วันเฮง มีนะโยธิน : แชมป์โลกเจ้าของสถิติไร้พ่ายเหนือ "ฟลอยด์" ผู้ไม่ค่อยถูกจดจำ

วันเฮง มีนะโยธิน : แชมป์โลกเจ้าของสถิติไร้พ่ายเหนือ "ฟลอยด์" ผู้ไม่ค่อยถูกจดจำ

วันเฮง มีนะโยธิน : แชมป์โลกเจ้าของสถิติไร้พ่ายเหนือ "ฟลอยด์" ผู้ไม่ค่อยถูกจดจำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

25 ม.ค. 60 ณ เวทีมวยชั่วคราว สนามกีฬากลางจังหวัดพิษณุโลก วันเฮง มีนะโยธิน หรือ “วันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม” มีคิวป้องกันแชมป์โลก รุ่นมินิมัมเวท สภามวยโลก (WBC) 105 ปอนด์ โดยมี เมลวิน จารูซาเลม นักชกชาวฟิลิปปินส์ เป็นคู่ต่อกร

ระฆังยกแรกผ่านไป 2.45 นาที เวลาจนเจียนใกล้หมดยก ดูเหมือนว่า สองนักชกบนเวที กำลังเริ่มมองไปถึงยกต่อไปแล้ว เพียงเสี้ยววินาที วันเฮง โดนหมัดซ้ายของ เมลวิน ยิงตรงเข้าสู่ปลายคางอย่างจัง!

 

“ตอนนั้นมึนๆ ตานี่มัวไปหมด ทำอะไรไม่ได้เลย รู้เพียงอย่างเดียวคือต้องเก็บอาการไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเราแย่แล้ว ผมพยายามหาวิธีหลุดออกจากสถานการณ์นั้นให้เร็วที่สุด หลังผมพิงเชือกแล้วด้วย หากเขา (เมลลิน จารูซาเลม) เดินตรงเข้ามาผมคงแย่แน่ๆ” วันเฮง มีนะโยธิน เผยถึงไฟต์ที่เขาเกือบเสียตำแหน่งแชมป์โลก

โชคยังเข้าข้างแชมป์โลกชาวไทย เมื่อเสียงระฆังหมดยกแรกดังขึ้นช่วยชีวิตเขา วันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม กลับเข้ามุมเพื่อดื่มน้ำท่า และให้พี่เลี้ยงนวดสำหรับฟื้นสภาพร่างกายให้กับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยมีเวลาเพียงแค่ 1 นาที

60 วินาทีหมดลงไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่า วันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม ยังไม่ฟื้นจากอาการเมาหมัด แต่ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนบนสังเวียนผ้าใบ ทำให้เขาผ่านช่วงเวลาที่ดูจะหนักที่สุด ในการครองเข็มขัดแชมเปี้ยนโลก ไปได้

 1

“กว่าจะกลับเข้าสู่เกมของผมได้ ก็เข้าสู่ยกที่สี่ ยกสองยกสาม ผมยังต้องต่อยแบบประคองตัวไม่ให้ช้ำไปมากกว่าเดิม พอตั้งตัวได้ ก็เริ่มจัดการเขา (เมลลิน จารูซาเลม) ไปเรื่อยๆ ผมถือว่าเป็นไฟต์ที่ยากที่สุดไฟต์หนึ่งสำหรับการชกมวยสากลอาชีพของผม” วันเฮง เผย

ครบ 12 ยก วันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม พลิกกลับมาเอาชนะคะแนน เมลวิน เยรูซาเล็ม อย่างเป็นเอกฉันท์ (114-113/114-113/115-113) ป้องกันแชมเปี้ยนโลก รุ่นมินิมัมเวต สภามวยโลก ได้เป็นครั้งที่ 6 และเพิ่มสถิติไร้พ่ายเป็นครั้งที่ 45 ตลอดการชกมวยสากลอาชีพ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ วันเฮง เกือบต้องเสียเข็มขัดแชมป์ มินิมัมเวท 105 ปอนด์ของ สภามวยโลก (WBC)

เพราะก่อนหน้านี้ในการป้องกันแชมป์ครั้งที่ 7 กับ โอมารี คิมเวรี นักชกชาวแทนซาเนีย สัญชาติออสเตรเลีย เขาถูกศีรษะของคู่ชกกระแทกเข้าที่คิ้วซ้ายจนแตก ต้องหยุดพักห้ามเลือดไปพักใหญ่ แถมตลอดการชกยังถูก โอมารี พยายามยิงหมัดแผลแตกอยู่เสมอ แต่ “เจ้ายักษ์แคระ” ก็เอาตัวรอดมาได้

แต่เหนือสิ่งอื่นใดทุกไฟต์ในการชก วันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม สามารถจบด้วยการเอาชนะคู่แข่งได้ทุกไฟต์ กลายเป็นแชมป์โลกไร้พ่ายผู้ถือครองสถิติมวยสูงสุดตลอดกาลของ วงการมวยสากลอาชีพโลก ด้วยจำนวนถึง 52 ไฟต์

 2

มากกว่า “มันนี่บอย” ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เจ้าของสถิติชนะ 50 ไฟต์ติดต่อกัน รวมถึงตำนานนักชกอย่าง ร็อคกี้ มาร์เซียโน่ โคตรมวยที่ถูกนำเรื่องราวไปสร้างเป็นภาพยนตร์ เรื่อง “Rocky” (ร็อคกี้ ราชากำปั้น ทุบสังเวียน) ที่มีสถิติไร้พ่าย 49 ครั้ง

วันเฮง ยืนอยู่ในบนจุดสูงสุดที่ไม่เคยมีกำปั้นคนไหนในโลกทำได้ แต่มองย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้น เชื่อเหลือเกินว่า คงไม่มีคาดคิดว่า เด็กน้อยร่างเล็กจากจังหวัดมหาสารคาม จะมาถึงจุดนี้ได้ แม้กระทั่งตัวของเขาเอง

นักสู้จาก “สารคาม”

“ก็ไม่เคยคิดหรอกว่าทุกวันนี้จะก้าวมาเป็นแชมป์โลก” วันเฮง มีนะโยธิน เริ่มเผยถึงความหลัง “ตอนเด็กๆ ผมไม่มีความคิดที่จะต่อยมวยด้วยซ้ำ พอดีน้าเปิดค่ายมวย ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยไปวิ่งเล่นอยู่ในค่าย”

 3

จากเด็กหนุ่มที่ไม่เคยคิดจะเดินทางในถนนสายนักสู้ ถูกบรรยากาศในค่ายมวย “เพชรปทุม” อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ที่มีน้าชายของเขาเป็นเจ้าของ วันเวลาผ่านไป จากความรู้สึกเฉยชา แปรเปลี่ยนเป็นหลงใหลในวิชาการต่อสู้

“อยู่ค่ายมวย ถ้าไม่ต่อยมวยก็ไม่รู้จะทำอะไร สุดท้ายก็หนีไม่พ้น ผมก็เลยหัดชกมวยอย่างจริงจัง โดยมีคนในค่ายค่อยสอน พอซ้อมทุกวันก็รู้สึกว่าชื่นชอบการชกมวยไปโดยไม่รู้ตัว” วันเฮง ผู้ที่มีชื่อจริงว่า ชยพล มูลศรี เผยถึงจุดเริ่มต้นในเส้นทางนักสู้

งานวัด งานบุญ หรือเทศกาลต่างๆที่มีลานประลองแม่ไม้มวยไทยในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม “ไอ้น้อย” ชื่อของ วันเฮง สมัยอยู่ที่มหาสารคาม ก็จะไม่พลาดการไปประกบคู่เปรียบมวย

โดยมีค่าตัวที่ได้รับในแต่ละครั้งก็อยู่ที่ 500-1,000 หากโชคดีหน่อยก็มีอัดฉีดหลังจบการชกหากเขาได้รับการชูมือจากกรรมการ

“ผมก็ไปทั่วสารคามเลย ในที่ที่มีการชกมวย บางครั้งไปแบบยังไม่มีโปรแกรม ก็ไปหาคู่เปรียบเอาข้างหน้า ผมก็เอาชนะมาได้ตลอด ชนะจนแบบว่าเริ่มไม่มีใครอยากต่อยด้วยแล้ว พอสารคามไม่มีตัวต่อยก็ข้ามไปจังหวัดอื่นๆ แล้วก็จะเจอปัญหาเดิมคือ ไม่มีใครชกด้วย สุดท้ายคิดว่าผมคงต้องเข้ากรุงเทพแล้ว”

 4

ความเก่งของเขาในวัยเด็ก ก็ทำให้ไม่มี นักมวยรุ่นราวคราวเดียวกัน อยากจะขึ้นชกกับเขา น้อย - ชยพล พยายามหาวิธีเข้าเมืองหลวงเพื่อเจออะไรใหม่ๆ รวมไปถึงปะทะคู่ต่อสู้ที่ดีกว่าที่เขาเจออยู่ในวัยเด็ก เวลาเดียวกัน “น้าเฮง” เฮง ศักดิ์ชัยสิทธิ์ หัวหน้าค่ายมีนะโยธิน ได้ติดต่อมายังค่าย เพชรปทุม เพื่อให้หานักมวยที่มีแววในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เข้าไปปั้นต่อที่กรุงเทพฯ โดยมีโควตาให้ 2 ที่นั่ง

แต่ในสองรายชื่อนั้น ค่าย เพชรปทุม กลับไม่ได้เลือก “เจ้าน้อย” ชยพล มูลศรี นั่นทำให้โอกาสของเขากำลังจะหลุดลอยไป หากไม่ทำอะไรสักอย่าง? และวิธีการที่เขาทำก็คือ การขออาสาเป็น เด็กยกกระเป๋า ให้กับ 2 นักมวยร่วมค่าย ที่กำลังจะไปล่าฝันในเมืองกรุง

“ผมเข้ากรุงเทพมาอยู่ที่ค่าย (มีนะโยธิน) ตอนแรกในฐานะเด็กยกกระเป๋า ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเขามาจะเจออะไรบ้าง คิดอย่างเดียวเขาให้ทำอะไรก็คงต้องทำหมด ด้วยความที่อยากจะมาเป็นนักมวยที่กรุงเทพ ก็ต้องยอมทุกอย่าง” วันเฮง เผยถึงวิธีเอาตัวเองเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองหลวงเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

เด็กรับใช้สู่สตาร์ประจำค่าย

เด็กน้อยจากมหาสารคาม เดินทางมาถึงบริเวณหน้าค่ายมีนะโยธิน สำหรับ ชยพล นี่เป็นการเข้าเมืองกรุงครั้งแรกในชีวิต เขาตกตะลึงถึงบรรยากาศของค่ายมวยแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต

 5

กระเป๋า 2 ใบใหญ่ๆที่เขาถือในมือทั้งสองข้าง หลุดตกลงสู่พื้น ห้วงเวลานั้น เขาแทบไม่ได้สนใจกระเป๋าที่กองอยู่พื้นดิน สายตาของเขากวาดมองไปทั่วค่าย กว่าจะได้สติ กลับมาก้มเก็บกระเป๋า ก็กินเวลาไปหลายวินาที

“ยังจำวันแรกที่มาที่นี่ (ค่ายมีนะโยธิน) ได้เห็นนักมวยเก่งๆเขาซ้อมกันแบบจริงๆจัง อุปกรณ์อะไรก็ดูจะครบกว่าที่บ้าน ทุกอย่างดูน่าสนใจไปหมด ที่สำคัญเราได้เห็นนักมวยเก่งๆที่เขาได้ชกเวทีใหญ่ๆอย่างลุมพินี ราชดำเนิน ซึ่งก็ไม่ได้คิดหรอกว่าสุดท้ายจะได้ชกมวยหรือไม่ แต่ชอบที่จะอยู่ตรงนี้” วันเฮง เผย

น้อย ชยพล มีสถานะเด็กใหม่ที่เพิ่งก้าวมาเป็นสมาชิกใหม่ในค่ายมีนะโยธิน แถมเขาไม่ได้มาในฐานะนักมวย นั่นทำให้เขาต้องคอยรับใช้ นักมวยในค่าย ไม่ว่าจะใช้ นวด ยกน้ำ ใช้ทุกอย่างสนองความต้องการ

หากเด็กใหม่หลายคนที่เข้ามาเจอสภาพอย่างเขา ส่วนใหญ่ก็ทนไม่ได้ และเก็บกระเป๋าย้ายออกจากค่ายไปหลายราย แต่ไม่ใช่กับ ชยพล เขายังทนอยู่ในค่ายต่อ ด้วยความหวังว่าวันหนึ่งจะได้ก้าวสู่นักมวยของค่าย และอาจจะเป็นเพราะความซื่อ ความนอบน้อมของเขา ทำให้คนในค่ายเอ็นดู เขากลายเป็นที่รักของคนในค่าย และได้รับโอกาสที่รอคอย ในการขยับมาซ้อมมวยเหมือนคนอื่นๆ สถานะถูกเปลี่ยนจาก เด็กรับใช้ 3 เดือนเต็มๆ มาเป็น นักมวยฝึกหัดประจำค่าย

“กว่าจะได้ซ้อมมวยเหมือนคนอื่นๆ ก็อดทนรอพักใหญ่ๆ พอได้โอกาสซ้อมเหมือนคนอื่น ผมก็เต็มที่อย่างเดียวเลย อยากจะได้มีขึ้นต่อยเวทีใหญ่ๆสักครั้งหนึ่ง”

 6

สายตาที่ทุกคนในค่ายมองมาที่ วันเฮง มีนะโยธิน ในขณะฝึกซ้อม ก็มีหลากหลายอารมณ์ ซึ่งส่วนใหญ่มองไม่เห็นแววของนักชกจากจังหวัดมหาสารคามคนนี้เลย ในเวลานั้นหากมีใครเอ่ยปากบอกว่า วันเฮง จะก้าวมาเป็นยอดมวยเหมือนทุกวันนี้ ก็คงมีแต่เสียงหัวเราะถาโถมเข้าใส่

“น้าเฮง” เล่าจากประสบการณ์ว่า นักมวยที่ไม่ประสบความสำเร็จหลายราย ส่วนใหญ่ มักมีเรื่องระเบียบวินัย แอบหนีเที่ยว, เกเร และ อบายมุขต่างๆ มากมาย จนค่ายต้องตัดหางออกไป แต่นั่นไม่ใช่กับตัวเขา ชยพล เป็นนักมวยที่อยู่ในระเบียบวินัย ซ้อมหนัก ไม่มีเรื่องเกเรให้ค่ายต้องเหนื่อยใจ

และเมื่อต้องขึ้นสังเวียนชกจริง เขาได้รับเกียรติให้ใช้ชื่อ “วันเฮง มีนะโยธิน” ในการชกมวยไทย ซึ่งคำว่า “เฮง” ก็มาจากชื่อหัวหน้าค่าย (เฮง ศักดิ์ชัยสิทธิ์) นั่นเอง

ขวัญใจเซียนมวย

วันเฮง ได้ขึ้นสังเวียนชกมวยในเมืองกรุงสมใจ เริ่มไต่เต้าจากเวทีเล็กๆ ก็ขยับเข้าสู่เวทีใหญ่ขึ้นอย่าง เวทีลุมพินี และ ราชดำเนิน ดังความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็กๆ

 7

โดยการขึ้นเวทีชกมวยแต่ละครั้งของ “วันเฮง มีนะโยธิน” เขามักถูกจัดให้เป็น มวยรอง ดูได้จาก เรตราคาพนันขันต่อ ที่เป็นรองคู่ชกตลอดในช่วงแรก บางไฟต์ราคาไหลไปถึง เป็นรองถึง 1-10 ก็มีมาแล้ว

แต่ถึงแม้จะมีรูปร่าง ช่วงชกชก และชื่อชั้นที่เป็นรอง แต่เขาก็มักจะเป็นฝ่ายพลิกเอาชนะได้เสมอ จนชื่อเสียงของ “วันเฮง มีนะโยธิน” เริ่มโดดดังขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่เซียนมวย

“ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเริ่มประสบความสำเร็จแล้ว ต่อยชนะเกือบตลอดเลย มีความภูมิใจนะ แต่ก็มีเรื่องให้คิดเหมือนกัน รู้สึกว่าเรามาถึงทางตันแล้ว” วันเฮง มีนะโยธิน เกริ่นเข้าสู่ปัญหาที่เขาเจอเมื่อสมัยต่อยมวยไทย

มวยไทยรุ่นมินิฟลายเวท (105 ปอนด์) ในเมืองไทยเมื่อสิบกว่าปีก่อน หากเอ่ยชื่อ “วันเฮง มีนะโยธิน” นักชกคนอื่นก็ขวัญผวาไปตามๆกัน เพราะนี่คือโคตรมวยที่แทบไม่มีตัวจับแล้ว โดยเฉพาะพลังหมัดของเขานั้นต่อยคู่ชกลงไปนอนกองกับพื้นมานักต่อนัก แม้กระทั่ง แบกน้ำหนักขึ้นไปต่อยในเวทที่สูงกว่า วันเฮง ก็ทำคู่แข่งถูกนับมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

แชมป์รุ่นมินิฟลายเวท สนามมวยลุมพินี อันยาวนานที่ไม่มีใครโค่นเขาลงได้ รวมไปถึงดีกรีแชมป์​มวยไทยมาราธอน วีโก้ สมาร์ท รุ่นไลท์ฟลายเวท (108ปอนด์) การันตีความเก่งของเขาเป็นอย่างดี

“รุ่นผมนี่ไม่มีใครชกแล้ว โปรโมเตอร์จะจับผมไปชกกับใครก็ไม่มีใครเอา เวทเดียวกับผมหนีหมดเลย หัวหน้า (เฮง ศักดิ์ชัยสิทธิ์) ก็พยายามวิ่งหาให้ผมมีคู่ชกให้ สุดท้ายก็ต้องแบกน้ำหนักไปสู้กับรุ่นที่ใหญ่กว่า ไอ้สู้นะสู้ได้ แต่มันช้ำ อีกอย่างเราก็เริ่มมีแพ้บ่อยขึ้นในการก้าวไปชกเวทที่สูงกว่า”

นี่จึงเป็นปัญหาของ วันเฮง และค่ายมินะโยธิน รวมไปถึงวงการมวยไทยในยุคนั้น ที่ไม่เด็กรุ่นใหม่ไม่มีใครกล้ามาเทียบชั้นกับแชมเปี้ยนคนนี้ สุดท้าย ต้องถึงขึ้นมีการเจรจาให้ วันเฮง เลิกชกมวยไทย และไปเอาดีทางด้านมวยสากล สังเวียนระดับโลกที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อน

ไร้เทียมทานมวยไทยสู่แชมเปี้ยนโลก

“เสี่ยเน้า” วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์มวยชื่อดังผู้กว้างขวาง ในเวลานั้น เรียก “น้าเฮง” เฮง ศักดิ์ชัยสิทธิ์ หัวหน้าค่ายมีนะโยธิน เข้าไปคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนจะเรียกร้องขอให้ “วันเฮง มีนะโยธิน” เบนเข็มต่อยมวยสากลอาชีพอย่างเต็มด้วย

 8

“ถึงผมจะยังอยากต่อยมวยไทยต่อ แต่ผมรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ก็เลยตัดสินใจทำตามที่ผู้ใหญ่ขอ แม้ว่าผมจะเป็นมวยหมัด ต้องปรับตัวเยอะมาก ในการสลับไปต่อยมวยสากล และก็ไม่รู้ว่าเส้นทางจะเป็นอย่างไร แต่ก็ยังดีกว่าวิ่งหาคู่ชก บางทีไม่ได้ขึ้นเวทีนานเกือบ 3 เดือน” วันเฮง มีนะโยธิน เผยถึงช่วงเวลาสำคัญในชีวิตที่ตัดสินใจเปลี่ยนจากมวยไทยสู่มวยสากล

เขาใช้เวลาปรับตัวนานพอสมควร โดยได้ “โค้ชแหลม” สุภาพ บุญรอด เทรนเนอร์มืออาชีพที่ถูกส่งมาปั้น วันเฮง มีนะโยธิน

แต่ โค้ชแหลม ก็ต้องส่ายหัวให้กับ ความสามารถของ วันเฮง ที่ยังไม่ค่อยฉายแววความเป็น ยอดมวยสากลอาชีพ ออกมานัก

“วันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม” เริ่มต้นสู่เส้นทาง มวยสากลอาชีพ ได้อย่างสวยงาม เขาได้เป็นแชมป์โลกเยาวชน รุ่นมินิมัมเวท หรือ สตรอว์เวท (105 ปอนด์) ของสภามวยโลก (WBC) พร้อมกับสถิติชนะ 11ครั้ง โดยเป็นการป้องกันแชมป์ได้ถึง 8 ครั้ง

ก่อนที่จะต้องสละตำแหน่งแชมป์ และถือเป็นการสละตำแหน่งแชมป์ครั้งที่สองในชีวิตการชกมวย หลังจากก่อนหน้านั้น ช่วงที่เขาอำลาวงการมวยไทย เขาก็สละตำแหน่งแชมเปี้ยนเวทีลุมพินี

“จริงๆก็ไม่ได้แตกต่างกันหรอก ส่วนใหญ่เวทนี้ก็จะเป็นพวกอายุน้อยๆทั้งนั้น คู่ชกก็วนเวียนกันไม่เยอะหรอก ส่วนใหญ่ก็อยู่ในฝั่งเอเชียนี่หล่ะ เลยคิดว่าคงต้องขยับขึ้นไปอีก”

แชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่ (ที่ถูกลืมจำ)

วันเฮง เริ่มนับหนึ่งอีกครั้งในเส้นทางมวยสากลอาชีพ ด้วยการเอาชนะ เรียอัล กาเด้ นักชกฟิลิปปินส์ ที่จังหวัดตาก เมื่อ 26 ม.ค. 50 นับตั้งวันนั้นมาเป็นเวลา 11 ปี เขาไม่เคยแพ้ใคร จนถึงไฟต์ล่าสุดที่เอาชนะน็อก เมลกินสัน มาร์กาติ ชาวนักชกอินโดนีเซีย ในยกที่ 6 เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 61

 9

รวมแล้วเขาชนะรวด 52 ไฟต์ เป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลของวงการมวยสากลอาชีพโลก แต่ถึงแม้เขาจะมีสถิติที่ดูดีเหนือกว่า ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ หรือแม้แต่ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น แชมป์โลกซูเปอร์สตาร์ชาวไทย

แต่ชื่อเสียงของ “วันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม” กลับไม่ได้โด่งดังเป็นที่รู้จัก หากเทียบกับความสำเร็จที่เขาได้ ในการครองตำแหน่งแชมเปี้ยนโลกสถาบันหลัก

“ก็ต้องยอมรับว่ารุ่นที่ผมชกอยู่ ไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ พวกยุโรปอเมริกาที่ประเทศไกลๆ รุ่นเล็กสุดเขาก็ 115 ปอนด์แล้ว ไม่มีหรอกขนาดผม ก็เลยทำให้ได้ต่อยกับคู่ชกในแถบนี้เท่านั้น เมื่อเทียบค่าตัวแล้ว ก็ถือว่าน้อยกว่ารุ่นอื่นๆ” วันเฮง พูดถึงวงการมวยโลกรุ่นที่เขาถือเข็มขัดแชมป์อยู่นี้

คนวงการมวยทั้งบ้านเราและเมืองนอกต่างก็มักจะหยิบยกประเด็นว่ารุ่นของ “วันเฮง” ไม่มีนักมวยฝีมือดีที่จะมาต่อกรกับเขา ทำให้แชมเปี้ยนโลกชาวไทยคนนี้ได้เป็นเจ้าของสถิติแชมป์ไร้พ่ายมากที่สุดในปัจจุบัน แต่น้อยคนนักที่เข้าใจว่า เขาต้องพยายามมากแค่ไหนกว่าก้าวมาถึงจุดนี้

 10

“ไอ้ที่คนพูดว่าผมเจอคู่ต่อสู้ไม่เก่ง อันนี้ผมเฉยๆ แต่ที่ผมกังวลตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็คือ การหาคู่ชกในแต่ละครั้ง เหมือนกับสมัยที่ผมต่อยมวยไทย ก็เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่สู้นะ ใครก็ได้มาเถอะ แต่ทุกวันนี้ กว่าจะได้ต่อยที ต้องลุ้นคู่ชกว่าเขาจะตอบตกลงหรือเปล่า” วันเฮง เผย  

“แชมป์โลก ใครๆก็อยากเจอ อยากจะล้มให้ได้ เพื่อแย่งเข็มขัดแชมป์ แต่ตัวผม หัวหน้าค่ายก็ต้องวิ่งหาคู่ชกมาให้ผม นั่นเป็นสิ่งที่ผมกังวลมากที่สุด” วันเฮง เผยด้วยน้ำเสียงแอบน้อยใจ

ความฝันสุดท้าย

แม้จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ด้วยการไม่เสียเข็มขัดแชมป์โลก นานกว่าทศวรรษ แต่สิ่งหนึ่งที่ติดค้าคาใจอยู่ในตัวเขาก็คือ ตลอดการชก 52 ไฟต์ที่ผ่านมา ล้วนเป็นการชกในประเทศทั้งหมด จนได้รับสมญานามว่า “เก่งในบ้าน” ที่น่าเห็นใจ ก็คือ วันเฮง ยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปชกในต่างแดนแม้แต่ครั้งเดียว

 11

“ชกในบ้านได้เปรียบเสียงเชียร์ก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าผมอยากหยุดอยู่ตรงนี้ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่เคยออกไปชกเมืองนอกเลย นี่คือสิ่งที่ผมพยายามวิ่งหามันอยู่ตลอด ถ้าได้ชกเมืองนอกค่าตัวก็มากกว่าที่ไทย 3 เท่า แต่เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจ ผมอยากไปชกต่างประเทศบ้าง”

สำหรับการป้องกันแชมป์โลกไฟต์ที่ 53 ของ “วันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม” จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ซึ่งยังไม่มีสถานที่แน่ชัด แต่ที่แน่ๆ ก็ยังคงเป็นการชกในประเทศไทย และทำให้ วันเฮง ยังคงต้องรอคอย รอโอกาสไปชกต่างแดนต่อไป  

และด้วยอายุการใช้งานเขาเหลือเวลาอีกเพียง 2-3 ปีเท่านั้น ก่อนอำลาสังเวียนผืนผ้าใบ และเมื่อวันสุดท้ายเดินทางมาขึ้น วันเฮงหวังว่าความฝันที่เขารอคอย ในการได้ประกาศศักดาคำว่า นักชกไทย นอกแผ่นดินเกิด จะเกิดขึ้นจริง รวมถึง การรักษาเข็มขัดเส้นนี้ไว้ได้กับตัวเอง จนถึงการชูมือครั้งสุดท้ายของชีวิตการเป็นนักชก ในฐานะ “นักชกแชมป์โลกไร้พ่ายชาวไทย”

 12

“ผมว่ายังมีเวลาอยู่สำหรับความฝันของผม ในการได้ไปชกต่างประเทศสักครั้ง เหมือนแชมป์โลกคนอื่นๆ และผมอยากรักษาสถิติไร้พ่าย ไปถึงวันสุดท้ายของชกมวยสากลอาชีพ ผมอยากทำให้คนไทยทุกคนภูมิใจกับเข็มขัดเส้นนี้” วันเฮง มีนะโยธิน เผยทิ้งท้าย

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ วันเฮง มีนะโยธิน : แชมป์โลกเจ้าของสถิติไร้พ่ายเหนือ "ฟลอยด์" ผู้ไม่ค่อยถูกจดจำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook