เสี้ยวบุญของคนบาป : เมื่อแก๊งสเตอร์ถล่มกันเองเพื่อรักษาชีวิต "สตีวี่ จี"

เสี้ยวบุญของคนบาป : เมื่อแก๊งสเตอร์ถล่มกันเองเพื่อรักษาชีวิต "สตีวี่ จี"

เสี้ยวบุญของคนบาป : เมื่อแก๊งสเตอร์ถล่มกันเองเพื่อรักษาชีวิต "สตีวี่ จี"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สตีเว่น เจอร์ราร์ด คือกัปตันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรลิเวอร์พูล เขาคือสายเลือดสเก๊าเซอร์ตัวจริงเสียงจริง และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทุ่มเทแรงกายและแรงใจตลอดระยะเวลาหลายปีที่แอนฟิลด์ล้วนแต่เป็นความเต็มใจเพื่อสโมสรอันเป็นที่รักของเขา และสิ่งนั้นส่งผลที่ทำให้ผู้คนทั้งเมืองต่างก็รักและเคารพเขาอย่างที่สุดเช่นกัน

อย่างไรก็ตามทุกสังคมย่อมมีส่วนซอกหลืบที่เต็มไปด้วยพวกนอกรีต... คนอื่นหันซ้าย พวกเขาจะหันขวา คนอื่นอยากจะเป็นสีขาว แต่พวกเขายืนยันว่าจะเป็นสีดำ เรารู้จักคนพวกนี้กันในนามของ "แก๊งสเตอร์ส" หรือกลุ่มที่รวมตัวเหล่าอาชญากรเพื่อทำในสิ่งที่พวกเขาถนัดที่สุด และเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้นั่นคือการก่อ "อาชญากรรม"

 

เจอร์ราร์ด กับ อาชญากรรม และเหล่าหลืบไรสังคม ดูจะเป็นเส้นขนานที่ไม่น่าบรรจบกันได้ แต่ความจริงคือ "สตีวี่จี" เป็นหนี้บุญคุณของอาชญากรคนหนึ่ง และหากไม่ได้การช่วยเหลือครั้งนี้ เขาอาจจะพิการขาขาดตลอดชีวิต และประวัติศาสตร์ที่ร่ายยาวมาตั้งแต่บรรทัดแรกก็คงจะไม่มีทางเกิดขึ้น

ติดตามเรื่องราวการพัวพันของ 2 เส้นขนานแห่งเมืองลิเวอร์พูลพร้อมกับ Main Stand ได้ที่นี่

ว่าที่กัปตันทีมของเราจะถูกยิง!

ปี 2001 คือปีที่สตีเว่น เจอร์ราร์ด สวมเสื้อหมายเลข 17 อยู่บนหลังและเป็นดาวรุ่งความหวังของบรรดาแฟนลิเวอร์พูลที่ต้องการให้ความสำเร็จหวนคืนมาอีกครั้ง  "สตีวี่ จี" ไม่ใช่แค่เป็นสายเลือดของทีมโดยตรง แต่เขาคือเด็กที่มีฝีมือจริงๆ เพราะในฤดูกาล 2000-01 เขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักได้ลงสนามมากถึง 50 เกม และยิงไปถึง 10 ลูก... มีเพียงไมเคิล โอเว่น คนเดียวเท่านั้นที่ยิงได้มากกว่าเขา นี่คือความยอดเยี่ยมของเจอร์ราร์ดในเวลานั้น  

 1

เจอร์ราร์ด คือคนดังของเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ยังหนุ่มยังแน่น แต่ออร่าความเป็นสตาร์ก็สว่างจ้าจนไม่อาจซ่อนมันไว้ได้ ในเวลาที่เขากลายเป็นคนสาธารณะ มันมีทั้ง ข้อดีและข้อเสีย เขาอาจจะเป็นคนที่มีคนรู้จักและมีคนรักมากขึ้น แต่ในทางเดียวกันเขาเป็นเป้าของเหล่ามิจฉาชีพ เพราะพวกนี้รู้ดีว่าการเล่นกับพวกคนดังและมีเงินนั้น คือการเสี่ยงที่คุ้มค่าหากพวกเขาปฎิบัติการชั่วได้สำเร็จ... และ เจอร์ราร์ด ก็ได้รับบททดสอบทันทีที่ชื่อเสียงเข้ามา

วันหนึ่งหลังจากฝึกซ้อมเสร็จ เจอร์ราร์ด ในวัย 21 ปี เตรียมขับรถกลับบ้านเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้บรรยากาศมันช่างเงียบจนน่ากังวล และเมื่อเขาขับหลุดพ้นจากโซนเมืองแล้ว เขาถูกรถยนต์ปริศนาคันหนึ่งพุ่งเข้าชนที่ประตูด้านคนนั่งอย่างแรง.... เจอร์ราร์ด รู้แน่ว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ เพราะรถคนนั้นเตรียมถอยและชนรถของเขาซ้ำอีกทีหนึ่ง เป้าหมายของชายปริศนาหลังพวงมาลัยคือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อย่างไม่ต้องสงสัยเลย การไล่ล่าเป็นไปอย่างดุเดือด แต่ เจอร์ราร์ด ก็ยังมีสติพอที่จะประคองรถเข้าถึงเขตที่ผู้คนพลุกพล่าน นั่นจึงทำให้การไล่ล่าจบลงและมีแค่รถของเขาเท่านั้นที่เสียหาย... เจอร์ราร์ด โชคดีในวันนี้

"ปี 2001 ลูกชายของผมถูกขู่ฆ่าจากพวกนักเลงท้องถิ่นมันชื่อว่าไอ้ไซโค มันบอกกับ สตีฟ ว่าถ้าเจอหน้ากันอีกมันจะยิงขาของเขาให้พิการเดินไม่ได้ นอกจากนี้มันยังพยายามรีดไถเงินจำนวนมากอีกด้วย" นี่คือสิ่งที่พ่อของ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เล่าให้ตำรวจในเมืองฟัง  

"ผมรีบติดต่อตำรวจทันทีเพื่อขอความคุ้มครอง แต่เรื่องมันไม่จบง่ายๆ ไอ้ไซโคกัดไม่ปล่อย รถของสตีฟยังถูกทุบหลังจากนั้น นอกจากนี้เขายังเคยโดนไล่ฆ่าในขณะที่กำลังกลับบ้านอีกด้วย"

"นี่คือช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับลูกชายของผม เรื่องนี้มีผลเสียเป็นอย่างมาก เขาจะได้รับผลกระทบกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้แน่" พ่อของเจอร์ราร์ด กล่าวทิ้งท้าย

จากคำบอกเล่านั้นมั่นใจได้ว่าเงินคือเหตุผลที่ "ไอ้ไซโค" ต้องการแน่นอน แต่ที่แปลกคือทำไมเขาถึงไม่ลดละความพยายามเพราะโดยปกติแล้ว หากเหล่ามิจฉาชีพทำงานพลาด พวกเขาคงไม่มาซ้ำทางเดิมเพราะมีโอกาสที่จะถูกเตรียมการและจับกุมตัวต่อได้ แต่ ไซโค เลือกจะตามกัดเจอร์ราร์ดอย่างไม่ปล่อยแบบไม่กลัวกฎหมายเป็นเวลาถึง 2 ปีเต็มๆที่เขาตอดเล็กตอดน้อยจน เจอร์ราร์ด เสียขวัญ ดังนั้นนอกจากเหตุผลเรื่องเงินแล้วไม่มีใครคาดเดาได้ว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่... จ้างล้มบอล, ปล้นชิงทรัพย์ หรือมันเป็นแค่การกระทำของคนโรคจิตในแบบที่ จอห์น เลนน่อน นักร้องนำวง เดอะ บีทเทิลส์ ตำนานวงดนตรีของเมืองลิเวอร์พูลเคยประสบพบเจอมาในอดีต   เกิดอะไรขึ้นกันแน่กับว่าที่กัปตันทีมคนต่อไปของ ลิเวอร์พูล? ทั้งเมืองเริ่มกระสับกระส่าย กับเหตุการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลนี้

ไอ้โรคจิต...

มี 2 เหตุผลที่ให้พวกนักเลงคิดจะลงมือกับใครสักคนด้วยการใช้ปืน 1 คือพวกเขาอยากจะได้เงินและไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วจึงต้องใช้ไม้แข็ง และ 2 คือพวกเขาเจอโจทก์ที่มีความแค้นส่วนตัว...

 2

สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ในปี 1998 ตอนนั้นเขาอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น มันเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของเขาไม่ว่าจะในฐานะนักฟุตบอลหรือแม้แต่กระทั่งในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่ง

สำหรับในแง่ของวัยรุ่นคนหนึ่งนั้นการเป็นนักฟุตบอลเยาวชนของทีมอย่าง ลิเวอร์พูล เป็นอะไรที่เท่ไม่หยอก แม้ว่าอนาคตจะเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ทว่าเมื่อก้าวมาถึงจุดนี้ได้แล้วหากใช้ความพยายามและทุ่มเทต่ออีกสักหน่อยฝันของการได้เป็นผู้เล่นชุดใหญ่คงอยู่ไม่ไกล...และนั่นหมายถึงรายรับมากมายที่จะตามมาในอนาคต เพราะนักฟุตบอลคืออาชีพในฝันของหนุ่มอังกฤษแทบทุกคน เหตุผลนั้นไม่ยากเลยเพราะคนอังกฤษมีรายรับเฉลี่ยอยู่ที่เพียงคนละ 1,400 ปอนด์ หรือประมาณ 61,000 บาทต่อเดือน หากมองเป็นเงินไทยแล้วดูเหมือนจะเยอะ แต่ที่อังกฤษนั้นค่าครองชีพสูงมาก ในปี 2016 อังกฤษมีเรตค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ชั่วโมงละ 7.20 ปอนด์หรือ 396 บาท  หากคนๆหนึ่งทำงานวันละ 8 ชั่วโมงเขาได้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 2,948 บาท เท่านั้น

แต่ถ้าคุณเป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้วละก็ คุณภาพชีวิตจะถูกยกขึ้นมาอีกระดับ นักฟุตบอลระดับพรีเมียร์ลีกปัจจุบันค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์ก็ราวๆ 30,000-40,000 ปอนด์โดยเฉลี่ย ถ้าจะวัดกันเป็นเดือนก็คงไม่ต้องพูดถึง นักฟุตบอลรวยเละกว่าเยอะ! ต่อให้ย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อนก็ตาม... เจอร์ราร์ด มีเงินหลักหมื่นเข้าบัญชีทุกสัปดาห์, เขามีบ้านหลังใหญ่ขึ้น และมีรถ BMW ขับตั้งแต่อายุแค่ 21 ปีเท่านั้น เมื่อมีรถ มีงาน มีเงิน และสเต็ปต่อไปคือเขาจะกลายเป็นหนุ่มฮ็อตที่สาวๆแย่งกันเข้ามาคว้าหัวใจและ ลอเรน แอชครอฟต์ คือ 1 ในนั้น

 3

สาวผมบลอนด์ที่ว่ากันว่าเป็นตัวท็อปของเมือง จัดจ้านมากๆในหมู่วัยรุ่น เธอมีอายุมากกว่า เจอร์ราร์ด 1 ปี และเคยเป็นแฟนเก่าของเจอร์ราร์ดสมัยวัยทีนทั้งคู่เลิกกันตอนที่อายุ 19 ปี แต่ถึงแม้จะเลิกกันแล้วความสวยของ ลอเรน คือต้นเหตุที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

จอร์จ บรอมลี่ย์ คือตัวละครใหม่ของเรื่อง เขาเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่พยายามจีบ ลอเรน ก่อนจะได้คบกันในช่วงเวลาหลังจากนั้น จนกระทั่ง ลอเรน มารู้ความทีหลังว่า จอร์จ บรอมลี่ย์ มีชื่อเล่นในด้านมาเฟียชื่อว่า "ไอ้ไซโค" (โรคจิต) และไม่ได้มีพื้นเพที่ห่างไกลกับแฟนเก่าของเธอเลย

สิ่งที่ ไซโค เกลียดที่สุดคือใครสักคนที่เข้ามารุ่มร่ามกับ ลอเรน เขาเป็นพวกขี้หึงสุดขีด และเขาคิดว่า เจอร์ราร์ด ยังไม่ยอมจบกับ ลอเรน แต่โดยดี ทั้งๆที่ เจอร์ราร์ด เองก็มีแฟนใหม่ที่กลายเป็นภรรยาของเขาในอนาคตไปแล้ว (อเล็กซ์ เคอร์แรน) และเป็น ลอเรน เองต่างหากที่เห็นชีวิตที่ดีขึ้นของ เจอร์ราร์ด หลังเป็นนักฟุตบอลอาชีพและเกิดความอาลัยอาวรณ์ขึ้น

