คลุบ นาซิอองนาล : ทีมรองแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ที่ไม่เสียเงินซื้อนักเตะมานาน 115 ปี

คลุบ นาซิอองนาล : ทีมรองแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ที่ไม่เสียเงินซื้อนักเตะมานาน 115 ปี

คลุบ นาซิอองนาล : ทีมรองแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ที่ไม่เสียเงินซื้อนักเตะมานาน 115 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สโมสรเล็กๆ ที่มีสมาชิก 800 คนและสนามที่มีความจุราว 4,000 ที่นั่ง ในประเทศปารากวัยอย่าง คลุบ นาซิอองนาล อาจจะเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูใคร ทว่าพวกเขามีความพิเศษที่แตกต่างและทำได้เพียงสโมสรเดียวในโลก ... 

พวกเขาสวนกระแสในวันที่โลกฟุตบอลคือธุรกิจสร้างความเอ็นเตอร์เทนและเม็ดเงินมหาศาล ในขณะที่หลายทีมซื้อนักเตะเก่งๆ ค่าตัวแพงๆ มาเสริมเขียวเล็บและภาพลักษณ์ สโมสรแห่งนี้กลับไม่เคยคิดจะใช้เงินในคลังสำหรับการซื้อตัวเลยแม้แต่แดงเดียว … และที่สำคัญคือสโมสรจอมขี้เหนียวทีมนี้ยังใช้ปรัชญาดังกล่าวมาไกลจนกลายเป็นรองแชมป์ทวีปอเมริกาใต้มาแล้ว ติดตามเรื่องราวของ "คลุบ นาซิอองนาล" สโมสรฟุตบอลที่ไม่เคยเสียเงินซื้อนักเตะมานาน 115 ปี 

ไม่ซื้อเพราะอะไร?

มีไม่กี่เหตุผลที่สโมสรฟุตบอลสโมสรหนึ่งจะเลือกไม่ใช้เงินเลยแม้แต่แดงเดียวสำหรับการซื้อนักเตะเพื่อเข้ามาเสริมความแกร่งให้กับทีมในการไล่ล่าความสำเร็จและสร้างเกียรติยศ นอกจากเหตุผลข้อแรกที่ว่าด้วยการ "ไม่มีเงิน" แล้ว อีกเหตุผลที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นคือเรื่องของปรัชญาการทำทีม และนี่คือปรัชญาของ คลุบ นาซิอองนาล

ทีมจากประเทศปารากวัยทีมนี้ก่อตั้งมาแล้วกว่า 115 ปี โดยในช่วงปี 1904 เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายของประวัติศาสตร์ประเทศปารากวัย เพราะการเมืองในประเทศถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งและกลุ่มผู้มีอำนาจเลือกใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหา พวกเขาก่อความไม่สงบและแพร่กระจายไปทั่วประเทศ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกันหลายคน และหนึ่งในนั้นคือ ลูซิโอ ซิล่า ที่เพิ่งก่อตั้งสถาบันการศึกษาระดับปริญาของประเทศอย่าง นาซิอองนาล คอลเลจ ร่วมกับ บิคตอร์ เปเรเดส โกเมซ ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ ปาราวัย และมีทีมฟุตบอลเป็นของตัวเองชื่อว่า "คลุบ นาซิอองนาล"

Photo : ABC Color

แรกเริ่มเดิมทีนั้นการเปิดสอนวิชาฟุตบอลนั้นมีขึ้นเพื่อการสร้างความกระตือรือร้นให้เด็กนักเรียนมีร่างกายที่แข็งแรง ทว่าด้วยคอนเน็คชั่นของ นาซิอองนาล คอลเลจ ที่มีหลายสาขาในอเมริกาใต้ทั้ง บราซิล,โคลอมเบีย และ อุรุกวัย จึงทำให้แต่ละสาขาจะมีการจัดการแข่งขันฟุตบอลภายในของทุกปีในยุคก่อนที่จะเป็นสโมสรฟุตบอลอย่างเป็นทางการ และความภาคภูมิใจของทุกคนที่เกียวข้องกับสโมสรนี้คือนักฟุตบอลทุกคนจะต้องเป็นนักเรียนและนักศึกษาภายใน ปรัชญาการสร้างทีมเช่นนี้ยังอยู่มาถึงยุคปัจจุบัน และจดหมายเหตุในยุคก่อตั้งสโมสรยังยืนยันถึงเรื่องนี้อีกด้วย

"ความประทับใจที่ได้รับในวัยเด็กจะถูกรักษาเอาไว้อย่างชัดเจนไปตลอดชีวิต มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดอันเป็นรากฐานฟุตบอลของ นาซิอองนาล เราเล่นกีฬาด้วยความศรัทธาและกระตือรือร้น" ข้อความดังกล่าวถูกเขียนไว้ในปี 1904 และทุกวันนี้ คลุบ นาซิอองนาล ยังไม่เปลี่ยนไปเลย

Photo : Club Nacional de Paraguay

ไม่ซื้อแล้วได้อะไรบ้าง? 

สโมสรแห่งนี้ผลักดันเรื่องฟุตบอลอย่างจริงจังและพวกเขาภูมิใจมากในระบบนักเตะเยาวชนของตัวเอง ดังนั้นการผลิตเยาวชนที่มาจากนักศึกษาในมหาวิทยาลัยและเอามาใช้งานได้จริงจึงเป็นเหตุผลที่ คลุบ นาซิอองนาล โดนเรียกอีกชื่อว่า "ลา อคาเดเมีย" หรือในภาษาอังกฤษที่แปลว่า "เดอะ อคาเดมี่" นั่นเอง ส่วนเหตุผลที่พวกเขามั่นใจว่าระบบเยาวชนของตัวเองดีจนไม่ต้องเสียเงินซื้อนักเตะคนอื่นเข้าทีมนั้น เป็นเพราะว่าพวกเขาเคยสร้างนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ปารากวัย ที่มีชื่อว่า เอ็นริโก้ อเซนซิโอ ในช่วงปี 1940 นอกจากนี้ศิษย์เก่ารุ่นหลังๆ ยังก้าวไปติดทีมชาติปารากวัยอีกหลายคนทั้ง ออสการ์ คาร์โดโซ่ อดีตดาวยิงของ เบนฟิก้า และ โรแบร์โต้ อคุนญ่า กองหน้าของ เรอัล ซาราโกซ่า ชุดแชมป์โคปา เดล เรย์ ปี 2001

Photo : Ultima Hora

อย่างไรก็ตามระบบเยาวชนที่ดีไม่อาจะส่งผลไปถึงความสำเร็จในระดับที่ครองความยิ่งใหญ่ในประเทศได้ เพราะพวกเขาขาดความต่อเนื่อง เมื่อเด็กเก่งๆ จาก นาซิอองนาล เติบโต พวกเขาจะถูกทีมเก่งๆ ในทวีปดึงตัวไปไม่เว้นแม้แต่นักเตะที่เก่งที่สุดในประเทศอย่าง เอ็นริโก้ อเซนซิโอ ก็โดน เอสตูดิเอนเตส ทีมจาก อาร์เจนติน่า ดึงตัวไปร่วมทีมและสร้างชื่อกลายเป็นแข้งระดับทวีปในภายหลัง และด้วยการที่พวกเขาไม่ซื้อใครมาแทนตัวทีขาดหาย ใช้การปั้นนักเตะเยาวชนขึ้นมาแทน ทำให้ หลังจากหมดยุคของ อเซนซิโอ คลุบ นาซิอองนาล ก็ไม่เคยมีแชมป์ใดๆ ติดมือเลยตลอด 60 ปี และมันจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง

 ปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ 

ประวัติศาสตร์การซื้อตัวของ คลุบ นาซิอองนาล ถูกบันทึกไว้เป็นครั้งแรกในปี 1998 ครั้งนั้นเป็นการดึงตัว ปาตริซินิโอ ซามูดิโอ จากทีมเพื่อนบ้านอย่าง กัวรานี ด้วยค่าตัว “ฟรี”  

ไม่มีการบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่าทำไมพวกเขาจึงเริ่มเอานักเตะจากภายนอกเข้ามาเล่นให้กับทีม ทว่าหากเราดูจากการร้างราแชมป์และความสำเร็จ และที่แย่ไปกว่านั้นคือพวกเขาตกชั้นไปเล่นในลีกรองหลายหน มันแสดงให้เห็นว่าแนวทางเก่าในยุค 115 ปีก่อน ชักจะเริ่มล้าสมัยไปแล้ว 

Photo : Club Nacional de Paraguay

นอกจากนี้ในช่วงปลายยุค '90s ถึงต้นยุคมิลเลเนียม ถือว่าเป็นยุคที่ฟุตบอลผลัดเปลี่ยนจากการเป็นเพียงแค่การแข่งขันระหว่างทีมสองทีม ให้กลายเป็นกีฬาที่สร้างความบันเทิงและสร้างเม็ดเงินเข้ามามหาศาล หรือเรียกได้ว่าเป็นการเข้าสู่ยุคสมัยใหม่อย่างเต็มปากเต็มคำ ดังนั้นทาง คลุบ นาซิอองนาล น่าจะเล็งเห็นและเลือกเส้นทางเพื่อความอยู่รอด นั่นจึงทำให้พวกเขาปรับตัว แม้จะเป็นการเอาคนนอกเข้ามา แต่อย่างน้อยดูเหมือนว่าพวกเขาก็ยังรักษากฎบางข้อในยุคโบราณได้ นั่นคือฟุตบอลที่ไม่ใช้เงินซื้อความสำเร็จ เพราะตามสถิติที่บันทึกไว้ จำนวนเงินที่พวกเขาจ่ายสำหรับการดึงนักเตะยังคงเป็นเลข 0 เหมือนกับวันที่ก่อตั้งสโมสรเมื่อ 115 ปีที่แล้วเป๊ะ แม้ว่ามันจะดูเลี่ยงบาลี แต่ต่างกรรมต่างวาระ พวกเขาเองก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอด

แม้จะเสียจุดยืนไปบ้างแต่การเลี่ยงบาลีครั้งนี้ทำให้ คลุบ นาซิอองนาล แข็งแกร่งมากขึ้น ปีที่เห็นได้ชัดที่สุดคือในช่วงฤดูกาล 2008-09 มีนักเตะค่าตัวฟรีและนักเตะที่ย้ายมาแบบสัญญายืมตัวเข้ามาสู่ทีมถึง 13 คน ก่อนที่พวกเขาจะสามารถก้าวขึ้นเป็นทีมระดับแนวหน้าได้สำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์ครึ่งฤดูกาลหลัง หรือ "Torneo Clausura" (ในหลายประเทศของอเมริกาใต้ ถือว่าแชมป์ไม่ว่าจะเป็นครึ่งฤดูกาลแรกหรือหลัง เป็นแชมป์ 1 สมัยและมีถ้วยรางวัลให้) และยังคว้าแชมป์ครึ่งฤดูกาลแรก "Torneo Apertura" ได้อีก 2 ครั้งในปี 2011 และ 2013 

Photo : Paraguay.com

นอกจากนี้ในปี 2014 คลุบ นาซิอองนาล ยังไปได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศศึก โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส หรือฟุตบอลถ้วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้อีกด้วย แม้ว่าที่สุดแล้วพวกเขาจะแพ้ให้กับ ซาน ลอเรนโซ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าการปรับตัวตามสถานการณ์ที่เป็นไปนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หาก คลุบ นาซิอองนาล ยังคงใช้งานเด็กๆ ในวิทยาลัยต่อไป พวกเขาอาจจะหายไปจากสารระบบของฟุตบอลอเมริกาใต้ไปแล้วก็เป็นได้ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook