รูดอล์ฟ "เบลซ" อินแกรม : ผู้ใหญ่ในร่างเด็ก 7 ขวบ ว่าที่ตำนานกีฬาสารพัดชนิด

เป็นข่าวดังไปทั่วโลกเมื่อมีการค้นพบเด็กชายอายุเพียง 7 ขวบทีสามารถวิ่งในระยะ 100 เมตร ได้ใกล้เคียงกับ ยูเซน โบลท์ ชายผู้วิ่ง 100 เมตรได้เร็วที่สุดในโลก โดยช้ากว่าแค่ 4 วินาทีเท่านั้น เมื่อคลิปดังกล่าวหลุดออกไปโลกโซเชียลถึงกับตามหาตัวว่า "เด็กเทพ" คนนี้เป็นใครมาจากไหน

 

และนี่คือเรื่องราวของ รูดอล์ฟ "เบลซ" อินแกรม เด็ก 7 ขวบที่ได้รับฉายาว่า "โบลท์ คนต่อไป" เท่านั้นยังไม่พอ ไม่ว่าเขาจะหยิบจับกีฬาชนิดไหนก็ดูเหมือนว่าสื่อจะยกให้เขาเป็นผู้เล่นแห่งอนาคตทั้งสิ้น 

ก็แค่ดูทีวี...

งานวิจัยสารพัดของเหล่านักวิชาการต่างออกมาในแนวเดียวกันว่าการดูโทรทัศน์หรือเล่นโทรศัพท์มือถือที่มากเกินไปนั้นจะทำให้เด็กอายุ 1-4 ขวบ มีพัฒนาการที่ช้ากว่าวัย และถ้าหนักที่สุดอาจจะทำให้เด็กๆเป็นออทิสติกได้เลยทีเดียว

 

ตัวเลขทางงานวิจัยบอกเอาไว้เช่นนั้นทำเอาพ่อแม่ผู้ปกครองทั่วโลกตื่นตัวจนถึงขั้นตื่นตูมเป็นอย่างมาก พยายามกันลูกน้อยให้ออกห่างจากเทคโนโลยีเหล่านี้ แม้จะกันไม่ได้ 100% ก็ขอแค่ให้ใช้มันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่บ้านหลังหนึ่งใน แทมป้า เบย์ สหรัฐอเมริกา ที่จำเป็นต้องปล่อยลูกอยู่กับโทรทัศน์ เพราะ อินแกรม ซีเนียร์ มีอาชีพเป็นคนขับรถอูเบอร์ จึงทำให้ต้องออกไปไหนมาไหนตลอดเวลา

ในช่วงปี 2016 มหกรรมกีฬาโอลิมปิก เวียนมาถึงอีกครั้ง โดยมีนคร ริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล เป็นเจ้าภาพ "ซีเนียร์" เพิ่งขับรถกลับถึงบ้านหลังจากออกไปทำงานหลายชั่วโมง เขาพบว่าลูกชายของเขา รูดอล์ฟ กำลังนั่งจดจ่อกับจอทีวีเหมือนทุกวัน เพียงแต่วันนี้เขากำลังดูถ่ายทอดสดกีฬาของมวลมนุษยชาติอยู่ และด้วยความที่โอลิมปิกนั้นแข่งกันทั้งวันในหลากหลายชนิดกีฬาเท่ากับว่า รูดอลฟ์ จะต้องนั่งจ้องมันมาแล้วทั้งวัน

สมองของเด็กน้อยนั้นเหมือนกับฟองน้ำ ไม่ว่าเขาได้เห็นอะไร เขาจะจดจำมันได้อย่างแม่นยำ และการดูกีฬาหลากหลายชนิดทำให้ครอบครัว อินแกรม ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะเช้าวันรุ่งขึ้น รูดอล์ฟ ในวัย 4 ขวบก็รีบตื่นแต่เช้าและเริ่มฝึกฝนตัวเองทันที และพ่อของเขาเองก็สนับสนุนเต็มที่อีกด้วย

มิสเตอร์อินแกรม เป็นอดีตนักอเมริกันฟุตบอลที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันไม่มีโอกาสได้เล่นอาชีพ มันจึงทำให้เขาอยากจะสนับสนุนลูกชายเต็มที่บนเส้นทางนักกีฬา เขามีบทบาทอย่างมากเป็นผู้จัดการและโค้ชส่วนตัวในเวลาเดียวกัน

"ผมสามารถมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกของผมได้ แต่แรงขับของตัวเขาเองต่างหากที่มันยอดเยี่ยมมาก ผมจำได้ว่าเขาชอบแข่งขันกับตัวเอง และมันทำให้เขาขึ้นสู่บันไดขั้นสูงกว่าระดับปกติ" อินแกรมผู้พ่อกล่าว

ไม่ใช่เรื่องเด็กๆ

วัยเด็กคือวัยแห่งการจดจำก็จริง แต่ปัญหาคือพวกเขามักจะเบื่อง่าย ข้อสังเกตนั้นดูไม่ยากในเวลาที่พวกเขาเล่นของเล่น ในวันที่พวกเขาอยากได้ของเล่นมาครอบครองเด็กๆพร้อมจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ไม่ว่าจะเป็นการกรีดร้อง,โวยวายหรือแม้แต่นอนดิ้นจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ ทว่าเมื่อเขาเป็นเจ้าของมันแล้ว พวกเขาจะตื่นเต้นกับของเล่นชิ้นนั้นเพียงชั่วครู่ และรู้ตัวอีกทีของเล่นชิ้นนั้นก็จะถูกเก็บในกล่องจนฝุ่นเกาะ .... แต่ รูดอล์ฟ ไม่ใช่เด็กประเภทนั้น ในวัย 4 ขวบเหลือเชื่อที่ความมุ่งมั่นของเขาดูเป็นชิ้นเป็นอันและแน่วแน่มาก เหมือนกับว่าเขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้

 

รูดอล์ฟ ทำกิจวัตรเดิมๆซ้ำๆทุกวัน ไม่ใช่เพียงแค่วิ่งอย่างเดียว เขาฝึกความแข็งแกร่งให้ร่างกายด้วยการเวทเทรนนิ่งจนกล้ามท้องขึ้นมาเป็นซิกซ์แพ็ค ตารางฝึกที่แน่นเอี๊ยดเขาพร้อมทำมันโดยเต็มใจและนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงเหมือนผู้ใหญ่ที่ย่อส่วนมากกว่าเด็กๆทั่วไป และเหนือสิ่งอื่นใดคือทีมเวิร์กระหว่างพ่อลูกที่ทำให้ "อินแกรมน้อย" เริ่มเป็นทีพูดถึงมากขึ้นในอเมริกา

"ผมไม่เคยพลาดการฝึก,เกมการแข่งขัน ของลูกคนนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาทำมันทุกวัน เขาเป็นซูเปอร์สตาร์แต่ผมเนี่ยรับหน้าที่เป็นทั้งผู้จัดการ คนถ่ายวีดีโอ คนตัดต่อ เทรนเนอร์ คนขับรถอูเบอร์ และเคล็ดลับที่ทำให้ผมทำได้ขนาดนั้นคือการได้เห็นความสุขของลูกในวันที่เขาได้ทำในสิ่งที่เขารัก"

วีดีโอ ที่มิสเตอร์อินแกรม ถ่ายไว้ให้กับลูกชายของเขาถูกนำมาใช้โชว์บนอินสตาแกรมในชื่อ Blaze_183  ทีมเวิร์กระหว่างพ่อลูกดำเนินไปอย่างไม่มีหยุด ลูกชายฝึกซ้อมและโชว์ลวดลายขณะที่พ่อก็คอยตามถ่ายและอัพลงโซเชี่ยลจนมีคนติดตามมากขึ้นเรื่อยๆและตอนนี้ยูสเซอร์ Blaze_183 มีผู้ติดตามแล้วกว่า 300,000 คน

วีดีโอที่สร้างชื่อให้กับเขาคือ วีดีโอ เมื่อปี 2018 ที่เขาเล่นแฟล็กฟุตบอล (อเมริกันฟุตบอลแบบที่ใช้การดึงธงที่เอวแทนการเข้าปะทะ) รูดอล์ฟ จัดการวิ่งหลอกคู่แข่งจนหัวทิ่ม จับไม่ได้ไล่ไม่ทันด้วยความเร็วและสเต็ปเท้าที่คล่องแคล่ว คลิปดังกล่าวมีคนดูเป็นล้านๆ และกลายเป็นไวรัลของโลกโซเชี่ยล ชนิด เลบรอน เจมส์ นักบาสเก็ตบอลอันดับ 1 ของโลกยังต้องมากดไลค์และมาคอมเมนท์ชื่นชมในความยอดเยี่ยมนี้

 

"ตอนผมเห็น เลบรอน เจมส์ มาคอมเมนท์มันเหมือนสิ่งยืนยันในสิ่งที่พวกเราทำ เลบรอน ชอบมัน(คลิป) ทุกคนก็ชอบมัน สำหรับผมแล้วการได้เห็นเขาเป็นไวรัลมันคือความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม มันกลายเป็นสิ่งสร้างสรรค์และเป็นแรงบันดาลใจต่อไป" มิสเตอร์อินแกรมกล่าว

อนาคตหลังจากนี้

รูดอล์ฟ มีสปีดที่เร็วจี๋คว้ารางวัลในระดับรุ่นอายุมาก็ไม่ใช่น้อยๆ แต่ความเร็วที่ว่านั้นเป็นเพียงแค่สารตั้งต้นเท่านั้น ตัวเขาเองชื่นชอบอเมริกันฟุตบอล เขาเล่นในตำแหน่งรันนิ่งแบ็คมันคือตำแหน่งที่ต้องใช้การวิ่งและความคล่องตัวฝ่าด่านคู่แข่งนับ 10 เข้าไปวางทัชดาวน์

 

"การวิ่งบนแทร็กทำให้ผมฝึกความเร็วและการควบคุมร่างกายรวมถึงรูปแบบต่างๆซึ่งช่วยให้ผมมีความพร้อมสำหรับการเล่น(อเมริกัน)ฟุตบอล ฟุตบอลทำให้ผมกระตือรือร้นและสามารถใช้พลังในการวิ่งของผมได้" เด็กน้อยวัย 7 ขวบกล่าว

โลกนี้มีนักกีฬาที่ถูกเรียกว่าเด็กเทพหลายคนที่พอโตมากลับมีพัฒนาการที่เชื่องช้าจนในที่สุดก็หายไปตามกาลเวลา แม้หลายฝ่ายจะห่วง รูดอล์ฟ ว่าอาจจะดำเนินรอยตามเหล่ารุ่นพี่กลุ่มนั้น แต่พอเอาเข้าจริงเขากลับเก่งขึ้นในทุกขวบปี และที่เป็นอย่างนั้นได้นอกจากร่างกายของเขาจะเอื้ออำนวยแล้วสภาพจิตใจของเขาก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน เพราะในวันที่เขาแพ้ เขามักจะหาเรื่องให้ตัวเหนื่อยขึ้นลำบากขึ้นเพื่อกลับมาเป็นผู้ชนะอีกครั้ง ปัจจุบันเขาคว้าเหรียญทองในการแข่งขันระดับเยาวชนมาแล้ว 36 เหรียญ ซึ่ง 20 เหรียญมาจากกรีฑาเยาวชนชิงแชมป์ประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา ในการวิ่งระยะ 55 เมตรอีกด้วย

"ผมเองเคยเห็นเขาแพ้ในการแข่งขันวิ่งระยะกลางมาแล้ว แต่เขาดันใช้เวลาไม่นานกลับมาวิ่งได้เร็วขึ้นกว่าเดิม รูดอล์ฟ ไม่ชอบความพ่ายแพ้ เขาเป็นพวกเสพติดชัยชนะตั้งแต่เด็กแล้ว" พ่อของเขายืนยันว่าลูกชายมีคุณสมบัติของการเป็นนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่

 

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่พ่อ-ลูก อวยกันเองเท่านั้น จิมมี่ วัตสัน โค้ชทีมอเมริกันฟุตบอลอของ รูดอล์ฟ เองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ด้วยฝีมือที่ รูดอล์ฟ มีทำให้เขาต้องทำหน้าที่แบกทีมอย่างช่วยไม่ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาไมเคยคิดว่าตัวเองนั้นเก่งจนเล่นคนเดียวและทำให้ทีมชนะได้ เขาแคร์เพื่อนๆในทีมเสมอและอยากจะยกระดับให้ทุกคนพัฒนาขึ้นมาเท่าเทียมกัน

"ในตำแหน่งรันนิ่งแบ็คคุณจะเห็นได้เลยว่าเขาแบกทีมเอาไว้บนหลังเล็กๆของเขา เขาวิ่งเร็วอย่างกับลมแต่ที่เหลือเชื่อคือ เด็กคนนี้มีวิสัยทัศน์แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน"

"ช่วงเวลาเสี้ยววินาทีเขาสามารถเปลี่ยนสเต็ปเท้าจากอีกทิศทางหนึ่งไปอีกทิศทางหนึ่งได้ เขาเป็นแรงจูงใจชั้นเยี่ยมของเพื่อนร่วมทีม เขามีพื้นฐานทางจิตใจที่แข็งแกร่งมาก" โค้ชวัตสันกล่าว

ด้านเด็กน้อยวัย 7 ขวบทีได้รับสมญานามต่างๆมากมายพูดถึงสิ่งที่ตัวเองเป็นได้อย่างน่าสนใจ เขาไม่เคยพอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ แม้จะมีใครชื่นชมก็ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดของเขาได้ นั่นคือเขาต้องเก่งขึ้นไป และก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองให้ได้

"มันก็รู้สึกดีนะ(ที่มีคนชม) แต่ที่สุดแล้วผมก็ยังต้องฝึกมันให้ยิ่งกว่านี้อีก" รูดอล์ฟ กล่าวคำพูดที่เรียบง่ายแต่กลับแสดงให้เห็นถึงบางสิ่งที่ทำให้ใครต่อใครรู้ว่าไอ้เด็กคนนี้มีของ

 

"ผมพยายามฝึกให้หนักเพื่อเป็นมาตรฐานสูงสุดสำหรับเพื่อนร่วมทีมของผมทุกคน ผมอยากแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเราจำเป็นต้องทุ่มเททุกสิ่งที่เรามี หากพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำมันอย่างไร ผมจะทำให้ผมพวกเขาดูเอง ผมบอกเพื่อนๆเสมอ คุณฝึกแบบไหน เวลาลงแข่งจริงคุณก็จะเป็นแบบนั้นแหละ"

โชคดีที่สุดอย่างหนึ่งคือแม้พ่อของเขาจะชื่นชอบที่ลูกตัวเองมีชื่อเสียง แต่พ่อของเขาก็ไม่เคยกดดันอะไร รูดอล์ฟ เลย เขาแค่อยากให้ลูกได้ทำในสิ่งที่อยากทำและนี่คือคุณสมบัติสุดท้ายที่รวมๆกันแล้วทำให้เด็กชายคนนี้ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน

"รูดอล์ฟ เพิ่งได้ดูสารคดีชีวิตของ ยูเซน โบลท์ เขาได้เห็นสิ่งที่โบลท์ทำ และรู้ว่าหากทำเช่นนั้นในอนาคตภายภาคหน้าจะมีอะไรรออยู่ เขาคือลูกชายที่ผมภูมิใจ ผมเองไม่อยากจะพูดอะไรให้มากเกินจริงหรอกนะครับ แต่ผมคิดเสมอว่าลูกของผมคือ 1 ในล้านคน ผมบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้พูดแบบนี้เพราะเขาคือลูกของผม ผมแค่รู้สึกว่าเขาจะทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน”

"อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้เหรอ เขาอาจจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ผลิตจรวดก็ได้? จริงๆมันไม่สำคัญหรอกว่าเขาอยากจะเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆคือผมจะอยู่คอยหนุนหลังเขาทุกเรื่อง"

 

"ไม่มีใครมานั่งเฝ้าดูวันที่ต้นไม้กำลังเจริญเติบโตหรอก ผู้คนต่างตัดสินกันในวันที่ต้นไม้ต้นนี้กลายเป็นต้นไม้ต้นใหญ่แล้วทั้งนั้น พวกเขาไม่เห็นวันที่มันเป็นเพียงแค่เมล็ดพันธุ์เม็ดเล็กๆ เราต้องดูแลและรดน้ำมันต่อเนื่อง ไม่ว่าที่สุดแล้วเขาจะเติบโตไปเป็นอะไรก็ตาม"  รูดอล์ฟ อินแกรม ซีเนียร์ กล่าวทิ้งท้าย