"อาร์ยา สตาร์ค" กับชีวิตที่เหมือน "ไมเคิล จอร์แดน" แบบไม่มีผิดเพี้ยน

"อาร์ยา สตาร์ค" กับชีวิตที่เหมือน "ไมเคิล จอร์แดน" แบบไม่มีผิดเพี้ยน

"อาร์ยา สตาร์ค" กับชีวิตที่เหมือน "ไมเคิล จอร์แดน" แบบไม่มีผิดเพี้ยน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับซีรี่ส์อันดับ 1 ของโลกในเวลานี้อย่าง Game Of Thrones ซีซั่น 8 ไม่มีตัวละครไหนจะเด่นและเป็น MVP ได้เทียบเท่ากับ อาร์ยา สาวน้อยจากตระกูล สตาร์ค แห่งเเดนเหนืออีกเเล้ว วีรกรรมที่เธอสร้างนั่นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กจะทำได้ และนั่นเองทำให้ในวันที่ EP.3 ออนแอร์ แฮชแท็ก #Arya ก็โผล่ติดหัวตารางไปเป็นที่เรียบร้อย

 

ไม่ใช่แค่วงการบันเทิงเท่านั้น เพราะวงการกีฬาก็เอากับเขาด้วย หลากหลายทีมในอเมริกันเกมส์ทั้ง อเมริกันฟุตบอล NFL หรือ บาสเก็ตบอล NBA ต่างก็เอากระแสดังกล่าวมาเล่นในทวิตเตอร์หลักของทีมเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามจุดพีกที่สุดคือมีสื่อกีฬาอย่าง SB Nation ที่นำเอาวีกรรมของ อาร์ย่า สตาร์ก มาเปรียบเทียบกับ ไมเคิล จอร์เเดน นักบาสที่ว่ากันว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ NBA และดูเหมือนว่าเหตุที่บอกว่าทั้งคู่ "เหมือนกัน" ก็ดูเข้าเค้าไม่หยอกเลยทีเดียว

ติดตามความเหมือนของ MVP ต่างวงการอย่าง อาร์ย่า และ เอ็มเจ พร้อมกันได้ที่นี่

แอร์ อาร์ย่า vs แอร์ จอร์แดน

มาถึงตรงนี้หากเราไม่สปอยล์เราก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกันระหว่างทั้ง 2 คนได้เลย ดังนั้นหากใครที่ยังไม่ได้ดู GOT ซีซั่นที่ 8 นี้อาจจะต้องอดใจข้ามไปก่อนแล้วค่อยมาอ่านหลังดูจบ แต่ถ้าคุณอยากรู้ว่า เด็กหญิงอายุ 18 ปี ที่ส่วนสูงไม่ถึง 160 เซ็นติเมตร สามารถเป็นเหมือน จอร์เเดน ได้อย่างไร ก็ไปเปรียบเทียบพร้อมๆกันเลย...

 1

ใน EP.3 มีชื่ตอนว่า Long Night หรือค่ำคืนอันยาวนาน เป็นตอนที่เหล่า “คนเป็น” จะเปิดศึกใหญ่ที่สุดกับ “คนตาย” หรือ “ไวท์วอล์คเกอร์” … หัวหน้าของกลุ่มคนตายรู้จักกันในนาม "ไนท์คิง" ความสามารถโหดรอบด้านชนิดที่ว่าจะเอาชนะใครก็ได้ในจักรวาล GOT แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นในช่วงแรกเพราะเหล่า ไวท์วอล์คเกอร์ เดินหน้ากดหัวเหล่าคนเป็นจนเจียนอยู่เจียนไป  ในขณะที่ตัวละครหลักอย่าง จอน สโนว์ ก็ไม่สามารถทำได้แม้แต่เข้าใกล้ ไนท์คิง จนทุกอย่างดูสิ้นหวังไปหมด แต่เเล้ว อาร์ย่า ก็กระโดดมาจากไหนไม่รู้ในตอนพีกที่สุดของเรื่อง และฉึบเดียวเท่านั้น มีดที่ทำมาจากเหล็ก วาเรเลี่ยน ที่ว่ากันว่าเป็นอาวุธที่เหล่าคนตายแพ้ทาง ก็ถูกแทงเข้าไปในตัว "ไนท์คิง" ... จากนั้นก็บึ้ม! แตกสลายเป็นแค่เศษน้ำแข็งทั้งกองทัพ คนเป็นเอาชนะได้ด้วยอาร์ย่า อย่างแท้จริง

