ในที่สุด แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็ได้รับการประกาศแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมเชลซี แห่งศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างเป็นทางการ หลังมีข่าวยืดเยื้อมานานสองนาน
แฟนบอลทุกคนคงจะรู้จักแลมพาร์ดเป็นอย่างดี ในฐานะสุดยอดกองกลางชั้นนำของประเทศอังกฤษ แต่สำหรับบทบาทกุนซือ เราจะคาดหวังอะไรกับเขาได้บ้าง?
เชลซีเล่นในระบบ 4-3-3 เมื่อฤดูกาลก่อนภายใต้การกุมบังเหียนของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ และการเข้ามาของแลมพาร์ดก็จะไม่มีการเปลี่ยนระบบการเล่นแต่อย่างใด หากมองย้อนกลับไปตอนอยู่กับดาร์บี้ เคาท์ตี้
แต่ในแง่ของวิธีการ แลมพาร์ดนั้นจะมีวิธีการเล่นที่เร้าใจกว่า "ซาร์รี่บอล" ด้วยการให้ลูกทีมเข้าไปแย่ง, บีบบอลเร็ว ก่อนโจมตีด้วยจังหวะเคาน์เตอร์แอทแทค คล้ายสไตล์ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กับลิเวอร์พูล
แลมพาร์ดยังเป็นคนที่ทำงานกับนักเตะดาวรุ่งได้เป็นอย่างดีและเขาเองก็คุ้นเคยกับอคาเดมี เชลซี ซึ่งเมื่อฤดูกาลก่อนก็ได้มีการยืมนักเตะไปเล่นให้กับดาร์บี้ เคาท์ตี้ ด้วย
สำหรับการเป็นผู้จัดการทีมปีแรก แม้จะพาดาร์บี้เลื่อนชั้นไม่ได้ แต่การเข้าถึงรอบเพลย์ออฟนัดชิงชนะเลิศก็เป็นอะไรที่ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว
อีกส่วนที่สำคัญของแลมพาร์ดเลยนั่นก็คือ การสื่อสารและการกระตุ้นนักเตะ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการจะทำให้พวกเขามีพลังออกไปบดขยี้คู่แข่งเพื่อผู้จัดการทีม แล้วด้วยการเป็นถึงระดับตำนาน ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะมีอิทธิพลต่อทุกคนในห้องแต่งตัวมากเพียงใด
แต่ด้วยการที่โดนแบนในตลาดนักเตะ เป้าหมายหลักของแลมพาร์ดกับเชลซีในปีนี้จึงจะไม่ใช่การต่อสู้เพื่อแย่งแชมป์กับทีมอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โจทย์ที่เขาได้รับจากบอร์ดบริหารก็คงจะเป็นการติดท็อปโฟร์และเข้ารอบน็อคเอาท์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ววางรากฐานเพื่อการประสบความสำเร็จในอนาคต มากกว่า
เราคงบอกไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้ว แลมพาร์ดจะประสบความสำเร็จหรือไม่กับเชลซี แต่เมื่อพิจารณาจากหลายๆเงื่อนไขตอนนี้ ก็ต้องยอมรับว่าเขานี่แหละคือคนที่เหมาะสมที่สุดในการจะพาเชลซีก้าวเดินไปข้างหน้า
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