มหากาพย์ไอ้ค้างคาว : กรณีศึกษา DC vs บาเลนเซีย ใครถูกใครผิด?

มหากาพย์ไอ้ค้างคาว : กรณีศึกษา DC vs บาเลนเซีย ใครถูกใครผิด?

มหากาพย์ไอ้ค้างคาว : กรณีศึกษา DC vs บาเลนเซีย ใครถูกใครผิด?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เขาคือฮีโร่ในความมืด ยามใดที่คนอ่อนแอถูกรังแกเขาจะออกมาและทำหน้าที่เป็นอัศวินแห่งรัตติกาล... ใช่แล้วเขาคือ "แบทแมน"

ชายหนุ่มผู้มีอันจะกิน ร่ำรวยเหลือใช้ กับภารกิจเปลี่ยนโลกตามอุดมการณ์ที่เชื่อมั่น... ปราบคนพาล อภิบาลคนดี จนถูกเรียกว่าเป็นฮีโร่ ทว่าฮีโร่คนนี้กำลังมีเรื่องใหญ่เกิดให้ต้องทำนั่นคือการต่อสู้กับคู่ต่อกรจากต่างแดน และหนนี้คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่คนแต่คือ "สโมสรฟุตบอล"

 

บาเลนเซีย สโมสรฟุตบอลดังจาก สเปน กำลังมีเรื่องพิพาทกับ ดีซี คอมิกส์ หลังจากที่พวกเขาฉลองวันครบรอบ 100 ปีของสโมสรด้วยโลโก้ค้างคาวสีทอง ที่บังเอิญดูคลับคล้ายคลับคลากับโลโก้ของ แบทแมน หนึ่งในคอมิกส์ตัวชูโรงของ ดีซี จนทำให้ฝ่ายหลังจากจากสหรัฐอเมริกาเดินเกมฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญาอย่างจริงจัง

ณ ตอนนี้เราจะมาดูกันว่าเหตุใด ดีซี จึงเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนั้น? ฝั่งไหนกันแน่ที่เป็นคนถูก? ติดตามกับ Main Stand ได้ที่นี่

โลโก้ค้างคาวของพวกเขา

ทั้ง แบทแมน และ บาเลนเซีย นั้นต่างก็มีภาพในฐานะตัวแทนของค้างคาวอยู่แล้วในสายตาของผู้คนทั่วโลก พวกเขาทั้งคู่ต่างมีความผูกพันธ์และความภาคภูมิใจกับการใช้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีปีกและบินได้ชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์สำหรับพวกเขา

 1

แบทแมน นั้นเป็นซีรี่ส์ในเครือของ ดีซี คอมิคส์ ที่เล่าเรื่องโดย บรูซ เวย์น เศรษฐีเพลย์บอยชาวอเมริกัน ผู้ใจบุญและเป็นเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ในประเทศและเมือง ก็อทแธม ทว่าเมื่อพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตลงต่อหน้าจาดการถูกฆาตกรรม เขาจึงปฏิญาณตนว่าจะกำจัดเหล่าอาชญากร บรูซฝึกฝนตนเองทั้งทางร่างกาย จิตใจและสติปัญญา ใช้สัญลักษณ์ค้างคาวเป็นแรงบันดาลใจในการต่อสู้กับเหล่าอาชญกร เพราะเขาเคยเป็นโรคกลัวค้างคาวมาก่อนในวัยเด็ก และเชื่อว่าค้างคาวคือสัญลักษณ์แห่งการสร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่าวายร้ายทั้งหลาย

แน่นอนแบทแมนประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องรายได้และคำชื่นชมเป็นอย่างมาก กลายเป็นซีรี่ส์ชูโรงของ ดีซี ภาพลักษณ์ของมนุษย์ค้างคาวถูกคนทั้งโลกจดจำมาจากหนังเรื่องนี้ จนมีภาพยนตร์เรื่องแบทแมน ที่ออกฉายไปทั่วโลกมาแล้วกว่า 10 ภาค หากพูดเรื่องค้างคาวขึ้นมา คนก็มักจะนึกถึงแบทแมนมาเป็นตัวเลือกลำดับแรกๆ เสมอ

ขณะที่ บาเลนเซีย นั้น พวกเขาใช้ค้างคาวเป็นโลโก้ตั้งแต่ปี 1921 หลังจากก่อตั้งสโมสรในปี 1919 เพียง 2 ปี และใช้มาจนกระทั่งทุกวันนี้ ความจริงแล้วค้างคาวไม่ใช่แค่สัตว์ประจำทีมเท่านั้น แต่มันคือสัญลักษณ์ประจำแคว้นเลยก็ว่าได้ และถ้าจะเล่าย้อนถึงที่มาต้องย้อนกลับไปถึง 700 กว่าปีเลยทีเดียว

 2

มีเรื่องเล่าอยู่ว่า ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เมื่อครั้งกษัตริย์ เจมส์ ที่ 1 แห่ง อารากอน สามารถทำการยึดเมืองได้สำเร็จ กษัตริย์ เจมส์ ที่ 1 จึงคิดจะปักธงประจำเมืองลงเพื่อแสดงให้เห็นว่านี่คือพื้นที่ในการดูแล ซึ่งก่อนที่จะมีการปักธงประจำเมืองลงก็มีฝูงค้างคาวฝูงใหญ่บินมาวนรอบธง ราวกับต้องการเข้ามาสรรเสริญชัยชนะและความยิ่งใหญ่ ดังนั้นค้างคาวจึงเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของ แคว้นบาเลนเซีย และ คาตาโลเนีย รวมถึงหมู่เกาะ บาเลียริกแห่งยุโรป ตั้งแต่เป็นต้นมา ดังนั้นนี่จึงเป็นแรงบันดาลใจที่สโมสรนี้ใช้รูป "ค้างคาว" เป็นตัวชูโรง ภายใต้สโลแกน "สิ่งที่เราเป็น, ที่ที่เราจะไป และความเชื่อมั่นอันเป็นนิรันดร์" และถ้าจะยืนยันให้ชัดอีกนิดขยับไปจากสนาม เมสตาย่า ของพวกเขาไม่ไกล ทีมร่วมเมืองอย่าง เลบานเต้ ก็มีโลโก้ที่มีค้างคาวเป็นส่วนหนึ่งเช่นกัน และได้ฉายาว่า "ไอ้ค้างคาวน้อย"

และเมื่อการเวลาผ่านมาครบ 100 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร นั่นจึงทำให้ บาเลนเซีย จึงต้องออกโลโก้ใหม่สำหรับวาระพิเศษนี้ แน่นอนว่าเป้าหมายคือการทำให้สโมสรก้าวไปข้างหน้าสู่อีกระดับจากที่เคยเป็นมาตลอด ดังนั้นจึงต้องมีการรีแบรนด์เกิดขึ้นด้วยการใช้ค้างคาวตัวเดิมแต่ปรับให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยพร้อมทั้งเปลี่ยนสีให้เป็นสีทองแบบเรียบหรูดูแพงตามยุคสมัย

ใครมาก่อนกัน?

อย่างที่กล่าวไว่ในข้างต้น บาเลนเซีย ก่อตั้งสโมสรมาแล้ว 100 ปีพอดี แต่สำหรับ แบทแมน ที่ ดีซี แสนภาคภูมิใจนั้น ออกอากาศเป็นซีรี่ส์ครั้งแรกในปี 1939 นั่นคือช้ากว่าค้างคาวของ บาเลนเซีย มาถึง 20 ปี  ทว่าทั้งๆ ที่ บาเลนเซีย เกิดก่อนเหตุใดพวกเขาจึงต้องเป็นฝ่ายถูกฟ้อง? ทั้งที่ความจริงพวกเขาสมควรจะเป็นฝ่ายฟ้อง ดีซี เสียด้วยซ้ำ

 3

เหตุผลก็คือ ดีซี คอมิคส์ จดลิขสิทธิ์ในฐานะผู้ใช้โลโก้รูปค้างคาวในเชิงพาณิชย์รายเดียวในโลก นอกจากนี้พวกเขายังจดลิขสิทธิ์กับ EUIPO (องค์กรที่มีหน้าที่ป้องกันการละเมิดสิทธิทางปัญญาของชาวยุโรป) เอาไว้แล้วด้วย ดังนั้นเรื่องของการฟ้องร้องจึงเป็นฝั่งดีซีที่สามารถเริ่มได้

จริงๆ แล้ว ดีซี เคยมีปัญหากับ บาเลนเซีย เรื่องโลโก้มาแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2013 แต่ก็ไม่ได้มีการฟ้องร้องขนาดนี้ และสุดท้ายก็ตกลงกันได้ โดยฝั่ง บาเลนเซีย ยืนยันว่าจะไม่จะไม่ใช้งานรูปค้างคาวแบบเฉพาะเจาะจงเพียงอย่างเดียว แต่จะมีการใส่ชื่อสโมสรเพื่อกำหนดความชัดเจนเข้าไปด้วย  อย่างไรก็ตามโลโก้ยุคครบ 100 ปี ที่เปิดตัวมาในช่วงต้นปี 2019 นั้นไม่เหมือนกัน เพราะในอดีต บาเลนเซีย นั้นไม่เคยได้คิดถึงเรื่องเครื่องหมายการค้าหรือการสร้างแบรนด์มาเลยในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ทว่าฟุตบอลยุคใหม่มันคือสิ่งที่ต้องเดินคู่ไปกับธุรกิจ มีหลายสโมสรจัดการ "รีแบรนด์" ขึ้นมาใหม่  ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ยูเวนตุส ที่ทำแล้วประสบผลสำเร็จ ดังนั้นโลโก้ครอบรอบ 100 ปีของ บาเลนเซีย จึงมีแววว่าจะใช้ความเรียบหรูดูแพงเพื่อนำสโมสรไปอยู่ในยุคใหม่ด้วยการสร้างแบรนด์ขึ้นมานั่นเอง

 4

ฝั่งดีซีแจ้งฟ้องกับ EUTMR (องค์กรเกี่ยวกับการจัดการเครื่องหมายการค้าในสหภาพยุโรป) โดยยื่นฟ้องในมาตราที่ 8.1 ในฐานะที่โลโก้ค้างคาวสีส้มอมทองและมีแบ็คกราวด์เป็นสีดำของ บาเลนเซีย ชุดพิเศษนั้น มีความเชื่อมโยงกับตัวละครแบทแมนที่พวกเขาเคยลงทะเบียนในยุโรปไว้ก่อนแล้ว และยืนยันว่าโลโก้ใหม่ของ บาเลนเซีย นั้นใช้โลโก้ที่คล้ายคลึง และสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค

ว่ากันตามกฎหมายเช่นนี้ ดีซี ก็ย่อมมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่สามารถจะฟ้องเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าทางบาเลนเซีย ก็เลือกที่จะเล่นไม้แข็ง พวกเขาไม่ยอมยกเลิกโลโก้ใหม่ที่เรียบหรูดูแพงนี้ เพราะเชื่อว่าค้างคาวคือสิ่งที่อยู่กับพวกเขามายาวนานตั้งแต่เริ่มประวัติศาสตร์ก่อนที่บริษัทดีซีจะได้ลืมตาดูโลกเสียอีก

"ยังไงเราก็ไม่ยกเลิกโลโก้นี้ เพราะครั้งแรกที่สโมสรแห่งนี้นี้ลงเล่นและมีโลโก้ค้างคาวบนอกเสื้อ พวกอเมริกันยังไล่จับควายป่ากันอยู่เลยผมจะบอกให้" นี่คือสิ่งที่โฆษกของสโมสร บาเลนเซีย กล่าวถึงกรณีเรื่องที่พวกเขามองว่าเป็นเรื่องราวที่ "ไร้สาระ" และควรจะเป็นฝั่งพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เกิดขึ้นเพราะค้างคาวบนโลกนี้ไม่ว่าที่ไหนก็หน้าตารูปทรงคล้ายกันทั้งนั้น รวมถึงไม่ได้มองว่าค้างคาวคือโลโก้เชิงพาณิชย์ของพวกเขา แต่เป็นสัญลักษณ์และความภูมิใจประจำทีมต่างหาก

ถ้าฟ้องกันใครจะชนะ?

คำถามนี้ถือว่าตอบได้ยากมากๆ ในเวลานี้ เพราะ ณ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังหาข้อตกลงกันอยู่ และถ้าหากยังไม่ลงตัวก็จะมีการฟ้องเกิดขึ้น โดยปัจจุบันทาง บาเลนเซีย ก็พร้อมจะเจรจาใหม่ให้ได้ในระยะเวลาอันใกล้ อย่างไรก็ตามพวกเขาจะสามารถใช้โลโก้ค้างคาวตัวใหม่สีส้มอมทองได้จนถึงวันที่ 30 ตุลาคม ปี 2020

 5

"คู่กรณีของเราได้ขอขยายระยะเวลาเพื่อหาทางออกร่วมกันด้วยวิธีที่ละมุนละม่อมที่สุด และรอให้เรื่องนี้เย็นลง เพื่อให้การเจรจากลับมาอยู่บนเส้นทางที่เป็นไปได้อีกครั้ง" ทีมตัวแทนกฎหมายของ บาเลนเซีย กล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

แม้จะดูว่าฝั่ง บาเลนเซีย ค่อนข้างเสียเปรียบเพราะข้อมูลทางเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรมันชี้ชัดว่าอย่างไรเสีย ค้างคาว ก็ต้องเป็นของ ดีซี และโลโก้ของ บาเลนเซีย นั้นหากไม่ใช่คนดูฟุตบอลแล้ว ให้มองแวบแรกก็มีโอกาสสูงมากที่คนเหล่านั้นจะมองว่ามันเป็นโลโก้ของ แบทแมน อย่างไรก็ตามก็ตาม พวกเขายังมีสิทธิ์ชนะอยู่บ้างเหมือนกัน และเคยมีกรณีศึกษาที่คล้ายๆ กันเกิดขึ้นมาแล้ว

ในปี 2012 แบรนด์ร้านกาแฟระดับโลกอย่าง สตาร์บัคส์ เคยยื่นฟ้องร้องกลุ่ม Morinaga Milk จากประเทศญี่ปุ่น ที่เข้ามาขายกาแฟพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ Mt. Rainier ในประเทศสิงคโปร์ โดยโลโก้ของ Mt. Rainier เป็นป้ายลักษณะกลมๆ ที่มีสีเขียวและขาวล้อมรอบเหมือนกับที่ สตาร์บัคส์ ใช้ เพียงแต่ว่าศูนย์กลางโลโก้ของ Mt. Rainier นั้นเปลี่ยนมาใช้รูปภูเขาแทน โดยข้อหาที่สตาร์บัคส์ฟ้อง Mt. Rainier นั้นเป็นข้อหาเดียวกันกับที่ ดีซี ฟ้อง สโมสรบาเลนเซียเป๊ะ นั่นก็คือ ใช้โลโก้ที่คล้ายคลึง และสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค เพราะภูเขาของ Morinaga Milk นั้นเป็นภูเขาจากเมือง ซีแอตเทิล อันเป็นเมืองต้นกำเนิดของ สตาร์บัคส์

 6

สุดท้ายแล้วศาลก็ตีตกเพราะมองว่าเหตุผลดังกล่าวนั้นอ่อนจนเกินไป และรูปภูเขาในซีแอตเทิลนั้นเป็นสิ่งที่ทาง สตาร์บัคส์ ไม่มีสิทธิ์จะมาห้ามใครใช้ได้อีกด้วย ส่วนความสำคัญที่สุดในความพ่ายแพ้นี้คือ สิ่งที่โลโก้ของแต่ละแบรนด์ใช้สื่อก็ต่างกันอย่างชัดเจน และสุดท้าย Mt. Rainier ก็เป็นฝ่ายชนะคดีไป

อย่างไรก็ตามใช่ว่า บาเลนเซีย จะมีโอกาสชนะเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะมองฝั่ง ดีซี พวกเขาก็มีโอกาสชนะเหมือนกัน เพราะในกรณีของ สตาร์บัคส์ กับ Mt. Rainier นั้นตัวโลโก้นั้นต่างกัน ฝั่งหนึ่งใช้นางเงือก แต่อีกฝั่งใช้ภูเขา จึงอาจจะทำให้ศาลตัดสินเรื่องนี้ง่ายขึ้นกว่าการที่ ดีซี กับ บาเลนเซีย ที่ต่างฝ่ายต่างก็ใช้ “ค้างคาว” เหมือนกันเป๊ะซึ่งดูแล้วน่าจะสับสันง่ายกว่าเคสแรกพอสมควร

 7

เรียกได้ว่าการฟ้องร้องหนนี้ฝั่งโจทย์และจำเลยคงต้องเตรียมตัวและเตรียมข้อมูลก่อนขึ้นศาลให้ดี ในกรณีที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันนอกรอบได้ เพราะไม่ว่าข้อมูลของใครก็ดูจะฟังขึ้นทั้งนั้น บาเลนเซีย มีอดีตกับค้างคาวมาเกือบพันปีแถมมีข้อมูลในประวัติศาสตร์ยืนยันเรื่องนี้ ขณะที่ ดีซี ก็เป็นฝ่ายเซ็นสัญญาอย่างมีลายลักษณ์อักษรเป็นเจ้าแรก เรียกได้ว่านี่จะเป็นคดีฟ้องร้องที่ปวดหัวแน่นอน

ดูเหมือนว่า บาเลนเซีย จะต้องหวังให้การเจรจานี้เป็นไปอย่างลุล่วงได้โดยดี พวกเขาอาจจะเริ่มต้นด้วยไม้แข็ง ทว่าว่ากันตามกฎหมายก็มีโอกาสที่พวกเขาเป็นฝ่ายแพ้คดีนี้ได้

สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่ควรลืมว่าบางครั้งการออกแบบอย่างง่ายๆ นั้นอาจจะไม่ได้หมายถึงพวกเขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ และเป็นเรื่องน่าเสียดายเป็นอย่างมากหากพวกเขาชิงจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญากับค้างคาวไปเสียก่อน เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้นให้ต้องเดือดร้อน ทั้งๆ ที่ใช้โลโก้ค้างคาวมาแล้วเป็น 100 ปีก็ตาม

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ มหากาพย์ไอ้ค้างคาว : กรณีศึกษา DC vs บาเลนเซีย ใครถูกใครผิด?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook