ให้รางวัลกับชีวิต
ภาคเหนือหน้าหนาว...คงเป็นดินแดนในฝันสำหรับการพักผ่อนของใครหลายๆคน สำหรับคนเมืองกรุง ฟ้าแต่ละวันแต่ละเดือนหรือแต่ละปี ดูเหมือนจะไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่เคยแตกต่าง ยิ่งสำหรับคนทำงาน เวลานาทีสำหรับการให้รางวัลกับชีวิตดูยาวนานและเป็นตารางกำหนดนัดที่แน่นอนจน แทบไม่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ความรู้สึกที่หนักอึ้งทับถม
แล้วปล่อยให้สายลมและแสงตะวันผันผ่านโดยไม่มีโอกาสทักทายกัน ฝันถึงห้วงเวลาที่จะไปไหนก็ได้ที่อยากไป (ทุกเวลา) โดยไม่ต้องไป ขออนุญาตใคร ( ก็ไม่รู้ ) ที่กลายมาเป็นผู้มีอำนาจเหนือชีวิตเรา
บางคนเป็นช่างไฟที่รับซ่อมติดตั้งไฟฟ้าตามบ้านเรือนร้านค้า บางคนเป็นเพียงเจ้าของร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์เล็กๆริมทางข้างถนน บางคนแค่เปิดร้านขายอาหารพื้นเมืองในชุมชน บางคนเป็นเพียงศิลปินวาดภาพราคาย่อมเยา บางคนรับทำแค่ป้ายโฆษณาเล็กๆน้อย ฯลฯ ทุกคนมีครอบครัว ทุกคนมีลูก ทุกคนต้องประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเอง.. ทุกคนต้องทำงานแบบที่เราเคย(ต้อง)ทำ แต่สิ่งที่ยังเหลือเฟือในชีวิตของแต่ละคนกลับเป็น เวลา ...เวลาที่สูญหายไปจากชีวิตเราในยามอยู่ในสังคมเมืองหลวงเกือบยี่สิบปี ณ ริมผืนน้ำกว้างใหญ่เบื้องหน้า ชีวิตเหล่านั้นกำลังเป็นสุข..และปราศจากสิ่งกังวลใดๆ..ทุกคนคงไม่ได้คิดลึกซึ้งไปถึงขนาดว่าธรรมชาติรอบตัวมีเงาสะท้อนและส่งผลสะเทือนไปถึงจิตใจมากมายเพียงใด สำหรับคนที่ใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ย่อมไม่รู้สึกว่าธรรมชาติเป็นสิ่งแปลกแยกจากตัวตน หากสำหรับคนเมือง..ที่สั่งสมอารมณ์โหยหาชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติมานานวัน .. สิ่งที่สัมผัสเบื้องหน้ากลับส่งผลสะเทือนกระทบหลายสิ่งในความรู้สึก..อย่างน้อยก็ความระลึกนึกถึงและอยากส่งผ่านสิ่งที่ได้พานพบกลับมายังเพื่อนที่อาจมีความใฝ่ฝันเดียวกันเมื่อมองข้ามขุนเขา...ภาพหลังขุนเขาแสนไกลหลายร้อยกิโลเมตร เพื่อนพ้องในเมืองใหญ่คงกำลังใช้ชีวิตประจำวันเช่นเดิม พบกันในตอนเช้า ทักทายและแยกย้ายกันทำงาน กินข้าวเที่ยงด้วยกันและแยกย้ายกันทำงาน เลิกงานและแยกย้ายกันกลับบ้าน ...แดดยามเช้า ฟ้าตอนกลางวัน และแสงตะวันยามเย็นมีสีสันเช่นไร..ไม่มีเวลาชื่นชม ต้นไม้ยืนต้นตายซากกลางท้องน้ำเวิ้งว้าง..สะท้อนอดีตตนเองยาวไกล หากไม่เลือกที่จะจากมา..คงมีสภาพเป็นต้นไม้ตายซากอยู่กลางเมืองใหญ่..หากไม่เลือกละทิ้งมาตรฐานชีวิตตามรูปแบบสังคมที่เคยมี..คงจะไม่พานพบห้วงเวลาและบรรยากาศแห่งชีวิตที่ปรารถนา เวลาที่ปรารถนามาถึงได้..หากรู้จักตัดสายโยงใยที่ชักดึงมาผูกตัวเองไว้..เวลาที่ปรารถนาจะยาวไกล..หากสายโยงใยรัดแน่นจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต..ปรารถนาแห่งชีวิต..อย่ารอคอยบั้นปลาย..ระหว่างการเดินทาง..หากยังไม่อาจตัดสายโยงใยได้หมดสิ้น..ก็เพียงรู้จักให้รางวัลกับชีวิต..โลกนี้มีเวลาเดินไปอย่างสม่ำเสมอ..มนุษย์ต่างหากคือผู้เลือกจะ มีเวลา หรือ ไม่มีเวลา ........................................................................ พิตะวัน...เรื่อง/ภาพ
|
ออนไลน์วันที่ 21 มกราคม 2551