 4

"สตีฟ (เจอร์ราร์ด) เป็นคนโรแมนติก และการเลิกกันทำให้ฉันอกหักอย่างแรง น่าเสียดายที่ต้องเลิกกัน ฉันยังจำเขาได้แม่นไม่เปลี่ยนแปลง เขาเป็นคนที่รักจริงหวังแต่ง เขาอยากจะมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น แต่ฉันเองไม่พร้อมที่จะเป็นแม่คนและแต่งงานถึงขั้นเป็นภรรยาของใคร" ลอเรน กล่าวในภายหลัง และคำพูดของเธอแค่อ่านดูก็รู้แล้วว่าเธอรู้สึกพลาดแค่ไหนที่ปล่อยผู้ชายอย่าง เจอร์ราร์ด หลุดมือไป

ลอเรน มักจะรำพึงรำพันถึง เจอร์ราร์ด และมันมักจะไปเข้าหู "ไซโค" ....หมอนี่ก็หัวร้อนคิดเองเป็นตุเป็นตะว่านักเตะสำคัญของลิเวอร์พูลคนนี้กำลังเล่นหูเล่นตากับเด็กของเขา และความอดทนของเขามันถึงขีดสุดในวันที่ เจอร์ราร์ด ออกรถ BMW คันใหม่ที่มีราคา 55,000 ปอนด์ และขับมาจอดในละแวกบ้านของลอเรน มันทำให้ ไซโค สติแตก

"ไอ้เวรนี่มันคิดจะข่มกันเหรอวะ!" นี่น่าจะเป็นความรู้สึกของ ไซโค ในเวลานั้น เขาคงคิดไปเป็นอื่นไม่ได้นอกจากคิดว่า เจอร์ราร์ด พยายามมาข่มเขาถึงถิ่น และมันจะทำให้ ลอเรน อดที่จะเปรียบเทียบระหว่าง เจอร์ราร์ด สตาร์นักฟุตบอล กับ ไซโค นักเลงเด็กแก๊ง ไม่ได้ มันทำให้ ไซโค ต้องทำอะไรซักอย่าง  และนั่นจึงเป็นที่มาของการขับรถไล่ล่า ลอบทำร้ายและข่มขู่ใส่เจอร์ราร์ดไม่เว้นแต่ละวันจนทางสโมสรต้องแจ้งตำรวจเพื่อดูแลเขาเป็นการส่วนตัว

ปฎิบัติการณ์โค่นไซโค

หาก ไซโค เป็นแค่นักเลงหัวไม้ปกติเรื่องนี้มันคงไม่ใหญ่โตอะไร แต่ความจริงคือหมอนี่เติบโตมากับโลกใต้ดิน พ่อของเขา "บรอมลี่ย์ ซีเนียร์" คืออาชญากรตัวเอ้ของเมืองและเป็นหัวหน้าแก๊งที่มีอิทธิพล ดังนั้น ไซโค จึงเติบโตมาแบบไม่กลัวกฎหมาย ต่อให้ตำรวจจะคุ้มกันเจอร์ราร์ด เขาก็หาทางหนีที่ไล่สร้างเรื่องข่มขวัญเจอร์ราร์ดให้อกสั่นขวัญแขวนได้เสมอ

 5

มีคำกล่าวที่ว่าจะจับโจรก็ต้องใช้โจร นั่นทำให้ พอล เจอร์ราร์ด ผู้เป็นพ่อจึงต้องเล่นบทเกลือจิ้มเกลือ เขาติดต่อสหายเก่าแก่ที่เป็นคนมีอิทธิพลในวงการใต้ดินของเมืองเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด ชื่อของเขาคือ จอห์น คินเซลล่า ตัวโหดแถวหน้านักเลงที่ไม่ได้มีแค่ฝีปากแต่ฝีมือและหัวใจก็สุดยอด เขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ แต่เลือกเดินทางผิดด้วยการเป็นมาเฟีย สิ่งที่เขาถนัดคือการปล้น และการฟอกเงินสกปรกให้เป็นเงินสะอาดเพื่อกระจายไปทั่วทุกท้องถนนเมืองลิเวอร์พูล

มันเหมือนในหนังเป๊ะ.. ชายสองคนที่เคยเป็นเพื่อนกันในวัยเด็กแต่ต้องเลือกเส้นทางที่แตกต่าง ในวันหนึ่งที่คนที่เลือกเดินทางสายขาวเกิดปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้ เพื่อนอีกคนที่เลือกทางสายดำจึงใช้ความถนัดของตัวเองเขามาช่วยจัดการเรื่องนี้ ... คินเซลล่า รับคำพร้อมจะทำตามที่ พอล เจอร์ราร์ด ร้องขอและให้คำมั่นว่า "เดี๋ยวจบเรื่องนี้ให้เอง" และไอ้ไซโคจะไม่มีวันกลับมายุ่งกับลูกชายเขาอีกเลย

ไม่รู้มันเป็นจรรยาบรรณของเหล่ามาเฟียหรือไม่สำหรับการไม่เปิดเผยวิธีการจัดการกับปัญหาของพวกอยู่ในโลกใต้ดิน เพราะทันทีที่ คินเซลล่า รับเรื่องแล้วเขาจบงานได้ตามสัญญา หลังจากนั้น ไซโค ไม่เคยโผล่มาให้เจอร์จาร์ดเห็นหน้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่สำคัญคือเขาหายไปไหน? ไซโคกลับตัวเป็นคนดีหรือไม่ก็อาจจะอำลาโลกใบนี้ไปแล้วก็ได้  เรื่องนี้ไม่มีใครรู้

เสี้ยวบุญของคนบาป

บทสัมภาษณ์ของคินเซลล่า ที่เปิดเผยไว้ด้านบนนั้นเกิดขึ้นในปี 2006 และเขาพูดมันต่อหน้าศาล หลังจากก่อเหตุปล้นเงินจำนวน 100,000 ปอนด์พร้อมๆกับเพื่อนร่วมแก๊งอีก 4 คน จากนั้นก็ขับรถหนีการจับกุมด้วยความ 130 ไมล์ต่อชั่วโมง และถูกจับที่ชานเมืองแมนเชสเตอร์  และสุดท้ายเขาถูกดำเนินคดีด้วยการจำคุก 13 ปีสำหรับการปล้น และอีก 12 เดือนสำหรับการขับขี่เร็วกว่ากำหนด

 6

แน่นอนคินเซลล่า ถูกมองว่าเป็นคนเลวที่ทำผิดกฎหมายในวันที่โดนจับ แต่เขายังพอมีเสี้ยวบุญของคนบาปอยู่บ้างเพราะเขารับสารภาพว่าเขาคือคนทำผิดแต่เพียงผู้เดียวสำหรับการปล้นนี้ และที่สำคัญที่สุดมีชายคนหนึ่งออกตัวแทนเขา และชื่นชม คินเซลล่า ต่อหน้าทุกคนว่าต่อให้คุณจะเลวแค่ไหนคุณยังคงเป็นคนที่ผมเคารพเสมอ คนๆนั้นคือ พอล เจอร์ราร์ด ที่เป็นคนไขปัญหาให้คนทั้งเมืองลิเวอร์พูลสงสัยว่าทำไม จอร์จ บรอมลี่ย์ จูเนียร์ หรือ ไอ้ไซโค ที่ตามรังควานมากกว่า 2 ปี จึงหยุดการกระทำต่ำช้าลงทันทีโดยไม่มีสาเหตุ  

"เรื่องวุ่นวายของเราได้จุดจบเมื่อเราได้รับคำแนะนำจากคนๆหนึ่งให้รู้จัก จอห์น คินเซลล่า หลังจากเราบอกเขาว่าอยากจะได้อะไร เราก็ไม่เคยเจอชีวิตที่มีปัญหาในเมืองลิเวอร์พูลอีกเลย ผมและสตีฟเป็นหนี้บุญคุณเขาและเคารพในสิ่งที่เขาทำเพื่อเรา" พอล ว่าถึงคนที่กำลังจะต้องเดินเข้าคุก  

 7

หลังจากจดหมายของ พอล เจอร์ราร์ด ถูกเปิดผนึก คินเซลล่า จึงกลายเป็นคนที่นักข่าวอยากให้สัมภาษณ์มากที่สุด พวกเขาอยากรู้ว่าปัญหาการขู่ยิงสตีเว่น เจอร์ราร์ด จบลงอย่างไร และปัจจุบันไอ้ไซโคคนที่เคยเกือบฆ่าตำนานของเมืองอยู่ไหนและทำอะไรอยู่   

"ผมก็ทำตามขั้นตอนของผม ผมบอกไอ้จอร์จ บรอมลี่ย์ จูเนียร์ มันว่าหยุดทำทุกอย่างที่แกจะทำซะ อย่ายุ่งกับครอบครัวเจอร์ราร์ดอีกเป็นอันขาด...และหลังจากผมบอกมันไปแบบนั้น มันก็เชื่อคำแนะนำของผม เรื่องมันก็เท่านั้นเอง" จอห์น คินเซลล่า ตอบแบบไม่ปิดบัง "ผมต้องทำแบบนั้นเพราะ จอร์จ บรอมลี่ย์ จูเนียร์ คือเด็กหนุ่มที่เป็นภัยสังคม มันเป็นเด็กหัวรุนแรงเพราะโดนพ่อมันที่เป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียให้ท้ายมาตลอด"

คำถามสุดท้ายเกิดขึ้นว่าสรุปแล้ว ไซโค หายไปไหน? คินเซลล่า ตอบแบบไม่สะทกสะท้านว่า "มันตายแล้ว"

"น่าเสียดายที่ จอร์จ บรอมลี่ย์ จูเนียร์ ไม่มีลมหายใจอีกต่อไปแล้ว มันโดนประหารที่บ้านของเพื่อนมันเองนั่นแหละ" เขาปิดท้ายก่อนเข้ารับโทษ

คนเราล้วนตัดสินคนอื่นจากมุมมองของตัวเองทั้งนั้น จอห์น คินเซลล่า อาจจะเลวสุดขั้นในฐานะคนที่หากินกับการทำผิดกฎหมาย แต่สำหรับครอบครัว เจอร์ราร์ด แล้ว เขาคือชายผู้สร้างศึกในโลกใต้ดินเพียงเพื่อปกป้อง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ให้สามารถเดินบนเส้นทางนักฟุตบอลต่อไป  แฟนบอลลิเวอร์พูลเป็นหนี้ คินเซลล่า อยู่ไม่มากก็น้อย หากไม่มีเขา เจอร์ราร์ด อาจจะถูกยิงเข้าที่หัวเข่าจนกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต หรือไม่ร้ายกว่านั้นก็อาจจะโดนเป่าสมองไปแล้วก็ได้

ถ้าคุณอ่านถึงตรงนี้และยังสงสัยว่าปัจจุบัน จอห์น คินเซลล่า ทำอะไรอยู่ คำตอบคือ "เขาตายไปแล้ว" จอห์น คินเซลล่า โดนมือปืนยิงตายขณะที่เขากำลังขี่จักรยานเสือภูเขาและพาสุนัขของเขาเดินเล่นในวันที่ 5 พฤษภาคม 2018  ... และปืนใช้ยิงเขาคือปืนอูซี่ อันเป็นปืนสัญลักษณ์ของพวกแก๊งสเตอร์

การตายด้วยปืนของเหล่าผู้ใช้ชีวิตในโลกใต้ดินนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครจดจำคุณงามความดีของพวกเขามากนัก และมันอาจจะมาจากการที่พวกเขาไม่เคยทำอะไรที่ถูกต้องเลย แต่สำหรับ จอห์น คินเซลล่า นี่คือความตายที่แตกต่างออกไปจากกลุ่มก้อนของเขา เพราะอย่างน้อยๆเขายังเอาไปคุยต่อในชีวิตหลังความตายได้ว่าหากไม่มีเขาตำนานกัปตันทีมหมายเลข 8 ลิเวอร์พูล อาจจะไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ เสี้ยวบุญของคนบาป : เมื่อแก๊งสเตอร์ถล่มกันเองเพื่อรักษาชีวิต "สตีวี่ จี"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook