หลังผ่านพ้นฤดูกาล 2018-19 ของศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อเกือบ 3 สัปดาห์ก่อน เชื่อว่าสาวกหงส์แดงทุกคน รวมถึงนักเตะและผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล คงได้รู้ซึ้งแล้วว่า ถึงพวกเขาจะดีขนาดไหน แต่ก็ไม่มากไปกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์ไปครองได้เลย
คำถามคือ ในเมื่อเด็กๆของ เจอร์เกน คล็อปป์ ระเบิดฟอร์มเทพ แพ้แค่ 1 นัด ทำได้ 97 แต้ม ซึ่งมากพอจะเป็นแชมป์ในฤดูกาลอื่นๆของ พรีเมียร์ลีกได้มากถึง 25 สมัย (แต่ดันไม่ใช่ปีนี้) ยังมีอะไรที่ต้องทำเพิ่มอีกเพื่อให้แกร่งกว่า แมนฯ ซิตี้ ในซีซั่นหน้า?
หากตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ ไม่มีเลย! ไม่มีเลยเจ้าค่ะ! (แม่หญิงจันทร์วาดก็มา)
แต่เอาจริงๆแล้ว เชื่อว่าในใจหลายคนรู้ดีอยู่แหละ ลิเวอร์พูลชุดปัจจุบันนี้ยังมีจุดอ่อนที่สามารถเติมเต็มให้สมบูรณ์ได้อยู่ ซึ่งก็คือการขาดหายไปของมิดฟิลด์ตัวรุกที่จะช่วยสร้างสรรค์เกมบุกสู่พื้นที่สุดท้าย
ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน คล็อปป์เคยมี ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ คอยทำหน้าที่นี้ แต่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ "เจ้าพ่อมดน้อย" ดันกระเสือกระสนขอขึ้นบัญชีย้ายไปอยู่บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 145 ล้านปอนด์ในตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาวปี 2018 หน้าตาเฉย
อีก 6 เดือนต่อมา กุนซือแว่นพยายามอย่างมากที่จะซื้อ นาบิล เฟคีร์ เพลย์เมกเกอร์เจ้าของฉายา "เทพลียง" มารับหน้าที่นี้แทน ซึ่งก็กำลังจะปิดดีลได้อยู่แล้ว แต่การเจรจาดันล่มเสียก่อน เพราะทีมแพทย์ตรวจพบปัญหาบริเวณหัวเข่าพิจารณาแล้วว่าไม่น่าเสี่ยง
แน่นอน สาวกหงส์แดงทั้งโลก รวมถึงตัว เจอร์เกน คล็อปป์ เองก็คงรู้สึกเสียดายไม่น้อย เพราะหากตัดเรื่องธนูปักหัวเข่าอะไรเนี่ยทิ้งไป ใครๆก็รู้ว่าเฟคีร์มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์เกมรุกระดับอัจฉริยะ แถมยังทำประตูจากแถว 2 ดีมากอีกด้วย (และหงส์แดงชุดนี้ก็ขาดอยู่พอดี)
ฉะนั้น เมื่อวันเวลาล่วงเลยไปอีก 1 ปี โดยที่สตาร์ชาวฝรั่งเศสคนนี้ไม่มีอาการบาดเจ็บรุนแรงเกิดขึ้นในจุดที่เป็นกังวลเลย แถมยังระเบิดฟอร์มเทพต่อเนื่อง ช่วยทีมจบอันดับ 3 ในลีกเอิง พร้อมผลงานการทำ 12 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์จากทุกรายการ
หนังภาคต่ออย่าง "นาคี 2" ที่มีลิเวอร์พูลเป็นพระเอกชูโรงจึงถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง และสื่อต่างๆทั่วยุโรปก็พยายามปั้นกระแสข่าวลือของทั้งสองฝ่ายออกมาให้คอบอลได้เสพอยู่เนืองๆ
เมื่อตัดปัญหาเรื่องสภาพร่างกายของเฟคีร์ออกไปแล้ว ทีนี้ก็ต้องโฟกัสที่คุณภาพกันบ้างว่า แล้วทำไมต้องเป็น เพลย์เมกเกอร์ No.10 ถึงจะช่วยยกระดับทีมลิเวอร์พูลได้?
อันดับแรกเลยคือ ทุกคนรู้ดีว่าสามประสานแดนหน้าอย่าง เฟอร์มิโน่, มาเน่, ซาล่าห์ นั้น เมื่อเล่นร่วมกันจะมีความอันตรายสูงมาก แต่ปัญหาคือเมื่อมีใครคนหนึ่งไม่พร้อมลงสนาม เกมรุกจะขาดความลื่นไหลไปทันที ซึ่งสิ่งนี้ฟ้องว่าทีมขาดความแข็งแกร่งเชิงลึกชัดเจน และความยืดหยุ่นของเฟคีร์ ก็จะช่วยให้ เจอร์เกน คล็อปป์ รับมือกับเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้นมาก
อย่างที่สอง ผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์กลางสนามของลิเวอร์พูลมีให้เลือกใช้งานเยอะแล้วก็จริง แต่ทุกคนกลับมีสไตล์การเล่นคล้ายกันมากจนไม่สามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้ยามที่ทีมต้องการ
จริงอยู่ที่เฮนเดอร์สันเริ่มจะเทพขึ้นเรื่อยๆ จากการเปลี่ยนมาเล่นเป็นกลางรุก แต่ถามว่าดูออกไหมว่าเมื่อเทียบกับเฟคีร์ แล้วเลเวลใครสูงกว่ากัน? คำตอบชัดเจน และระดับห่างกันไกลหลายเสาไฟฟ้าด้วย
ซัมเมอร์นี้ คล็อปป์อาจจะเสริมตำแหน่งอื่นๆ เพื่อเติมเต็มขุมกำลังเชิงลึกให้แน่นขึ้นด้วยแข้งเกรด B หรือ B+ แต่ถึงกระนั้น ก็จำเป็นต้องได้ตัว นาบิล เฟคีร์ ที่เป็นระดับ A ตรงตามจุดที่ขาดของลิเวอร์พูลเข้ามาด้วยอยู่ดี
หรือหากสุดวิสัยแล้วไม่สามารถปิดดีลได้จริงๆ อย่างน้อยก็ต้องมีใครสักคนที่สไตล์คล้ายกัน เก่งในระดับใกล้เคียงกันเข้ามา เพื่อทำให้ทัพหงส์แดงชุดลุยศึกฤดูกาล 2019-20 มีความสมบูรณ์แบบต่อกรกับ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างแท้จริง
มาดูกันว่าการลุยตลาดนักเตะของ คล็อปป์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ จะดุเด็ดเผ็ดมันถูกใจสาวกขนาดไหน!