าเลนจึงเริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง

"เดี๋ยวสอนวิธีพายเรือคายัคก่อน ที่นี่เป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์มากๆอยู่กลางทะเลใน" พี่เอ ฝีพายมืออาชีพเริ่มสาธยาย

เสียงจ๋อม... จ๋อม ...ของพายที่ถูกคัดท้ายอย่างแผ่วเบา ทำให้สัมผัสได้ถึงเสียงของสรรพสัตว์ที่สอดแทรกตลอดเส้นทางที่คดเคี้ยวได้อย่างชัดเจน ด้านหน้าหุบเขาหินปูน แคนยอนสูงตระหง่าน พาลให้อดคิดไม่ได้ว่า ถึงที่สุดแล้วมนุษย์ก็เล็กที่สุดนั่นแหล่ะ ไม่มีทางที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าธรรมชาติได้เลย

"จะมาพายเรือที่นี่ต้องเช็คเรื่องน้ำขึ้นน้ำลงทุกครั้งครับ " พี่คนเดิมเล่าให้ฟัง

นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนสีโบราณบนหน้าผา หินงอกหินย้อยคล้ายหัวจรเข้ ใครสนใจกิจกรรม Sea Kayak Krabi สอบถามกันไปได้ที่ สำนักงานกระบี่ โทร 0-9724-8579
เสร็จสิ้นกิจกรรมด้วยรอยยิ้ม ทุกคนก็ยิ่งปลื้มมากขึ้นเมื่อเข้ามาพักที่ เดอะทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท ห่างจากหาดคลองม่วงราว 10 กิโล ที่นี่ถือว่ามีชายหาดที่ขาวละเอียดจริงๆ โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ตกดินถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง จึงไม่น่าแปลกใจที่มีคู่รักต่างชาติหลายต่อหลายคู่เลือกเป็นสถานที่แต่งงาน

"หน้าหาดจะเห็นป่าเกาะ เกาะแก่งมากมายที่พรุ่งนี้ทางรีสอร์ทจะพานั่งเรือไปเที่ยวกันค่ะ" คุณวิภาวรรณ เหล่าธนาสิน MD เดอะทับแขก กระบี่ บูทีครีสอร์ท เล่าให้ฟังเพื่อเรียกน้ำย่อย

.......................................................................................

"ว้าว ....... พี่บอล ปลาดาวเยอะมากเลย" น้องปุ้ม หนึ่งในผู้ร่วมทางส่งเสียงดังลั่นเมื่อคนเรือจับปลาดาวขึ้นมาโชว์

เกาะห้อง ถือว่างดงามมากๆ หาดทรายโค้ง ทรายละเอียด เหมาะกับการเล่นน้ำ อ่าวห้องแห่งนี้เปรียบเหมือนสระน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่มีหน้าผาสูงชันโอบล้อม สน็อคเกิ้ลหนึ่งชิ้นก็ดำน้ำดูปลาตัวน้อยใหญ่ได้แบบชิลๆ

เอ้า .... แล้วก็ไปกันต่อเลย คราวนี้บุกลุยกันไปยังเกาะลันตา เกาะที่เดิมไม่ใคร่มีคนรู้จักแต่ปัจจุบันทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างติดอกติด การเดินทางจากกระบี่ใช้เวลาราวชั่วโมงกว่าๆจะถึงท่าเรือแพขนานยนต์ เพื่อข้ามไปยังเกาะลันตาเรือออกทุก 15 นาที

บนเกาะลันตาถนนลาดคอนกรีตเดินทางสะดวกสะดวกสบาย มีหาดนับสิบ มีแหล่งดำน้ำดูปะการังที่สวยงาม และส่วนที่อยากแนะนำคือ อุทยานแห่งชาติฯเกาะลันตาใต้สุดของเกาะ ที่ตั้งของหาดแหลมโตนด

อุทยานแห่งชาติฯเกาะลันตา ทางขึ้นขรุขระลาดชันและสภาพถนนเป็นดินแดงต้องใช้รถกระบะเท่านั้น นั่นทำให้พาหนะคู่ใจอย่างโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ของเราวันนี้นับเป็นพระเอกได้เลย

"บนอุทยานฯไม่มีบ้านพักหรือรีสอร์ท แต่สามารถกางเต็นท์ได้" คุณอ๊อด - จตุพงศ์ กริชกำจร MD เดอะลันตาพาเลซ รีสอร์ท & บีช คลับ เล่าให้ฟัง

เกาะลันตา เป็นสถานที่ที่แตกต่างจากเกาะพีพีและเกาะภูเก็ตอย่างสิ้นเชิง ด้วยความเงียบสงบและเรียบง่ายของผู้คน รวมถึงธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์

ทริป 5 คืน 6 วัน ในการตะลุยเมืองกระบี่และเกาะลันตา กับโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ดับเบิ้ลแค็บ 4 x 4 ครั้งนี้ นอกจากจะทำให้เราได้สัมผัสกับความสะดวกสบายในการเดินทางแล้ว ยังตอกย้ำความเป็นรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเดินทางกันแบบจิ๊บๆ การใช้น้ำมันก็จิ๊บๆ จริงๆเลย

 

Story : Teaunjai joyame Photo : sakaya boonsamer

(คลิกที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดใหญ่)