ขึ้นชื่อว่า “ไอดอล” คำจำกัดความ ของศิลปินในรูปแบบนี้ มีความแตกต่างจากทั่วไป นอกเหนือจากบทบาท ร้องเพลง เต้น บนเวที พวกเขายังมีหน้าที่อื่น ต่างๆ นานา ที่ต่องปฏิบัติตามงานที่ได้รับ

ทำอาหาร, เดินป่า, ฝึกในค่ายทหาร อาจเป็นกิจกรรมที่ดูแปลก แต่สำหรับไอดอล จากประเทศเกาหลี กิจกรรมแหวกแนว เหล่านี้ มีหลายคนที่เคยผ่าน ประสบการณ์มาแล้ว รวมไปถึง กิจกรรม อย่าง การเล่นกีฬาสี

งานกีฬาสีไอดอล (Idol Star Athletics Championships) คือกิจกรรมที่เกิดขึ้นทุกปี สำหรับงานสันทนาการ เล่นกีฬา ในหมู่ไอดอล ซึ่งมีการถ่ายทอด ให้ผู้คนทั่วประเทศ ได้รับชม

ฉากหน้าของงานแสนสนุก สุดเฮฮา งานกีฬาสีไอดอล สามารถเป็นภาพสะท้อน อะไรอีกหลายอย่าง ไว้ได้อย่างน่าสนใจ ตั้งแต่ เรื่องราวของวงการไอดอล ไปจนถึงสภาพสังคม และชีวิตมนุษย์ ในปัจจุบัน

จุดเริ่มต้นของกีฬาสี

กีฬาสีไอดอล เป็นการแข่งขันกีฬา ผ่านรายการวาไรตี้ โดยนำเอาศิลปิน บอยกรุ๊ป และ เกิร์ลกรุ๊ป ในวงการดนตรีของเกาหลีใต้ มาแบ่งทีมเป็นแต่ละสี เพื่อลงแข่งขันกีฬา กระชับมิตร ในลักษณะ ไม่ต่างอะไร กับการแข่งขันกีฬาสี ในบ้านเรา มีการเดินขบวน ของแต่ละสี รวมถึง ขั้นตอนปฏิญาณตน การเป็นนักกีฬาที่ดีเช่นกัน

Photo : MBC

การแข่งขันนี้ มีโต้โผจัด เป็นช่องโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ อย่าง เอ็มบีซี (MBC : Munhwa Broadcasting Corporation) ที่ต้องการ หาความแปลกใหม่ ให้กับผังรายการ เพื่อกระชากเรตติ้ง ในช่วงเทศกาลชูซอก หรือ เทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ของชาวเกาหลีใต้ (กำหนดอยู่ในช่วงกลางเดือน 8 ตามปฏิทินจีน ราวๆ เดือนกันยายนตามปฏิทินสากล) อันเป็นช่วงวันหยุดยาว ของคนที่นั่น

การนำไอดอล ซึ่งมีหน้าที่ เป็นนักร้อง นักแสดงเป็นหลัก มาเล่นแร่แปรธาตุ จับเป็นนักกีฬา ดูเป็นอะไรที่แปลกใหม่ ไม่ใช่น้อย และน่าจะดึงดูดกระแสจากผู้ชม ทางบ้านได้ไม่ยาก

การแข่งขัน กีฬาสีไอดอล ถูกจัดขึ้นครั้งแรก ในวันที่ 14 กันยายน 2010 ด้วยการลงทุน ปิดสนามฟุตบอล มกดง สเตเดียม (Mokdong Stadium) เพื่อใช้ในการถ่ายทำ โดยมีไอดอลทั้งสิ้น 130 ชีวิต เข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งเพศชาย และเพศหญิง

Photo : MBC

แม้ว่าการแข่งขัน ในวันนั้น จะไม่ได้มีอะไรใหญ่โต แต่เป็นการแข่งขันกีฬา เล็กน้อย ที่พอจะเอาไอดอล มาดวลความสามารถได้ เช่น วิ่ง 100 เมตร, วิ่งผลัด 100 เมตร, กระโดดสูง, กระโดดไกล หรือกีฬาพุ่งเหลน

ในวันที่ 25 และ 26 กันยายน 2010 ที่ตรงกับช่วงวันหยุด เทศกาลชูซอก คือวันที่รายการ กีฬาสีไอดอลออกฉาย ผู้คนหยุดอยู่บ้าน ใช้เวลากับครอบครัว การแข่งขันกีฬาระหว่างไอดอล ที่เต็มไปด้วยความฮา ความสนุก แบบทุลักทุเล สร้างกระแสโด่งดัง ไปทั่วทั้งประเทศ ด้วยการทำเรตติ้ง 16.6 เปอร์เซ็นต์ ในวันแรก และ 14.6 เปอร์เซ็นต์ ในวันที่สอง

ทำให้ การแข่งขันกีฬาสีไอดอล จึงเปรียบเสมือน ธรรมเนียมหนึ่ง ของเหล่านักร้องเคป็อป ที่ต้องมาชิงชัย บนสังเวียนกีฬา นับแต่นั้นเป็นต้นมา

โอกาสของความโด่งดัง

จากปี 2010 การแข่งขันกีฬาสีไอดอล จัดขึ้นในทุกปี (ปีละ 1 หรือ 2 ครั้ง) โดยการแข่งขันกีฬา ในแต่ละปี จะหมุนเวียนกันไป ตามสมควร ทั้ง ยิงธนู, ยิมนาสติก, โบว์ลิ่ง, ฟุตบอล, ฟุตซอล, บาสเกตบอล ปิงปอง และอีกมากมาย รวมถึงกีฬายอดฮิต ประจำการแข่งขัน อย่างกีฬาวิ่ง ด้วยเช่นกัน

ขณะที่จำนวนไอดอล จากปีแรก เพียง 130 คน ค่อยๆเพิ่มขึ้น เป็น 150 คน หรือ 200 คน ไปจนถึง 300 คน มาแล้ว ในปี 2015

เรตติ้งที่สูงของรายการ ในทุกครั้งที่จัดการแข่งขัน ทำให้กีฬาสีไอดอล มีศิลปินกลุ่มชื่อดัง เข้าร่วมการแข่งขัน เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น วงที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ, วงดาวรุ่งน้องใหม่ หรือวงที่เดบิวต์ มา 2-3 ปี แล้วยังไม่โด่งดัง ล้วนถูกต้นสังกัด ส่งเข้าแข่งรายการนี้

Photo : MBC

เพราะหากมีช็อตเด็ด เป็นเหตุการณ์ประทับใจ เกิดขึ้นในรายการ โอกาสที่จะกลายเป็นไวรัล บนโลกอินเตอร์เน็ต เพิ่มชื่อเสียงโด่งดัง ให้กับตัวไอดอล วงที่สังกัดอยู่ ในช่วงข้ามคืน

ยกตัวอย่าง คลิปการยิงธนู ของจือวี่ (Tzuyu) วงทไวซ์ (Twice) ที่ได้รับความโด่งดัง ไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ต เมื่อปี 2016 ซึ่งไม่ได้มาจาก ความแม่นยำ ในการยิงธนูของเธอ แต่มาจากการที่เธอยิงธนู แล้วผมสะบัดไปตามลูกธนู ที่ยิงออกไป เหมือนตัวการ์ตูนญี่ปุ่น ก็ไม่ปาน

ปี 2019 จือวี่ สร้างชื่ออีกครั้ง กับงานกีฬาสีไอดอล ด้วยการยิงเข้าเป้า 10 คะแนน 4 ติดต่อกัน ในการแข่งขัน จนช่องเอ็มบีซี ถึงกับโพสต์บทความ อวยไอดอลสาวชาวไต้หวัน พร้อมตั้งฉายาว่า “จื่อโกลัส” ล้อเลียนตัวละคร เลโกลัส (Legolas) จากภาพยนตร์เรื่อง เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ (The Lord of the Rings)

ต่อให้เป็นการแข่งขันกีฬา ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เหล่าไอดอลถนัด และทำได้เต็มที่ เหมือนกับการแสดงบนเวที แต่วงไอดอล ส่วนใหญ่ไม่ต้องการปฏิเสธ การเข้าร่วมรายการนี้ เพราะเป็นทั้งโอกาส สร้างชื่อเสียง สร้างแฟนคลับ มีช่วงเวลา ที่ได้ออกโทรทัศน์ ซึ่งสามารถ สร้างความรู้จัก กับประชาชนทั่วไป ที่ไม่ใช่ติ่งไอดอล ให้หันมาสนใจได้

ศิลปิน อย่าง เอ็กโซ (EXO), บีทีเอส (BTS), เรด เวลเวท (Red Velvet) หรือทไวซ์ คือตัวอย่างไอดอล ที่มีชื่อเสียง ไปทั่วโลกในปัจจุบัน ที่ผ่านสังเวียนกีฬาสีไอดอล มาตั้งแต่ยังเป็นวงดาวรุ่งน้องใหม่

หากนักฟุตบอล ต้องการสนามแข่งขัน เพื่อใช้ในการสร้างชื่อเสียงของตัวเอง สำหรับไอดอล บางทีสนามกีฬา อาจเป็นสิ่งที่ต้องพึ่งพา ในการใช้สร้างชื่อเสียง เช่นเดียวกัน

แตกต่างเหมือนกัน บนสนามแข่งขัน

สิ่งที่ถูกถ่ายทอด ผ่านหน้าจอโทรทัศน์ ของการแข่งขันกีฬาสีไอดอล จะเป็นการแข่งขัน ที่ดูสนุกเฮฮา แต่เบื้องหลัง ของงานนี้ ต้องแลกด้วย พลังกาย พลังใจมหาศาล ของเหล่าไอดอล ที่เข้าร่วมงาน ไม่ต่างอะไรกับนักกีฬา ยามเข้าสู่ สนามกีฬา เพื่อทำการแข่งขัน

เนื่องจากการถ่ายทำทั้งหมด จะเกิดขึ้นภายในวันเดียว ตั้งแต่เช้าตรู่ จนถึงช่วงเวลา ตี 1 ตี 2 ของวันถัดไป โดยไม่มีหยุดพัก เพื่อประหยัดเวลาทำงาน อันเป็นเงินเป็นทอง ที่แน่นขนัด ของเหล่าไอดอล

Photo : MBC

พวกเขาต้องใช้เวลาอยู่ในฮอลล์ เพื่อถ่ายทำรายการนี้ เกือบ 24 ชั่วโมง โดยไม่ได้ออกไปข้างนอก แทบไม่มีเวลา ให้นอนหลับพักผ่อน

เพราะตลอดเวลา มีกล้อง คอยจับตาดูอยู่ ทั้งจากรายการ และแฟนคลับที่เข้าร่วมงาน ซึ่งตามธรรมชาติ ของไอดอลเกาหลี พวกเขาไม่สามารถ ที่จะแสดงพฤติกรรมเชิงลบ ต่อหน้ากล้อง โดยเด็ดขาด การแสดงอาการขี้เกียจ เบื่อ อยากกลับบ้าน ง่วงนอน หรือนอนหลับ เป็นพฤติกรรมต้องห้าม ในช่วงการถ่ายทำรายการ

ไม่มีมนุษย์คนไหน อยากทำงาน ทั้งวัน ทั้งคืน โดยไม่มีเวลาหลับนอน ถ้าไม่จำเป็น หากแต่สำหรับไอดอล ที่ทำงานแทบทุกวัน ไม่มีหยุดพัก การทำงานหนัก เช่น การถ่ายรายการกีฬาสีไอดอล เป็นเหมือนเรื่องปกติ ของพวกเขา ที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ และเตรียมใจ มาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ

เหมือนกับที่นักกีฬา ต้องมีระเบียบวินัย รอบด้าน หากต้องการเป็นนักกีฬาอาชีพ ที่ดีและประสบความสำเร็จ ต้องทำงานหนักตลอดเวลา แม้ในช่วงปิดฤดูกาล การฝึกซ้อม ดูแลร่างกาย ระเบียบวินัยการรับประทานอาหาร ไม่ใช่สิ่งที่จะละเลยได้

ความเหมือนกัน ระหว่างไอดอล และนักกีฬา ที่ถ่ายทอด ผ่านงานกีฬาสีไอดอล การแข่งขันกีฬาสีไอดอล อาจเป็นเพียงการแข่งขันของมือสมัครเล่น

แต่ในทางหนึ่ง ก็ให้ภาพสะท้อน ไม่ต่างอะไรกับ การทำงานของนักกีฬา ที่ต้องทำงานให้เต็มที่ เวลาลงสนาม ไม่ควรมีการอิดออด หรือ ไม่พอใจ กับหน้าที่ตัวเอง ยามอยู่ในสนามแข่งขัน ซึ่งสำหรับไอดอล คือการออกหน้ากล้องโทรทัศน์

Photo : MBC

การลงสนาม ระหว่างนักกีฬาอาชีพ และเหล่าไอดอล ในวันงานกีฬา ยังมีจุดหมุดหมาย ที่ไม่แตกต่างกัน คือการวัดความสามารถ ของตนเอง และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อชัยชนะในรูปแบบของตน

แตกต่างตรงที่ นักกีฬา ลงสนามเพื่อแสดงความสามารถ ของตัวเอง คว้าชัยชนะ ถ้วยรางวัล ให้กับตัวเอง หรือทีม แต่สำหรับไอดอล พวกเขาลงสนาม เพื่อวัดขีดจำกัด ในฐานะไอดอล พวกเขาจะทำได้ดีเพียงใด กับการออกกล้องเกือบ 24 ชั่วโมง? จะมีพลังรองรับ การทำงานหนัก ได้แค่ไหน? จะสามารถแสดงเสน่ห์ เพื่อเอาชนะใจแฟนคลับ สร้างแฟนคลับ ได้มากเพียงใด กับโอกาสที่อยู่ข้างหน้า?

ไม่ว่าจะนักกีฬา ยามอยู่ในสนาม หรือไอดอล ยามอยู่หน้าจอทีวี ทุกคนอยากทำงานให้เต็มที่ เพื่อเป็นนักกีฬา และไอดอลที่ดี ทำให้แฟนบอลหรือแฟนคลับ ของตัวเอง รู้สึกภาคภูมิใจ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟน ของพวกเขาเหล่านั้น

เพราะไม่มีนักกีฬา หรือไอดอลคนไหน อยากสร้างผลงาน หรือภาพลักษณ์ ที่ย่ำแย่ ในฐานะนักกีฬาฝีมือแย่ หรือ ไอดอลจอมขี้เกียจ ให้ผู้คนได้จดจำ โดยเฉพาะทำให้แฟนๆต้องผิดหวัง

สถานะของความเหมาะสม?

นอกจากการทำงานหนัก การถ่ายทำ รายการกีฬาสีไอดอล ไม่ใช่เรื่องสนุกเท่าไหร่นัก กระทั่งแฟนคลับหลายคน ก็ไม่อยากให้ ไอดอลที่ตัวเองรัก มาร่วมแข่งขันรายการนี้ เพราะทำให้ไอดอล ต้องเจ็บตัวอยู่ร่ำไป

Photo : i.ytimg.com

สำหรับนักกีฬาอาชีพ อาการบาดเจ็บ ไม่ใช่สิ่งที่จะหลีกเลี่ยงได้ แต่สำหรับไอดอล หรือนักกีฬาสมัครเล่นทั่วไป อาการบาดเจ็บ จากการเล่นกีฬา เป็นสิ่งที่ทุกคนพยายามหลีกเลี่ยง

อย่างไรก็ตาม กีฬา กับอาการบาดเจ็บ เป็นเหมือนของคู่กัน สำหรับไอดอล ที่ต้องทำงานอย่างเต็มที่ ตลอดเวลา ไม่ว่าได้รับบทบาทไหน การพบเจออาการบาดเจ็บ ยิ่งเกิดได้ง่ายยิ่งขึ้น

กีฬา ฟุตซอล หนึ่งในการแข่งขัน ที่สนุก และดุเดือดที่สุด ของกีฬาสีไอดอล นักร้องหนุ่มหลายราย ต้องตกเป็นเหยื่อ ของอาการบาดเจ็บ เช่น เลโอ (Leo) จากวงวิกซ์ (Vixx) ที่ได้รับบาดเจ็บ บริเวณข้อเท้า จากการเข้าเสียบสกัด จนต้องเข้าเฝือก ใช้ไม้เท้าช่วยเดิน และไม่สามารถ ขึ้นทำการแสดงบนเวทีอยู่พักใหญ่

ขณะที่อาการหนักที่สุด หนีไม่พ้น อูฮยอน (Woohyun) จากวง อินฟินิท (Infinite) ที่ได้รับบาดเจ็บ บริเวณไหล่ซ้าย จากความทุ่มเทในการพยายาม ทำประตู ในการแข่งขันฟุตซอล จนไหล่ของเขา กระแทกกับพื้นปูน อย่างเต็มแรง ในการแข่งขันกีฬาสีไอดอล เมื่อปี 2014

ซึ่งในภายหลัง เจ้าตัวออกมาเปิดเผยว่า อาการบาดเจ็บครั้งนั้น ส่งผลกับตัวเขาอย่างร้ายแรง เขาไม่สามารถ ออกกำลังกายหนัก เช่น การยกเวท หรือเล่นกีฬาที่ใช้กำลังแขน ตลอดชีวิต ทำได้เพียงแค่ วิ่งออกกำลังกาย เท่านั้น

Photo : MBC

ไอดอลหญิงสาว หลายคนต้องพบเจอ ประสบการณ์เดียวกัน กับไอดอลชาย เช่น ซอลฮยอน (Seolhyun) จากวงเอโอเอ (AOA) ที่ได้รับบาดเจ็บขา จากการเล่นกีฬาเคิร์ลลิง (Curling) จนต้องพักรักษาตัว หายหน้าจากจอโทรทัศน์ อยู่หลายเดือน ไม่สามารถทำกิจกรรม กับเพื่อนร่วมวงได้

ถึงกระนั้น รายการกีฬาสีไอดอล ยังได้รับความนิยมอย่างสํงทุกครั้งที่ออกฉาย

แต่ก็มีคำถามถึงความเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องการใช้งานไอดอล ที่หนักเกินไป ในการแข่งขัน คือข้อโจมตี จากเหล่าแฟนคลับ ต่อรายการนี้เสมอ

ในขณะที่เหล่านักกีฬาอาชีพ ก่อนลงสนามแข่งขันทุกครั้ง การรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ มีความสำคัญอย่างมาก ทว่าการแข่งขันกีฬาสีไอดอล กลับถูกสื่อและแฟนคลับ โจมตีเรื่องการละเลย การป้องกันอาการบาดเจ็บ ให้เหล่าไอดอล ที่เป็นนักกีฬาสมัครเล่น และไม่มีทักษะ ในการป้องกันร่างกายตัวเอง

บ่อยครั้ง ที่ชาวเน็ตเกาหลีใต้ มีความเชื่อว่า ไอดอลหลายคน ได้รับอาการบาดเจ็บ จากการถ่ายทำรายการนี้ มากกว่า จำนวนข่าวที่ออกมา แต่ด้วยอิทธิพลของช่องเอ็มบีซี ที่เป็นสื่อระดับท็อป 3 ของประเทศ ก็อาจทำให้การปิดข่าว เป็นไปอย่างง่ายได้ ส่วนไอดอล ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกมาพูดบ่น ถึงอาการบาดเจ็บของตัวเอง เพราะอาจทำให้เกิดปัญหา กับสถานีโทรทัศน์ ซึ่งมีแต่เสียกับเสีย

Photo : MBC

สิ่งที่ซ่อนอยู่ใน(กีฬาสี)ไอดอล

หน้าที่หลักของไอดอล คือการทำงาน สร้างความสุขให้ผู้คนก็จริง แต่การดูแลสุขภาพ กายและจิต มีความสำคัญไม่แพ้กัน การทำงานที่หนักเกินไป อย่างเช่น การถ่ายทำรายการ กีฬาสีไอดอล เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยว การทำงานหนักรากเลือด ของเหล่าศิลปินเคป็อป จนก่อให้เกิดปัญหา ที่ไอดอลหลายคน ป่วยเป็นโรคเครียด เพราะการทำงานหนักเกินไป

ปัญหาโรคเครียด จากการทำงาน คือสิ่งที่สังคมเกาหลีใต้ ต้องเผชิญ ในปี 2017 เกาหลีใต้ ถูกจัดให้เป็นประเทศ ที่มีปัญหาการฆ่าตัวตาย เป็นอันดับ 10 ของโลก และมีคนมากกว่า 1 หมื่น คนเสียชีวิต จากการฆ่าตัวตายต่อปี

หน้าฉากของประเทศเกาหลี คือชาติแถวหน้าของเอเชีย ไม่ต่างกับไอดอลเกาหลี ที่มีภาพลักษณ์น่าชื่นชม เป็นหน้าเป็นตา ของประเทศ แต่เบื้องหลังของเกาหลีใต้ และวงการไอดอล แลกมากับการทำงานหนัก ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

Photo : Ilovesmshinee

ไอดอลเกาหลี ไม่ได้เป็นแค่ภาพสะท้อน ด้านงดงาม ของดินแดนแห่งนี้ แต่รวมถึงเรื่องราวเชิงลบ ด้วยเช่นกัน

เบื้องหลังของรายการกีฬาสีไอดอล คือการแข่งขันระหว่างไอดอล บนสนามกีฬา ไอดอลล้วนต่อสู้ เพื่อช่วงชิง ช่วงเวลาถ่ายทอดสด ให้เป็นของตัวเอง

ไม่มีนักกีฬาคนไหน อยากเป็นตัวสำรอง ไม่มีทีมกีฬาทีมไหน อยากรั้งอันดับท้ายตาราง เช่นเดียวกับวงไอดอล ไม่มีวงไหน อยากถูกลืม กลายเป็นวงที่ไม่มีแฟนคลับ ไม่มีใครสนใจ

สำหรับมนุษย์ทุกคน ไม่มีใครอยากเป็นผู้แพ้ในสังคม ไม่ใช่แค่นักกีฬาหรือไอดอล ทุกคนอยากประสบความสำเร็จ ในรูปแบบของตัวเอง มีชื่อเสียง มีเงินทอง ได้รับการยอมรับจากสังคม

Photo : MBC

การแข่งขันในชีวิต คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคน หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ไอดอลเกาหลี พวกเขาก็หนีสิ่งนี้ไม่พ้น การทำงานหนัก คือสิ่งที่มนุษย์ หนีไม่พ้น หากต้องการไปถึงจุดหมาย

เพียงแต่ในบางครั้ง ก่อนจะประสบความสำเร็จ ต่อหน้าสังคม อย่าลืมมองถึงชีวิตเบื้องหลัง ความสุขง่ายๆ ในชีวิต การมีสุขภาพจิต และร่างกายที่ดี คือสิ่งสำคัญ ที่ไม่ควรละเลย

ทุกสิ่งอย่างบนโลก ล้วนมีสองด้าน ไม่มีสิ่งใดขาว และดำมืด ไปทั้งหมด รายการกีฬาสีไอดอล มีทั้งเรื่องราวความสนุก และภาพสะท้อนสังคม

ตัวศิลปินเคป็อป ด้านหนึ่งคือนักร้องผู้สร้างความสุข อีกด้านคือคนที่ทำงานหนัก เกินขีดจำกัดของมนุษย์ สุดท้าย การที่จะเลือกมองด้านไหน ขึ้นอยู่กับมุมมอง ของแต่ละบุคคล ขอแค่เป็นภาพที่เรามอง แล้วมีความสุข แค่นั้น คงเพียงพอแล้ว

กีฬาสีไอดอล : การแข่งขันระหว่างนักร้อง ที่แฝงความหมายในรายการวาไรตี้

กีฬาสีไอดอล : การแข่งขันระหว่างนักร้อง ที่แฝงความหมายในรายการวาไรตี้8 / 10