การตลาดแบบไหน? : ทำไม DAZN จึงต้องเลือก "ศรีสะเกษ"
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/sp/0/ud/174/874099/h.jpgการตลาดแบบไหน? : ทำไม DAZN จึงต้องเลือก "ศรีสะเกษ"

    การตลาดแบบไหน? : ทำไม DAZN จึงต้องเลือก "ศรีสะเกษ"

    2019-04-06T08:31:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    เป็นข่าวที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแฟนหมัดมวยชาวไทย เมื่อ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ได้เปิดตัวพันธมิตรใหม่ที่จะเป็นแม่ข่ายในการถ่ายทอดสดไฟต์การชกในต่างประเทศของเขาจากนี้ นั่นคือ DAZN

    แน่นอนว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนี่ถือเป็นหลักฐานที่ช่วยยืนยันว่า นักมวยไทยสามารถสร้างชื่อเสียงจนเป็นที่ต้องตาต้องใจของชาวต่างชาติแล้วนั่นเอง

    แต่เหตุใด DAZN ถึงต้องเลือก “เจ้าแหลม”? และทำอย่างไรเราถึงจะได้เห็นนักชกจากแดนสยามไปสร้างผลงานให้ทั้งโลกเห็นได้เหมือนอย่างเขาบ้าง?

     

    หลักฐานการเติบโต

    สำหรับวงการมวยของไทย ไม่ว่าจะเป็นมวยไทยหรือมวยสากล นักชกทุกคนล้วนมีค่ายสังกัดเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งในกรณีของศรีสะเกษนั้นก็คือค่าย นครหลวงโปรโมชั่น ที่ปลุกปั้นจากการเป็นนักมวยโนเนม สู่ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการในปัจจุบัน

     1

    แต่ถึงแม้จะสร้างชื่อจนเป็นนักมวยที่ทั้งโลกจับตามองได้ การไปชกในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกา เมกกะแห่งวงการกำปั้น การมีพันธมิตรที่สามารถช่วยสินค้าที่มีอยู่ให้ได้รับความสนใจจากแฟนมวย ตลอดจนสื่อมากกว่าเดิมก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะนั่นหมายถึงส่วนแบ่งที่จะได้รับมากกว่าเดิมอีกด้วย

    โดยในการออกไปชกที่สหรัฐอเมริกาและสร้างชื่อให้เจ้าแหลม ไม่ว่าจะเป็นการกระชากเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต 115 ปอนด์ของสภามวยโลก WBC จาก โรมัน กอนซาเลซ ยอดมวยชาวนิคารากัวที่เคยได้รับการยกให้เป็นนักชกที่ดีที่สุดในโลกเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์เมื่อเดือนมีนาคม 2017 ก่อนย้ำแค้นอีกครั้งในไฟต์ล้างตาอีก 6 เดือนต่อมา รวมถึงไฟต์ป้องกันแชมป์กับ ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า กำปั้นจากเม็กซิโกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ทั้งหมดเกิดขึ้นในการดูแลร่วมกันระหว่างค่ายนครหลวงโปรโมชั่น กับ 360 โปรโมชั่น บริษัทโปรโมเตอร์มวยที่มี ทอม ลอฟเฟอร์ เป็นเจ้าของ ซึ่งจับมือเป็นพันธมิตรกับ HBO สถานีโทรทัศน์ชั้นนำในการถ่ายทอดสด

    ทว่าสถานการณ์ต่างๆ ก็มาเปลี่ยนผันเอาเมื่อช่วงปลายปี 2018 เมื่อ HBO ตัดสินใจว่าจะถอนตัวจากการถ่ายทอดสดมวยสากลอาชีพ ยุติช่วงเวลาแห่งความสัมพันธ์กับวงการกำปั้นไว้ที่ 45 ปี ทำให้เกิดคำถามขึ้นทันทีว่า นักมวยคนดังมากมายที่เคยมีสัญญาผูกพันกับทาง HBO ซึ่งรวมถึงศรีสะเกษด้วยนั้น จะมีเส้นทางในภายภาคหน้าอย่างไร?

     2

    และเรื่องทุกอย่างก็มาได้ข้อสรุปเอาเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมา เมื่อ Matchroom Boxing USA บริษัทของ เอ็ดดี้ เฮิร์น โปรโมเตอร์วัยหนุ่มผู้มาแรงที่สุดในขณะนี้ประกาศว่า ศรีสะเกษได้เซ็นสัญญาที่จะขึ้นชกในสหรัฐอเมริกาภายใต้การดูแลของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งการที่ Matchroom Boxing USA จับมือเป็นพันธมิตรกับ DAZN (ดะโซน) เครือข่ายสตรีมมิ่งถ่ายทอดสดกีฬาชื่อดัง ทำให้ไฟต์ของศรีสะเกษในการขึ้นชกที่ต่างประเทศจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกทาง DAZN ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทางค่ายนครหลวงโปรโมชั่นยังถือสิทธิ์ในการหาพันธมิตรถ่ายทอดสดในประเทศไทย รวมถึงยังมีสิทธิ์อย่างเต็มที่ในการจัดโปรแกรมชกที่บ้านเกิดเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา

    มวยดีที่ขายได้

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การที่ศรีสะเกษตกลงเข้าสังกัด Matchroom Boxing USA และ DAZN ถือเป็นเรื่องที่สร้างชื่อ และเครดิตให้กับวงการมวยไทยเป็นอย่างมาก แต่คำถามก็คือ เหตุใดทั้งสองค่ายดังกล่าวถึงเลือกนักชกรุ่นเล็กจากจังหวัดศรีสะเกษล่ะ?

     3

    แบงก์ - เธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ผู้บริหารค่ายนครหลวงโปรโมชั่น เปิดใจเรื่องนี้กับทีมงาน Main Stand ว่า “ตอนนี้วงการมวยทั่วโลกให้การยอมรับพี่แหลมว่าเป็นหนึ่งในนักมวยที่ดีที่สุดในโลกเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ยุคปัจจุบันครับ ซึ่งหากดูจากการจัดอันดับของสื่อต่างๆ ก็จะเห็นว่า มีชื่อติดอยู่ในท็อป 10 ทุกสำนัก” 

    “ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ จากผลการแข่งขัน, ตำแหน่งแชมป์ รวมถึงอันดับปอนด์ต่อปอนด์แล้ว อีกเหตุผลที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ พี่แหลมมีสไตล์การชกที่ทำให้แฟนๆ สนุกกับการตามชมตามเชียร์ด้วย ซึ่งตรงนี้ ทาง DAZN เล็งเห็นว่าจะช่วยเพิ่มเรตติ้งการถ่ายทอดสดในมวยรุ่นเล็กได้”

    แบงค์ ยอมรับว่า อันที่จริงหลังจากที่ HBO ประกาศถอนสมอจากวงการมวยไป ก็มีโปรโมเตอร์และสถานีโทรทัศน์จากต่างประเทศให้ความสนใจอยากที่จะเป็นหุ้นส่วนอยู่ไม่น้อย แต่ DAZN มีดีอะไรถึงสามารถซื้อใจค่ายนครหลวงโปรโมชั่นได้?

    “จริงอยู่ครับ ที่ DAZN อาจจะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดมวยโลกซึ่งแฟนๆ อาจจะไม่คุ้นชื่อเท่าไหร่นัก แต่พวกเขาก็ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ เห็นชัดๆ เลยก็คือ นักมวย 2 คนที่กำลังเนื้อหอมที่สุดในโลกอย่าง ซาอูล “คาเนโล่” อัลวาเรซ (แชมป์โลกรุ่นมิดเดิ้ลเวต 160 ปอนด์ สองสถาบันหลัก WBA, WBC) กับ แอนโธนี่ โจชัว (แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต 3 สถาบันหลัก WBA, IBF, WBO) มาอยู่กับทาง DAZN ซึ่งพวกเขามองว่า ศรีสะเกษนี่แหละ จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยให้ตลาดมวยรุ่นเล็กบูมได้”

     4

    ต่อยอด “แหลมฟีเวอร์”

    เรื่องราวต่างๆ ของศรีสะเกษ ทั้งปูมหลังของชีวิตที่เคยผ่านจุดต่ำสุดอย่างการเป็นคนเก็บขยะ รวมถึงฝีไม้ลายมือบนสังเวียน ถือเป็นส่วนผสมสำคัญที่ทำให้ชื่อของ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น หรือที่ต่างประเทศคุ้นเคยในชื่อ ศรีสะเกษ ศ.รุ่งวิสัย กลายเป็นที่จดจำของแฟนกำปั้นทั่วโลก

    เจ - วรปัฐ อรุณภักดี ผู้ประกาศข่าวและผู้บรรยายกีฬา ไทยรัฐทีวี ให้ทรรศนะว่า “ด้วยสตอรี่ เรื่องราวชีวิตของตัวแหลมเอง รวมไปถึงฝีไม้ลายมือ สไตล์การชกที่ดูสนุก มันทำให้มีความเชื่อมั่นอยู่ว่า ศรีสะเกษมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นดาวดังในวงการมวยสากลได้ เหมือนอย่างที่ แมนนี่ ปาเกียว เคยทำให้ทั้งโลกเห็นมาแล้ว ด้วยเหตุนี้แหละ ทาง Matchroom Boxing USA รวมถึง DAZN ถึงกล้าที่จะเสี่ยง”

    ถึงกระนั้น เจ ก็มองว่า ทางค่ายนครหลวงโปรโมชั่น โดยเฉพาะทาง แบงก์ - เธียรชัย ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ดูแลงานด้านต่างประเทศ ก็สมควรได้รับเครดิตที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จากการที่ไปขายสินค้า ซึ่งก็คือตัวของศรีสะเกษจนโปรโมเตอร์ในต่างประเทศอย่าง 360 โปรโมชั่น ยอมที่จะเสี่ยง ซึ่งผลที่ออกมาถือเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนแล้วว่า คุ้มค่าแค่ไหน

    และหากไฟต์ต่อไปของเจ้าแหลม ที่มีคิวต้องป้องกันแชมป์ในศึกล้างตากับ ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า เช้าวันที่ 27 เมษายนนี้ตามเวลาประเทศไทยจบลงด้วยชัยชนะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชื่อของศรีสะเกษจะยิ่งหอมหวนกว่าเดิม โอกาสที่จะได้ขึ้นสังเวียนกับนักชกระดับโลก รวมถึงการเปิดศึกล้มแชมป์กับ แคล ยาไฟ แชมป์รุ่นเดียวกันของ WBA หรือ เจอร์วิน อันคาฮาส แชมป์ IBF ก็ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงขึ้นไปอีก

     5

    แต่เมื่อเรื่องราวมาถึงตรงนี้ หลายคนก็คงสงสัยไม่น้อยว่า ในเมื่อกระแสของศรีสะเกษดีขนาดนี้ แต่กับนักมวยคนอื่นๆ ของไทยล่ะ จะมีวิธีการใดบ้างที่สามารถช่วยให้พวกเขาเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ อันจะนำมาซึ่งโอกาสและเงินทองมหาศาล? เรื่องดังกล่าวให้มุมมองไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง

    “ในกรณีของศรีสะเกษ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า ทางค่ายนครหลวงโปรโมชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบงค์ - เธียรชัย มีวิสัยทัศน์ที่ดีมาก กับการกล้าที่จะส่งนักมวยของตัวเองไปขึ้นชกในต่างประเทศ ซึ่งหากทำผลงานได้ดี ยังไงก็มีโปรโมเตอร์ในต่างประเทศที่เห็นถึงศักยภาพ ซึ่งตรงนี้ ถ้าค่ายมวยต่างๆ ของไทย รวมถึงนักชกเอง กล้าที่จะออกมาจากคอมฟอร์ตโซน พื้นที่ที่คุ้นเคยบ้าง มองในภาพของกีฬา ให้นักชกมีโอกาสเจอกับมวยฝีมือดีๆ หรือหาโอกาสชิงแชมป์ที่ตัวเองสู้ได้ มากกว่าภาพของธุรกิจ โอกาสที่จะมีนักชกซึ่งทำได้แบบศรีสะเกษก็จะมีมากขึ้น”

    “แต่อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ผมเองก็อยากให้หน่วยงานภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชนก็ดี ให้การสนับสนุนนักมวยหรือแม้แต่ค่ายมวยมากกว่าที่เป็นอยู่ หากมีโอกาสที่นักมวยจะคว้าแชมป์ได้ ก็อยากให้กล้าๆ ที่จะประมูลมาขึ้นชกในบ้านเราหน่อย หรือผลักดันนักชกไปท้าชิงแชมป์ในต่างประเทศก็ยังดี อย่ารอเวลาให้พ้นช่วงพีคไป และถ้าจะให้ดีกว่านี้ ก็อยากให้มีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง อุ้มชูกันแม้ในวันที่พ่ายแพ้ ให้เขามีโอกาสได้แก้ตัว อย่าปล่อยปละละเลยเพียงแค่นักชกไม่สามารถทำผลงานอย่างที่ต้องการได้ ซึ่งหากมีตรงนี้ โอกาสที่นักชกไทยจะได้รับโอกาสเหมือนอย่างศรีสะเกษ ก็จะมีมากขึ้นครับ”

    อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

    อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ การตลาดแบบไหน? : ทำไม DAZN จึงต้องเลือก "ศรีสะเกษ"