คำถามคือ อาร์ย่า กระโดดมาฆ่า ไนท์คิง ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่มีทหารเอกของ ไนท์คิง ยืนเฝ้าข้างหลังให้ลูกพี่อยู่อย่างนั้น? แม้คำตอบจะไม่มีฝ่ายโปรดัคชั่นฟันธงให้ว่า อาร์ย่า มาได้อย่างไร? แต่ที่ด้วยสิ่งที่แฟนๆ GOT เห็น คือภาพของการลอยตัวมาจากระยะไกล และมันต้องไกลมากพอสมควร เพราะด้วยระยะที่เหล่าทหารเอกของไวท์วอล์คเกอร์เฝ้าอยู่นั้นอย่างน้อยต้องมากกว่าระดับ 5 เมตรอยู่แล้ว และหาก อาร์ย่า กระโดดมาจากจุดนั้น มั่นใจได้เลยว่าสปริงข้อเท้าของเธอจัดว่าเข้าขั้นระดับสูสี ไมเคิล จอร์เเดน เลยทีเดียว  

ไนท์คิง นั้นมีส่วนสูงเท่าคนปกติ วัดจากส่วนสูงของนักแสดงที่รับบทนี้ (วลาดิเมียร์ เฟอร์ดิก) ที่สูง 185 เซ็นติเมตร นอกจากนี้ในช่วงซีซั่น 7 นั้น ไนท์คิง มีฉากที่ยืนให้เห็นภาพเต็มตัว รวมถึงฉากขี่ม้ามาแล้ว ซึ่งวัดจากขนาดแล้วแทบไม่ต่างกับตัวละครส่วนใหญ่ในเรื่องเท่าไรนัก

 2

ย้อนกลับมาที่ฉากสังหารไนท์คิงของ อาร์ย่า อีกครั้ง หากใครย้อนดูซ้ำจะเห็นได้ว่า อาร์ย่า ลอยตัวเหนือจุดสูงสุดของ ไนท์คิง นั่นคือ ศีรษะ จังหวะดังกล่าวหัวของเขานั้นอยู่ในระดับเดียวกับหน้าอกของ อาร์ย่า ในขณะที่เธอลอยตัว ซึ่งความสูงปกติของ อาร์ย่า อยู่ที่ 155 เซ็นติเมตร เมื่อนับจากหน้าอกขึ้นไปถึงหัวก็น่าจะบวกความสูงได้อีกราวๆ  50 เซ็นเมตร ดังนั้นรวมระยะการกระโดดของ อาร์ย่า แบบประมาณเป็นตัวเลขน่าจะอยู่ที่ 235 เซ็นติเมตรจากพื้นเลยทีเดียว เมื่อเอาไปหักลบกับส่วนสูงของเธอแล้วเท่ากับว่า อาร์ย่า กระโดดสูงจากพื้นได้ราว 80 เซ็นติเมตร

เมื่อนำไปเทียบกับ จอร์เเดน นั้นอาจจะเห็นได้ว่าน้อยกว่าพอสมควร (จอร์เเดน กระโดดได้สูงจากพื้น 122 เซ็นติเมตร) แต่ส่วนสูงของ อาร์ย่า และ จอร์เเดน ห่างกันถึง 43 เซ็นติเมตร และ อาร์ย่า อายุเพียงแค่ 18 ปี และเป็นผู้หญิง ... ดังนั้น 80 เซ็นติเมตรจากพื้นดินสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ถือว่าไม่ธรรมดาและน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

ทักษะ และ เทคนิค

จุดเด่นของ จอร์แดน นอกจากจะกระโดดได้สูงแล้ว เขายังค้างตัวกลางอากาศได้นานมากอีกด้วย อาร์ย่า เองก็ไม่แพ้กัน ช็อตกระโดดสังหาร ไนท์คิง นั้นเธอลอยตัวมาจากไหนไม่มีใครรู้ได้ แต่ที่เห็นๆคือเธอลอยออกมาจากมุมมืดและเข้าถึงตัวไนท์คิงได้อย่างที่ไม่มีใครสังเกต ดังนั้นระยะการลอยตัวค้างระดับต้องข้ามตัวลูกน้องไนท์คิงนั้นคงเป็นระยะทางที่ไม่ต่ำกว่า 5 เมตร และการลอยตัวในระยะทางยาวได้ในระดับ 5 เมตร (เป็นอย่างน้อย) พร้อมๆกับการถือมีดพกที่มีขนาดใหญ่ ดูเหมือนว่า อาร์ย่า จะสามารถทำ เอ็มเจ ชาลเล้นจ์ ได้อีกครั้ง  ในอนาคตหากทีมงาน GoT เฉลยว่า อาร์ย่า กระโดดมาจากจุดไหนและมีระยะห่างเท่าไร เราคงได้เห็นการคำนวณที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นแน่นอน

 3

นอกจากทักษะการลอยค้างแล้ว ส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือท่าไม้ตายของ อาร์ย่า ที่ใช้สังหาร ไนท์คิง นั้นไม่ใช่ความฟลุค แต่มันคือสิ่งที่เรียกว่า “เทคนิคส่วนตัว” อย่างแท้จริง

อาร์ย่า กระโดดมาสูงและไกลแต่สุดท้ายก็โดน ไนท์คิง หยุดการแทงไว้ได้ แต่แล้วเธอพลิกเกมด้วยการใช้เทคนิคแบบเดียวกับ ไมเคิล จอร์เเดน นั่นคือท่า "มิดแอร์ แฮนด์สวิช" นั่นคือการสลับมือโจมตีทางอากาศ  โดย จอร์เเดน ใช้ท่านี้บ่อยมากเวลาโดนคู่แข่งรุมบล็อก เขาจะเปลี่ยนมือที่ถือบอลกลางอากาศได้อย่างรวดเร็วและเข้าไปทำเเต้มได้ ขณะที่ อาร์ย่า นั้น ถือมีดพกมาที่มือซ้ายและโดนไนท์คิงบล็อกไว้ ก่อนที่เธอจะปล่อยมีดที่โดนบล็อกลงและสลับมาใช้มือขวาจับก่อนจะจ้วงเข้าไปที่ช่วงท้องเป็นอันจบเรื่องราวของ "Winter Is Coming"

เรียกได้ว่าความแข็งแกร่งของร่างกาย, ทักษะการต่อยอดให้กระโดดลอยตัวในอากาศได้นานขึ้น รวมถึงเทคนิคส่วนบุคคลที่ผ่านการฝึกฝนนำมาซึ่งชัยชนะของ วินเทอร์เฟล อย่างแท้จริง เหมือนกับที่ ไมเคิล จอร์เเดน นำทีมของเขาคว้าเเหวน NBA ถึง 6 วง และตัวของเขาคือผู้บันดาลชัยในฐานะ MVP

ทีมเพลเยอร์

อย่างไรก็ตามมันคงเป็นการกล่าวเกินจริงไปหน่อยหากจะบอกว่า อาร์ย่า สามารถสังหาร ไนท์คิง ได้ด้วยตัวคนเดียวแบบไม่ต้องมีใครช่วย เพราะไนท์คิง นั้นพาทัพคนตายมาด้วยเป็นหลักแสนชีวิต หากเธอไม่มีทีมที่ดีแล้ว อาร์ย่า ไม่สามารถพาตัวเองไปยังจุดสังหารได้อย่างแน่นอน

 4

ตำแหน่งของ อาร์ย่า ในศึกแห่งวินเทอร์เฟล เหมือนกับตำแหน่งของ ไมเคิล จอร์เเดน ในทีมชิคาโก้ บูลส์ ชุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประประวัติศาสตร์ นั่นคือตำแหน่ง "The Assassin" ตำแหน่งที่บันดาลให้ทุกสิ่งที่เหลือเชื่อเกิดขึ้นได้  

ที่น่าแปลกคือมันไม่ใช่ อาร์ย่า และ จอร์เเดน ที่มีตำแหน่งเหมือนกันเท่านั้น สภาวะแวดล้อมและเพื่อนร่วมทีมของทั้งสองคนยังดูมีความคับคล้ายคับคลากันอีกด้วย

หากเปรียบทีมนักสู้จาก วินเทอร์เฟล เป็นทีมบาสเก็ตบอลทีมหนึ่งที่จะมีผู้เล่นลงสนามได้ 5 คน จะสามารถตรอบสนองทฤษฎีความเหมือนของ อาร์ย่า และ จอร์เเดน ได้เป็นอย่างดี ... ลองไล่ดูกันแต่ละตำแหน่งกันเลย

พอยต์ การ์ด (PG) : เกนดรี้ แห่ง วินเทอร์เฟล / รอน ฮาร์เปอร์ แห่ง บูลส์ :  สายซัพพอร์ทที่อยู่เบื้องหลังการทำเเต้มของเหล่าดาราประจำทีม ด้านตัว เกนดรี้ นั้นนอกจากจะเป็นนักรบเเล้วยังเป็นช่างตีอาวุธที่ให้กับกองทัพวินเทอร์เฟลอีกด้วย อาวุธที่เขาตีจะถูกตีขึ้นจากหินดราก้อนสโตนอันเป็นอีก 1 ของแสลงของเหล่า ไวท์วอล์คเกอร์ เรียกได้ว่าหากไม่มีช่างตีที่คอยทำอาวุธแจกจ่าย วินเทอร์เฟล อาจจะล่มตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของสงครามก็ได้

ชูตติ้ง การ์ด (SG) : อาร์ย่า แห่ง วินเทอร์เฟล / ไมเคิล จอร์เเดน แห่ง บูลส์ : แอสซาสซิน ประจำทีมใช้ความสามารถเฉพาะตัวบันดาลชัยชนะให้กับทีมได้ด้วยการเล่นที่สามารถชี้ขาดเกม

สมอลล์ ฟอร์เวิร์ด (SF) : จอน สโนว์ วินเทอร์เฟล / ลัค ลองลี่ย์ แห่ง บูลส์ : ผู้เล่นที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งใน MVP ของทีม แต่ความจริงเเล้วเป็นฟันเฟืองที่ส่งบทให้คนอื่นตัดสินเกม นอกจากนี้ยังได้รับเครดิตมากจนถึงขั้นเกือบจะเกินไปอีกด้วย

พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด (PF) : มังกรของ แดเนรีส แห่ง วินเทอร์เฟล / สก็อตตี้ พิพเพ่น แห่ง บูลส์ : เป็นเหมือนฟันเฟืองสำคัญหรือตัวรองลงมาจากตัวเอก สามารถสร้างผลกระทบและเปลี่ยนแปลงเกมได้ แต่หากถึงคราวจำเป็นก็สามารถเอาชนะได้ด้วยตัวเองเช่นกัน

เซ็นเตอร์ (C) : ธีออน เกรย์จอย  แห่ง วินเทอร์เฟล / เดนนิส ร็อดแมน แห่ง บูลส์ : บทบาทผู้ปกป้องคนสำคัญที่ทำให้เหล่าตัวเอกพาทีมสู่ชัยชนะได้ เป็นเหมือนตัวปิดทองหลังพระที่ได้รับความชื่นชมน้อยเกินจริง

 5

ไมเคิล จอร์เเดน เคยว่าเอาไว้ "พรสวรรค์อาจจะทำให้ชนะเกมหนึ่งได้ แต่ความฉลาดและการทำงานเป็นทีมเท่านั้นที่จะทำให้ได้เเชมป์"  ซึ่งดูแล้วมีความตรงกันของ 2 จักรวาล อย่างไม่น่าเชื่อ ทีมคือส่วนผสมสำคัญที่ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นตัวเอกของเรื่องและเป็นขวัญใจของคนรอบข้างได้ พวกเขาทั้งคู่เหมือนกันแม้กระทั่งสิ่งแวดล้อม...

Not today

ใน GoT ซีซั่น 8 Ep.3 นั้นการลากยาวฉากต่อสู้เกือบจะทั้งหมดแทบจะแสดงออกให้เห็นถึงความสิ้นหวังของมนุษย์ แม้เเต่ "เดอะ ฮาวด์" ชายผู้ไม่แยแสและกลัวความตายยังออกอาการสติแตกกับคู่ต่อสู้ที่ไม่มีวันชนะ จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่ช่วงพีกของตอน อาร์ย่า ถูกถามว่าจะพูดอะไรกับเทพแห่งแสงก่อนจะได้รับความตาย เธอตอบมา 1 ประโยคที่เปลี่ยนโทนของตอนจากสิ้นหวังหดหู่สู่การมีหวังที่จะชนะทันที “Not today” หรือ "ไม่ใช่วันนี้" มันแสดงถึงการไม่ยอมแพ้ แม้โอกาสชนะจะเหลือเพียง 0.1% แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ลองพยายามทำมันอย่างสุดความสามารถ (ถึงจะไม่มีคำอธิบายชัดๆก็เถอะ)

 6

ลักษณะนิสัยของ อาร์ย่า และ จอร์เเดน เหมือนกันอยู่หลายอย่าง และ 1 ในนั้นคือพวกเขามักจะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ครั้งหนึ่ง จอร์เเดน เคยถูกตัดออกจากทีมบาสของไฮสคูลที่เขาเรียน แต่เขากลับไปแก้ตัวด้วยการขยันฝึกซ้อมวันละหลายชั่วโมงเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นนักบาสที่ยิ่งใหญ่แบบที่หวังไว้ให้ได้ แล้วเขาก็ทำได้จริงๆ ขณะที่ อาร์ย่า นั้นเป็นเด็กที่เห็นพ่อตายต่อหน้าต่อตาจากการโดนประหาร และตระกูลสตาร์กแทบล่มสลายในเหตุการณ์ เร้ด เวดดิ้ง ที่พี่ชายและแม่ของเธอถูกเชือดคอ สิ่งที่เธอทำหลังจากนั้นไม่ใช่การยอมจำนน แต่มันคือการเก็บความแค้นเอาไว้และไปฝึกอย่างหนักกับทั้ง เดอะ ฮาวด์ และยังไปไกลถึงบราวอสเพื่อเข้าฝึกในสังกัดนักฆ่าไร้หน้า  ซึ่งผลสรุปก็อย่างที่เห็น เธอกลายเป็นหัวหอกและความหวังของ สตาร์ก ให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหน

การไม่ยอมแพ้มันอาจจะดูเหมือนกับละครน้ำเน่า แต่ทั้ง อาร์ย่า และ จอร์เเดน เจอกับบททดสอบที่โหดหินมากกว่าจะมายืนในจุดพีกของชีวิตได้ จอร์เเดน บอกว่าเขาพบกับความผิดพลาดมาเยอะ แต่สุดท้ายหัวใจที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นส่งผลให้เขาเป็นเขาได้เเบบทุกวันนี้

"ผมชู้ตพลาดมากกว่า 9 พันครั้ง แพ้ 300 เกม ผมทำผิดพลาดและล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในชีวิต และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมจึงประสบความสำเร็จได้" จอร์เเดน ว่าไว้เช่นนั้น เขาเติบโตมากับความล้มเหลวและความผิดหวังเหล่านั้นคือแรงผลักดันชั้นดี ถ้ายอมแพ้แต่แรก ตำนาน NBA และชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ชิคาโก้ บูลส์ ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน

หิวกระหาย

หลังจากสังหาร ไนท์คิง อาร์ย่า ไม่เเม้แต่จะมาเข้าร่วมงานปาร์ตี้ฉลองชัย แต่เธอไปฝึกยิงธนูอยู่คนเดียว และยืนยันด้วยตัวเองว่าหากไม่มีทุกคนเเล้วเธอไม่สามารถทำเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ ที่สำคัญที่สุดคือการฆ่า ไนท์คิง ไม่ใช่จุดที่ทำให้เธอภาคภูมิใจเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอมีเป้าเดียวในชีวิตนั่นคือการล้างแค้นคนที่อยู่ในลิสต์ของเธอ (มีสารพัดชื่อบางคนโดนคนอื่นที่ไม่ใช่ อาร์ย่า ฆ่าตาย)

 7

"เป็นไงบ้างความรู้สึกของผู้สังหารไนท์คิง" เดอะ ฮาวด์ ถาม อาร์ย่า ก่อนที่เธอจะตอบว่า "ก็แค่รู้สึกว่าดีกว่าความตาย" จากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางสู้ เวสเตอรอส เพื่อจัดการเป้าหมายของแต่ละคน ส่วนของอาร์ย่านั้นรายชื่อล้างแค้นๆหลักของเธอเหลือเพียง "เซอร์ซี่ แลนนิสเตอร์" ราชินีแห่ง 7 อาณาจักรคนเดียวเท่านั้น เธอไม่หยุดพัก ไม่ฉลองและกระหายที่จะทำตามความตั้งใจของตัวเองให้สำเร็จในทันทีที่มีโอกาส

จอร์เเดน เองก็มีความหิวกระหายเกียรติยศอยู่ตลอดเหมือนกัน หากจำกันได้เขาเริ่มคว้าแชมป์ NBA กับ บูลส์ ครั้งแรกในปี 1991 ก่อนจะโกยเพิ่มกลายเป็นการคว้าแชมป์ 3 สมัยรวดพร้อมกับรางวัล MVP ในรอบชิงชนะเลิศ นี่คือความสำเร็จที่คนธรรมดาทั่วไปคงพอใจอย่างที่สุดและถือว่าเกิดมาคุ้มแล้ว แต่ จอร์เเดน ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาอาจจะประกาศเลิกเล่นในปี 1993 แต่การกลับมา ชิคาโก้ บูลส์ ครั้งที่ 2 ในอีก 2 ปี ต่อมา จอร์เเดน ที่ถูกมองว่าหมดยุคเพราะไม่ได้แชมป์ในปีแรก กลับกวาดเอารางวัลแชมป์ NBA และรางวัล MVP รอบชิงเพิ่มอีกถึง 3 ปีติดต่อกันในปี 1996-98

ขวัญใจมหาชน

คะแนนนิยมของ อาร์ย่า สตาร์ก พุ่งสูงปรี๊ดนับตั้งแต่เข้าซีซั่น 8 หากจะเอาให้เห็นภาพง่ายที่สุดแบบไม่ต้องพึ่งการโหวตในอินเตอร์เน็ต นั่นคือข้อมูลจากสำนักงานประกันสังคมของสหรัฐฯที่เปิดเผยรายชื่อยอดนิยมที่พ่อแม่ชาวอเมริกันตั้งให้ทารกเกิดใหม่ หนึ่งพันอันดับแรกเมื่อปีที่แล้ว พบว่ามีชื่อใหม่ติดโผ หนึ่งพันรายชื่อยอดนิยม คือ "อาร์ยา" (Arya) เข้ามาติดอันดับเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว โดยมีเด็กเกิดใหม่ชื่ออาร์ยา ทั้งหมด 2,545 คนด้วยกัน

 8

มันค่อนข้างชัดเจนโดยเฉพาะยิ่งเมื่อซีซั่น 8 ดำเนินไปเรื่อยเสียงของแฟนๆนั้นจะแตกเป็นสองฝั่ง นั่นคือฝั่งที่สนับสนุน แดเนรีส ทาแกเรียน และฝั่งที่สนับสนุน จอห์น สโนว์ และ ซานซ่า สตาร์ก แต่ อาร์ย่า ยังคงเป็นหนึ่งในตัวละครที่คนดูเกลียดน้อยที่สุดเป็นรองแค่ ทีเรียน แลนนิสเตอร์ เท่านั้นเอง และเมื่อคิดถึง GoT ซีซั่น 8 ฉากสังหาร ไนท์คิง ของ อาร์ย่า คือหนึ่งในฉากที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเช่นกัน

ส่วน จอร์เเดน นั้นเราคงไม่ต้องพูดถึงเขาคือ GOAT หรือ ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ของวงการบาสเก็ตบอลไปแล้ว ความนิยมของจอร์เเดน เกิดจากหลายอย่างทั้งฝีมือ, ภาพลักษณ์ และ ทัศนคติ หากคิดถึงนักบาสเก็ตบอลสักคน ชื่อแรกที่นึกถึงก็เป็นชื่อของ ไมเคิล จอร์เเดน เช่นเดียวกัน

และทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้ 2 ตัวละครที่ยิ่งใหญ่จาก 2 จักรวาล สามารถนำมาบรรจบกันได้ด้วยประการฉะนี้นั่นเอง...

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ "อาร์ยา สตาร์ค" กับชีวิตที่เหมือน "ไมเคิล จอร์แดน" แบบไม่มีผิดเพี้ยน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook