ผี(อาจต้อง)เปลี่ยนแผน
สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงห่อเหี่ยวหัวใจของแฟนบอลผีแดง "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ทั่วโลกจริงๆ เพราะนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา ทีมยังสะกดคำว่า “ชัยชนะ” ไม่เป็นเลย..
จากนัดเปิดสนามที่แพ้คาบ้านต่อ สวอนซี แบบพลิกล็อกมโหฬาร มานัดที่สองก็ทำได้แค่บุกไปแชร์แต้มกับทีมที่ชื่อชั้นต่ำกว่าอย่าง ซันเดอร์แลนด์ ล่าสุดเมื่อคืนก่อนยิ่งเลวร้ายหนัก ถูก มิลตัน คีย์นส ดอนส์ ทีมระดับ ลีก วัน ถล่มเละ 4-0 ตกรอบแคปปิตอล วัน คัพ ซะงั้น!..
การมาของ "อังเคล ดิ มาเรีย" ผู้ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นดาวเตะสารพัดประโยชน์คนนึง สิงห์อีซ้ายอาร์เจนไตน์ เจ้าของสถิติค่าตัวแพงที่สุดของลีกอังกฤษคนนี้ เล่นเป็นตัวริมเส้นได้ทั้ง 2 ฝั่ง, ยืนหลังกองหน้า หรือแม้กระทั่งโดนจับไปเล่นตรงกลางสนามก็เคยมาแล้ว กับ เรอัล มาดริด เมื่อซีซั่นก่อน..
รูปการณ์แบบนี้ แว่วมาว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ "หลุยส์ ฟาน กัล" กุนซือจอมเก๋าชาวดัตช์ อาจต้องปรับแผนการเล่นของทัพอสูรใหม่ก็เป็นได้ เพราะ 3 นัดที่เจ้าตัวเจอเข้าไปจังๆ ทำให้รู้ว่า "3-5-2" ที่สะเด่าเหลือเกินช่วงปรีซีซั่นนั้น มัน “ใช้ไม่ได้” เมื่อต้องเจอกับ "ของจริง" ในแบบฉบับลีกผู้ดี..
สูตร A 4-3-3
ในเมื่อหลัง 3 ตัวมันไม่เวิร์ค และไม่ใช่ธรรมชาติที่แท้จริงของ "ยูไนเต็ด".. งั้นก็กลับมาเล่นระบบแบ็กโฟร์เหมือนเดิมมันซะเลยสิ! ดาบิด เด เกอา ผู้รักษาประตูมือ 1, ราฟาเอล, จอนนี่ อีแวนส์(ฟิล โจนส์), มาร์กอส โรโฮ และ ลุค ชอว์ รับผิดชอบเกมรับหลังบ้าน คู่กลางเป็น ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์(หรือขยับ โจนส์ มาเล่นก็ได้) คอยตัดเกมคู่แข่งเป็นหลัก โดยมี อันเดร์ เอร์เรร่า ยืนขนาบข้างคอยคุมจังหวะการเล่นของทีม มี ฮวน มาต้า เดินเกมบุกตรงกลาง ตำแหน่งปีกขวา ดิ มาเรีย จับจองพื้นที่ ส่วนหน้าต่ำเป็น เวย์น รูนี่ย์(หรือ อัดนาน ยานูไซ หรือ อันโตนิโอ วาเลนเซีย เมื่อต้องการให้ถ่างออกไปเป็นปีก) โดยหน้าเป้าเป็นของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (หรือ รูนี่ย์)..
สูตรนี้เรียกได้ว่าเป็นแผนหลักของ "ปีศาจแดง" มาแทบจะทุกยุค ที่ต้องมีปีกคอยทะลุทะลวงฝ่าแนวรับและโยนบอลแม่นๆเข้ากลางให้กองหน้าจบสกอร์ ผสานกับกองกลางที่ต้องมีตัวตัดเกมคนนึง ส่วนคนที่เหลือคอยช่วยกันทั้งยามรุกและรับ ถือว่าเป็นแผนที่ค่อนข้างสมดุลและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย..
สูตร B 3-5-2
หรือถ้า ฟาน กัล ยังหัวแข็ง ยึดมั่นในระบบ 3-5-2 ที่ตนศรัทธาอยู่ อย่างที่เคยบอกว่าขอเวลาลูกทีมจูนเครื่องอีกสักพัก เชื่อว่าเซ็นเตอร์แบ็ก 3 คน น่าจะเป็น โรโฮ คนนึงล่ะที่เป็นตัวยืนแน่ๆ ส่วนอีก 2 ตำแหน่งที่เหลือ อีแวนส์, โจนส์ และ คริส สมอลลิ่ง ก็ไปแย่งกันเอาเอง วิงแบ็กซ้าย ชอว์ รับผิดชอบไป ส่วนด้านขวา ราฟาเอลกับวาเลนเซีย ต้องเบียดกันลง กองกลางคุมเกมจะเป็น เอร์เรร่า รับบทบาทคอยป้อนบอลให้ ดิ มาเรีย กับ มาต้า ที่รอทะลุทะลวงอยู่หลังคู่กองหน้า ฟาน เพอร์ซี่ กับ รูนี่ย์ นั่นเอง..
ระบบนี้ ฟาน กัล ต้องเข้มงวดกับวิงแบ็กทั้งสองฝั่งเป็นพิเศษ เพราะภาระหนักอึ้งเหลือเกิน เรียกได้ว่าต้องวิ่งขึ้นสุด-ลงสุดตลอดทั้งเกม ถ้าฟิตไม่พอหรือลงมาช่วยเกมรับไม่ทัน จะเกิดช่องโหว่พาลเสียประตูให้คู่แข่งได้ง่ายๆ แต่ข้อดีของระบบนี้คือ "เกมบุก" ที่รับประกันความสะเด่า(หากนักเตะเล่นได้ตามแผน) เพราะจะตรงกลางหรือด้านข้าง บอลสั้นหรือบอลยาว สามารถจู่โจมคู่แข่งได้ทุกทิศทาง..
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตราบใดที่ตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ยังไม่ปิดตัวลง เชื่อว่าเป็นไปได้สูงที่ “ปีศาจแดง” จะได้นักเตะใหม่เข้ามาเสริมทีมอีกอย่างน้อย 1-2 คน เพราะพูดตามตรงแบบเป็นกลางแล้ว ขุมกำลังที่มีอยู่ ความแข็งแกร่งยังไม่ไหวจริงๆ เมื่อเทียบกับกลุ่มทีมคู่แข่งลุ้นแชมป์..
แต่ที่แน่ๆ “หลุยส์ ฟาน กัล” ตอนนี้กลายเป็นบุคคลที่น่าเห็นใจที่สุดคนนึงในวงการฟุตบอล เพราะเก้าอี้ “ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” นั้น ภารกิจและความกดดันมันค้ำคอเหลือเกิน...
“น้องเพชร”