"ศึกแดงเดือด" หนนี้ บอกเลยว่าไม่กระชับมิตร!

เช้าตรู่วันพรุ่งนี้เวลา 07.00 น. ณ แผ่นดินอเมริกา เชื่อว่าสาวกเดอะค็อป และ สาวกเร้ดอาร์มี่ คงไม่มีใครยอมพลาด "ศึกแดงเดือด" เวอร์ชั่นกระชับมิตรชัวร์

มั่นใจเหลือเกินว่า ไอ้คำว่า "กระชับมิตร" แค่เป็นแค่ชื่อ แต่พอลงสนามห้ำหั่นกันในสนามจริงๆ คงไม่มีใครอยากเดินออกจากสังเวียนด้วยคำว่า "ผู้ปราชัย"

หากจำกันได้ แมนฯยูไนเต็ด โดน ลิเวอร์พูล กระซวกใส้ แบบเหย้า-เยือน ในลีก เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ที่สำคัญแฟนผีทั้งหลายยังศิโรราบ ว่าแพ้ทั้งสกอร์และรูปเกม  ภายใต้การบริหารงานของชายที่ชื่อ "เดวิด มอยส์"

หมอกวันอันขมุกขมัวในรั้วโอลด์แทร็ฟฟอร์ด ดูเหมือนจะค่อยๆหมดไป เมื่อ "หลุยส์ ฟาน กัล" ชายวัย 62 กะรัต มารับไม้ต่อ และเดินหน้าสร้างผลงานแจ่มจรัส ในช่วงปรีซีซั่น

ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กับระบบการเล่นที่กุนซือแดนทิวลิป จับมาใส่ทีมด้วยระบบ 3-5-2 ไม่น่าเชื่อว่า คลิก! ได้ในเวลาไม่นาน

4 เกม ที่ผ่านมาที่แดนลุงแซม แมนฯยูไนเต็ด เก็บชัยชนะได้หมด ทั้ง แอลเอ เกแล็กซี่ , โรม่า ,อินเตอร์มิลาน (จุดโทษ) และ เรอัล มาดริด สร้างรอยยิ้มให้กับสาวกได้มากโข ก่อนถึงเกมรอบชิงของศึก "อินเตอร์เนชันแนล แชมป์เปียนส์ คัพ 2014"  กับคูอริตลอดกาล อย่างลิเวอร์พูล

พลพรรค "หงส์แดง" เริ่มต้นเกมปรีซั่นได้ไม่หวือหวานัก แต่หลังจากที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ค่อยๆทยอยส่งตัวหลักลง รูปแบบเกม และผลงาน ก็เริ่มดีขึ้นทันตา โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาออกทัวร์อเมริกา ชัยชนะที่มีเหนือ แมนฯซิตี้ (จุดโทษ),โอลิมเปียกอส , และ เอซี มิลาน คือผลงานที่ทีมอย่างลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่า การจบด้วยอันดับ 2 ของตารางเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ค

"รอยโหว่" จากการหายไปของ "หลุยส์ ซัวเรส" ที่โยกฟันจอบไปสะแหยะยิ้ม ที่เมืองบาร์เซโลน่า เป็นคำถามใหญ่ ว่าจะหาใครมาแทนที่เขาได้?

 บอรินี, แลมเบิร์ต และ สเตอร์ริดจ์ จะดีพอต่อกรกับยอดทีมในยุโรปได้มากน้อยแค่ใหน เป็นสิ่งที่สาวกเดอะค็อปทั้งหลาย ต้องดูกันยาวๆ

วงกลับมาที่เรื่องของเกมรอบชิงที่จะมีขึ้นในเช้าวันพรุ่งนี้ (5 สิงหาคม 07.00 น. ถ่ายทอดสด ช่องทรูสปอร์ต HD2 ) ที่สนาม "ซันไรซ์ สเตเดี้ยม" เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา  ลิเวอร์พูล พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งนี่คือศึก "แดงเดือดบนแผ่นดินอเมริกา"

หลายคนมองว่า ไม่ว่าจะแพ้ หรือ ชนะ มันก็เป็นแค่อุ่นเครื่อง เพื่อเตรียมความพร้อม แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีใครยอมใครเป็นแน่!  

ศักดิ์ศรี และ เกียรติประวัติ ที่ยาวเป็นหางว่าวของทั้งสองทีม มันยากเกินจะยอมให้เป็นแค่เกมๆหนึ่งในการเดินสายทัวร์ปรีซีซั่น

ยิ่งชั่วโมงนี้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส  และ หลุยส์ ฟาน กัล คงจัดหนักจัดเต็มแน่นอน เพื่อนี่คือเกมที่มัผลสำคัญต่อจิตใจ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ แบบเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนเกมพรีเมียร์ลีกจะเริ่มขึ้นในกลางเดือนนี้

ดังนั้นหลังจบเกมพรุ่งนี้ เราจะมาว่ากันว่า รูปเกม และ บทสรุปที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรกันบ้าง   

เรื่องโดย "บ.ส้มซิ่ง"