การตกหลุมรักสาวแก๊งมาเฟียที่ทำให้ "เด รอสซี่" เกือบไม่ได้เป็นตำนาน "โรม่า"

การตกหลุมรักสาวแก๊งมาเฟียที่ทำให้ "เด รอสซี่" เกือบไม่ได้เป็นตำนาน "โรม่า"

การตกหลุมรักสาวแก๊งมาเฟียที่ทำให้ "เด รอสซี่" เกือบไม่ได้เป็นตำนาน "โรม่า"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ลงเล่นเกมสุดท้ายให้โรม่าไปแล้ว ในเกมที่เอาชนะ ปาร์ม่า 2-1 เรื่องราวหลังเกมจบมีแต่คนกล่าวขานถึงเขาในแง่ของการเป็นตำนานที่ยากจะหาใครมาเปรียบ หากไม่นับฟรานเชสโก ต็อตติ ราชาหมาป่า ที่เพิ่งอำลาแขวนสตั๊ดไปก่อนหน้านี้

 

ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ เพราะเมื่อหลายปีก่อนเขาเกือบจะโบกมือลา "หมาป่ากรุงโรม" ไปแล้ว ไม่ใช่เพราะเรื่องของฝีเท้า,ค่าเหนื่อย และเพื่อนร่วมงาน แต่มันเกิดขึ้นเมื่อเขาตกหลุมรักผู้หญิงหนึ่ง…ผู้หญิงที่อันตรายที่สุดในเมืองหลวงของอิตาลี

Main Stand อาสาเล่าให้อ่านกัน

"กาปิตาโน่ ฟูตูโร่"

หลังจากที่แฟนบอลโรม่า ได้ตื่นตะลึงกับเด็กชายที่เรียกกันว่า "เจ้าชายหมาป่า" อย่าง ฟรานเชสโก ต็อตติ ในปี 1993 พวกเขาปลาบปลื้มกับเลือดเนื้อเชื้อไขของชาวโรมเป็นอย่างมากและตัวของ ต็อตติ เองก็กลายเป็นกัปตันทีมตั้งแต่อายุ 20 ปีเท่านั้น ซึ่งทุกคนพร้อมใจเรียกเขาว่า "อิล กาปิตาโน่" หรือ "กัปตัน"

 1

อย่างไรก็ตามในอีกไม่ถึง 10 ปีให้หลังก็มีผลผลิตของทีมเยาวชนอีกคนหนึ่งที่ก้าวขึ้นมาและครองใจแฟนบอลหมาป่ากรุงโรมได้ เขาคือ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ นักเตะตำแหน่งกองกลางที่เป็นชาวโรมเต็ม 100% พ่อของเขาเป็นโค้ชทีมเยาวชนของ โรม่า และแน่นอนว่าลูกชายอย่างดานิเอเล่ เป็นแฟนบอลของ โรม่า เต็มขั้น

เด รอสซี่ ถือเป็นนักเตะที่มีความโดดเด่นในด้านความจงรักภักดีกับสโมสรต้นสังกัด และสไตล์การเล่นที่เตะเป็นเตะอัดเป็นอัดของเขาก็คือคาแร็คเตอร์ที่เขาเป็นมาตั้งแต่เด็ก และความดุดันนี้เอง ทำให้เขาถูกเรียกว่า "กาปิตาโน่ ฟูตูโร่" หรือ "อนาคตกัปตันทีม"

เขาพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2001 จนกระทั่งเมื่อถึงปี 2006 เด รอสซี่ ก็ได้รางวัลตอบแทนในความพยายามที่เขาทุ่มเทมาตลอด ทีมชาติอิตาลี เรียกตัวเขาติดทีมชุดฟุตบอลโลก ที่ประเทศเยอรมัน และ เด รอสซี่ เป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในทีมชุดนั้น

ปี 2006 คือปีที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา เพราะก่อนที่เขาจะไปคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ให้ทัพ อัซซูรี่ เด รอสซี่ เพิ่งคว้ารางวัลดาวรุ่งประจำปี และเหนือสิ่งอื่นใดคือการแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง… ทว่าเธอคนนั้นคือผู้หญิงที่อันตรายที่สุดในกรุงโรม และไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถจีบเธออย่างเปิดเผยได้

ผู้หญิงที่อันตรายที่สุดในกรุงโรม

เธอคนนั้นมีชื่อว่า ตามาร่า ปิสโนลี่ เป็นลูกครึ่งชาวอังกฤษ-อิตาเลี่ยน ในหน้าฉากที่ใครๆ เข้าใจ เธอคือแดนเซอร์ชื่อดังของรายการโทรทัศน์ระดับประเทศ ทว่าอีกมุมหนึ่งที่ทำให้เธอแปลกจากผู้หญิงคนอื่นคือ เธอเป็นลูกสาวของ มัสซิโม่ ปิสโนลี่ หัวหน้าแก๊งมาเฟียท้องถิ่นของกรุงโรม คดีที่แก๊งของ ปิสโนลี่ ก่อไว้ส่วนใหญ่เป็นการปล้นทรัพย์ และการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง ดังนั้นการมีลูกเขยเป็นนักเตะที่ดีที่สุดคนหนึ่งของประเทศ จึงเป็นการเสริมบารมีของ ปิสโนลี่ เป็นอย่างยิ่ง งานแต่งของทั้งคู่ยิ่งใหญ่เหมือนกับในนิยาย โบสถ์ถูกประดับด้วยสีขาว, มีรถม้า, รถหรู และแขกเหรื่อจากหลายวงการ

 2

โดยก่อนที่จะแต่งงานกัน 1 ปี ตามาร่า และ เด รอสซี่ มีลูกสาวด้วยกันก่อนแล้ว 1 คนชื่อว่า จิอา ทั้งคู่ต่างดูแลลูกสาวเป็นอย่างดี โดยเฉพาะทางฝั่ง เด รอสซี่ นั้นหลังจากที่ต้องรับหลายบทบาทในชีวิต เขากลับจัดระเบียบชีวิตตัวเองได้ดีขึ้นมาก ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้น นอกจากนี้เขายังเป็นซูเปอร์แด๊ด ที่ถือเรื่องความสุขของลูกและครอบครัวต้องมาเป็นอันดับ 1 เสมอ   

อย่างไรก็ตามปัญหาของแก๊งมาเฟียมักจะมาพัวพันกับเขาเสมอ ในปี 2006 ก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้นไม่กี่วัน เด รอสซี่ และ ตามาร่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกมาให้ปากคำ หลังมีหมายจับมัสซิโม่ ปิสโนลี่ ในคดีปล้นฆ่า และแน่นอน ตำรวจไม่สามารถติดต่อพ่อตาของ เด รอสซี่ ได้ อีกทั้งตัวของ ตามาร่า ภรรยาของเขา ก็ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่า รู้เห็นและช่วยเหลือการซ่อนตัวของผู้เป็นพ่อด้วย

เด รอสซี่ ปรับตัวกับปัญหาเรื่องนี้ได้เก่งมาก เขาทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนและไม่สนใจกับเรื่องเหล่านี้ เพราะเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เขาจึงไม่จำเป็นต้องพูดหรือให้การณ์อะไร นอกเสียจากการให้การเพื่อปกป้องคนในครอบครัว เขายังสามารถเล่นฟุตบอลในระดับสูงได้ในช่วงเวลา 2-3 ปีหลังจากการแต่งงาน ทว่าในปี 2008 ก็มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น และเรื่องนี้เกือบทำให้เขาไม่ได้กลายเป็นตำนานของโรม่า เหมือนในทุกวันนี้ ...

ปัญหาถาโถม

ช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2008 ครอบครัวของ ตามาร่า ปิสโนลี่ ต้องขวัญเสียสุดขีดเมื่อ มัสซิโม่ ปิสโนลี่ ผู้เป็นพ่อของเธอและเป็นพ่อตาของ เด รอสซี่ หายไปจากบ้านถึง 10 วัน

 3

ตามาร่า ไปแจ้งความคนหายกับเจ้าหน้าที่ โดยเธอบอกว่าพ่อของเธอเดินทางไปยังเขตชานเมืองของกรุงโรม ซึ่งไม่ใช่ถิ่นของเขา โดยก่อนหน้านี้มีการบอกไว้แต่เพียงว่า "ไปเคลียร์เรื่องที่เมือง Trullo" … เมื่อทราบข่าวเจ้าหน้าที่ก็ออกค้นหาและก็พบจริงๆ ในอีก 10 วันให้หลังจากที่เขาหายตัวไป เพียงแต่ว่าการเจอ มัสซิโม่ ปิสโนลี่ ในครั้งนี้เป็นการเจอเพียงแต่ร่างที่ไร้วิญญาณ และสภาพศพที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย

ปิสโนลี่ ถูกยิงด้วยกระสุน 10 นัด และถูกจับแขวนศพเอาไว้ด้วยการมัดแขนบนที่สูงหลังจากเสียชีวิต ทันทีที่เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการเห็นศพ เขามั่นใจว่านี่คือการกวาดล้างของพวกมาเฟียด้วยกันเองอย่างแน่นอน

"มันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นมาเฟีย กระสุนนัดแรกจะยิงเข้าที่กลางหลัง กระสุนนัดที่ 2 จะยิงกรอกปาก สภาพของเขาเละจนแทบจำไม่ได้ แขนของเขาถูกชูขึ้นบนอากาศ" เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลงพื้นที่กล่าว

"เขาน่าจะตายมาแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ สภาพศพไม่ดีเลยเพราะที่นี่ทั้งร้อนและชื้น ส่วนสาเหตุการตายน่าจะมาจากเรื่องของการแตกคอกันเองหลังจากการปล้นและการโจรกรรม เรารู้ว่าเขาเป็นหนึ่งในแก๊งมาเฟีย"

"เราพบศพเขาที่ตอนใต้ของ ลาซิโอ นั่นคือที่อยู่ของแก๊งมาเฟียอย่าง เนเปิลส์, คามอร์ร่า และ เดอะ คาลาเบี้ยน" เขากล่าวปิดท้าย

 4

การตายของ มัสซิโม่ ปิสโนลี่ ทำให้ครอบครัวของ เด รอสซี่ ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ เพราะมีการข่มขู่จะนองเลือดเพิ่มขึ้นอีกหลังจากนี้ และหลังจากเขาทราบข่าวไม่นานนัก สโมสร โรม่า จึงประกาศให้ เด รอสซี่ งดซ้อม 1 สัปดาห์สำหรับการอยู่บ้านเพื่อดูและภรรยาและลูกของเขา

1 ปีหลังจากเกิดคดีสะเทือนขวัญความสัมพันธ์ระหว่าง เด รอสซี่ กับ ตามาร่า เริ่มถึงขั้นวิกฤติ ดูเหมือนว่าตัวของเธอจะเริ่มพัวพันกับเรื่องของแก๊งมาเฟีย ทั้งคู่เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น ขณะที่ตัวของ เด รอสซี่ เองไม่ว่าจะไปแข่งที่ไหนก็มักจะถูกแฟนบอลทีมตรงข้ามตะโกนล้อเลียนเขาและครอบครัวถึงเรื่องของแก๊งมาเฟียของพ่อตา จนเจ้าเกือบจะมีเรื่องฟาดปากกับแฟนบอลทีมเซียน่า ในช่วงปี 2008 มาแล้ว

สุดท้ายปัญหาหลายอย่างก็ทำให้เขาต้องเลิกรากับ ตามาร่า ไปในปี 2009 มีรายงานว่าเธอนอกใจจน เด รอสซี่ ทนไม่ไหวและขอหย่าเอง ซึ่งในช่วงหลังจากการหย่าร้างนั้น ตามาร่า ได้ก้าวเข้าสู่วงการมาเฟียไปแบบครึ่งก้าวโดยใช้เส้นสายเก่าๆ ของพ่อที่เคยเป็นอดีตหัวหน้าแก๊ง

"ความสัมพันธ์ระหว่าง ตามาร่า กับ เด รอสซี่ แย่ลงเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเธอนอกใจ จนทั้งคู่ต้องหย่ากัน โดยหลังจากหย่าร้างนั้นเธอยังไม่อยากให้เขามีความสุข มีข่าวว่าเธอติดต่อมาเฟียเพื่อนเก่าของพ่อเธอเพื่อข่มขู่ เด รอสซี่ หลังการหย่า" โธมัส ฮอย ประธานกองเชียร์โรม่าแห่งประเทศนอร์เวย์พูดถึงเรื่องดังกล่าว

"อาจจะเป็นเพราะเรื่องการปกปิดรอยสักของ เด รอสซี่ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยสักข้อความเกี่ยวกับอดีตภรรยาลงไปที่แขนซ้าย และหลังจากเลิกกันเขาปกปิดมาตลอด เพราะเขาไม่อยากให้มีอะไรในชีวิตของเขาที่เชื่อมโยงกับเธออีก"

เกือบไม่มีตำนาน

ช่วงเวลาหลังจากทั้ง เด รอสซี่ และ ตามาร่า เลิกรากัน มีชายสองคนถูกจับและให้การสารภาพว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่า ปิสโนลี่ แม้ว่าเรื่องดูจะกำลังคลี่คลาย ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน 2 ฆาตกรก็เปิดเผยถึงแรงจูงใจว่า เหตุผลที่ฆ่า ปิสโนลี่ เพราะต้องการแก้แค้นจากการรวมหัวกันปล้นธนาคาร ซึ่งตัวของ ปิสโนลี่ อมเงินลูกน้องเอาไว้เพียงคนเดียว การจับตัวได้ทำให้สงครามแก๊งอุบัติขึ้นอีก นอกจากนี้ เด รอสซี่ ยังมีปัญหาในการใช้ชีวิตในกรุงโรมแบบที่ไม่เคยเป็น ว่ากันว่าภรรยาเก่าของเขาเองให้คนในแก๊งมาเฟียมาข่มขู่จะแบล็คเมล์ "ในบางเรื่อง" ที่เขาเคยทำ  

 5

นั่นคือช่วงเวลาที่เขาเผชิญกับปัญหาและประจวบเหมาะกับเป็นช่วงที่ เด รอสซี่ กำลังจะหมดสัญญากับ โรม่า ในปี 2011 อีกด้วย นั่นจึงทำให้เขามีข่าวพัวพันว่าจะย้ายทีม โดยเฉพาะกับ 2 ทีมจาก แมนเชสเตอร์ ทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ แมนฯ ซิตี้ ที่พร้อมจะให้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยได้กับ โรม่า อยู่ที่ราวๆ 60,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เท่านั้น อย่างไรก็ตามปัญหาไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตต่างหาก ที่ทำให้เขาเกือบตัดสินใจย้ายทีม แต่จนแล้วจนรอดปัญหาเงินๆ ทองๆ ก็ทำให้ทีมที่สนใจในตัวเขาถอยฉากออกไปเอง และหลังจากนั้น เด รอสซี่ ก็ค้าแข้งกับ โรม่า จนถึงทุกวันนี้อย่างที่เรารู้กัน

ปัญหาในสนามอาจจะจบไปแล้วแต่ปัญหานอกสนามนั้นยังไม่จบ ตามาร่า ถูกมองว่าเป็นตัวแสบและเป็นภรรยาที่สูบเลือดสูบเนื้อ เด รอสซี่ สมัยคบหากัน ทว่าเธอก็ออกมาพูดบ้างในอีกหลายปีต่อมาว่าสิ่งที่ถูกกล่าวหานั้นไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด

"ดานิเอเล่ เด รอสซี่ เลิกกับฉันเพราะอะไรน่ะเหรอ? จริงๆ แล้วฉันไม่ชอบอธิบายเรื่องแบบนี้ในสังคมออนไลน์เท่าไหร่หรอก แต่ไม่มีใครทำอะไรเขาแบบนั้นหรอก ฉันแค่พยายามปกป้องตัวเองและลูกสาวของฉันด้วยความเงียบไม่ตอบโต้ แต่ทุกวันนี้มันยากแล้ว เราฟังแต่เรื่องเท็จมากมายที่ยากจะตอบได้หมด"

"ฉันแกร่งมานานแล้วที่ทนข่าวมั่วๆ พวกนี้มาอย่างยาวนาน แต่ดูความจริงสิ ดานิเอเล่ ก็แต่งงานใหม่และพวกเขาก็มีลูกกันแล้ว ขณะที่ตัวฉันเองก็คบกับใครใหม่ๆ จิอา ลูกสาวเราอายุ 10 ขวบแล้ว ดังนั้นเราจึงควรพอกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ได้แล้ว" ทั้ง เด รอสซี่ และ ตามาร่า ต่างก็แยกกันมามีครอบครัวใหม่ เด รอสซี่ แต่งงาน ซาราห์ เฟลเบอบัม และมีลูกสาว 1 คนชื่อ โอลิเวีย โรส ขณะที่ ตามาร่า คบหากับ อาร์โนด์ มิมราน  

 6

คำพูดทั้งหมดของ ตามาร่า เกือบจะมีน้ำหนักแล้ว ทว่าในปี 2014 เธอก็งานเข้าเต็มๆ จากคดีข้องเกี่ยวกับมาเฟีย นั่นทำให้กระแสถูกตีกลับ นอกจากนี้พฤติกรรมของเธอก็ยังมีอะไรแปลกๆ ค่อนไปทางเรื่องผิดกฎหมาย ครั้งหนึ่งเธอถูกจับตัวขึ้นรถตำรวจ แต่เธอก็กลับถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองขณะใส่กุญแจมือลงสื่อโซเชี่ยลด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม นอกจากนี้เธอยังโดนคดีรุนแรงอีกด้วย

ตามาร่า โดนจับข้อหาลักพาตัวและขู่ฆ่านักธุรกิจชาวโรมาเนีย โดยแลกกับเงินค่าไถ่จำนวน 200,000 ยูโร โดยเธออ้างว่าเขาเป็นหนี้เธอ และสารภาพว่าเมื่อการไกล่เกลี่ยเรื่องหนี้ล้มเหลว เธอได้จ้างนักฆ่าจากแอลเบเนียไปเก็บเขา

"เธอเป็นผู้หญิงที่มีพฤติกรรมคุ้นเคยกับความรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องการข่มขู่และได้รับการสนับสนุนจากเหล่าอาชญากร" ผู้พิพากษายังจำเหตุการณ์ในวันที่จับตัว ตามาร่า ในบ้านของเธอเองได้

 7

ดูเหมือนว่า เด รอสซี่ จะเจอชีวิตที่ยุ่งยากนับตั้งแต่การแต่งงานครั้งแรกในช่วงวัยหนุ่ม แม้ว่าความจริงที่ยืนยันแบบ 100% จะไม่มีการเฉลยว่าจริงๆ แล้ว ตามาร่า เคยขู่ เด รอสซี่ จริงหรือไม่แต่จากพฤติกรรมและคดีความที่ผ่านมาของเธอ มันแสดงให้เห็นว่า เด รอสซี่ อยู่ในสถานการณ์ที่ดีที่ออกจากวงจรชีวิตที่คาบเกี่ยวด้านมืดได้ ... และนี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนที่เขาจะโบกมือลาเยี่ยงตำนานกับแฟนๆ ของ โรมา ในเกมที่ชนะ ปาร์ม่า ในนัดสุดท้ายของ เซเรีย อา ฤดูกาล 2018-19 เมื่อคืนนี้

ส่วนสถานต่อไปของเขาจะเป็นที่ไหน จะออกไปค้าแข้งยังต่างแดนรึปิดฉากอาชีพแต่เพียงเท่านี้ คงต้องติดตามกันต่อไป

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ การตกหลุมรักสาวแก๊งมาเฟียที่ทำให้ "เด รอสซี่" เกือบไม่ได้เป็นตำนาน "โรม่า"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook