"คูบ้า" คนจริงแห่งโปลิช : บุญคุณต้องทดแทนและความแค้นที่ไม่ขอชำระ!

"คูบ้า" คนจริงแห่งโปลิช : บุญคุณต้องทดแทนและความแค้นที่ไม่ขอชำระ!

"คูบ้า" คนจริงแห่งโปลิช : บุญคุณต้องทดแทนและความแค้นที่ไม่ขอชำระ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพราะชีวิตจริงไม่ใช่หนังจีน ความเเค้นควรปล่อยให้มันหายไปตามการเวลาไม่จำเป็นต้องตามไปชำระ อย่างไรก็ตามในส่วนของบุญคุณนั้นอย่างไรก็ต้องทดแทน แม้ว่าเหล่าผู้มีพระคุณจะไม่เคยเอ่ยปากขอก็ตาม

 

นี่คือเรื่องราวของยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ หรือที่แฟนลูกหนังรู้จักเขาในนาม “คูบ้า” หนึ่งในนักเตะโปแลนด์ที่เก่งที่สุด  ที่ภายในหัวใจของเขามีแผลเป็นที่ใหญ่จนทำให้เขาเกือบกลายเป็นฆาตกร…

เด็กที่เคยเห็นนรกด้วยตาตัวเอง

ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ อายุ 25 ปี เขากำลังประสบความสำเร็จในชีวิตการเป็นนักฟุตบอลด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจสำคัญของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในยุคที่มี เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นกุนซือ เขาต้องรีบกลับมายัง Truskolasy เมืองทางตอนใต้ที่ประเทศโปแลนด์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเพื่อมาร่วมพิธีสำคัญของครอบครัว และมันคืองานศพของ ซิกมันต์  บลาสซีคอฟสกี้ ผู้เป็นพ่อของเขาเอง

 1

ในงานฝังร่างคืนกลับสู่ผืนดินและอ้อมอกของพระเจ้า “คูบ้า” ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมายนัก เขาไม่ได้ให้สัมภาษณ์ที่ไหนและกับใคร แม้แต่น้ำตาสักหยดก็ไม่ได้ไหลออกจากดวงตาของเขา เขาเฝ้ามองพิธีกรรมทางศาสนาดำเนินไปตั้งแต่ต้นจนจบ ก่อนจะขึ้นรถกลับทันทีทิ้งไว้เพียงความสงสัยที่ว่าเหตุใด เขาจึงไร้ความรู้สึกเช่นนี้ในวันที่พ่อบังเกิดเกล้าต้องจากโลกนี้ไป

ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ คือเด็กหนุ่มจากทางใต้ของประเทศโปแลนด์ มีวัยเด็กที่รู้จักแต่ฟุตบอลเท่านั้น เขาเป็นลูกชายคนกลาง มีพี่ชาย และน้องสาว เหตุผลที่เขาต้องเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กก็มาจากเหตุผลที่คล้ายๆนักเตะดังหลายคนนั่นคือยากจน พ่อ และ แม่ ของเขาให้การสนับสนุนอย่างดีด้วยการนำไปเข้าทีมอคาเดมี่ของ  Raków Częstochowa ตั้งแต่อายุ 8 ขวบเท่านั้น

2 ปีผ่านไป คูบ้า ดูจะเป็นเด็กที่มีพัฒนาการมากกว่าเพื่อนๆคนอื่นๆ ผู้ใหญ่ในทีมหลายคนรู้แน่ว่าเด็กคนนี้สามารถไปได้ไกล ดังนั้นพวกเขาจึงดูแลประคบประหงมอย่างดี ทุกเซสซั่นการฝึกซ้อมเหล่าสต๊าฟฟ์โค้ชจะคอยใส่เทคนิคและทัศนคติที่เกินอายุให้กับคูบ้า และเขาเองก็รับมันมาปฎิบัติอย่างเคร่งครัด ฟุตบอลจะอยู่ติดกับเขาทั้งวัน ไม่ว่าจะในสนามซ้อม หรือแม้แต่ตอนอยู่ที่บ้าน

ช่วงเย็นวันหนึ่งหลังเสร็จสิ้นการซ้อมในเดือนกันยายนปี 1996 เขาเตรียมเรื่องราวระหว่างการฝึกซ้อมมาเล่าให้แม่ของเขาฟัง แต่วันนี้สถานการณ์แปลกไป คูบ้า และ พี่ชาย รีบเดินเขาไปในบ้านโดยไม่คิดว่านรกในโลกแห่งความจริงได้มาปรากฎอยู่เบื้องหน้าของเด็กน้อยทั้งสองคน

ซิกต์มัน และ อันนา บลาสซีคอฟสกี้ ผู้เป็นแม่กำลังมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง มันเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่เด็กอายุ 10 ขวบจะเข้าใจ แต่ คูบ้า รู้แน่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี ซิกต์มัน เริ่มลงไม้ลงมือกับ อันนา ที่ทะเลาะกันอยู่ในห้องครัว ก่อนที่แรงโทสะจะบันดาลให้ ซิกมันต์ ผู้เป็นสามีคว้ามีดขึ้นมาเเละจ้วงเข้าไปในร่างของคู่ชีวิต  

นี่ไม่ใช่การถ่ายทำภาพยนตร์ จังหวะที่มีดเสียบในร่างของอันนา เสียงของสิ่งมีคมผ่านทะลุเข้ากับเนื้อมนุษย์ และซีนบาดใจที่เลือดกระจายเต็มพื้น คือสิ่งที่ปรากฎต่อหน้าลูกชายวัย 12 และ 10 ขวบ "สวบ สวบ สวบ!" อันนา กรีดร้อง ซึ่งไม่แน่ว่ามันคือการร้องเพราะความเจ็บปวดหรือร้องเพราะได้สร้างนรกให้ลูกชายทั้ง 2 คนเห็น และสิ้นเสียงแห่งปริศนานั้น เธอก็ล้มลงและขาดใจตาย....

ไม่มีการสนทนากันครั้งสุดท้ายระหว่างพ่อลูก ซิกมันต์ กลายเป็นฆาตกรที่ฆ่าเมียตัวเอง เขาวิ่งผ่านประตูบ้านออกไปโดยไม่พูดจาอะไรแม้แต่คำเดียว และทิ้งลูกๆให้อยู่กับร่างไร้วิญญาณของมารดาผู้ให้กำเนิด

 2

"ผมเห็นพ่อเอามีดฆ่าแม่ ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น ตอนนั้นแม่คือคนที่คอยจัดการทุกๆปัญหาให้ผม และผมสนิทกับแม่มาก  ผมถามตัวเองจนถึงทุกวันนี้ว่า ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้กับเราวะ" คูบ้า ในวัย 33 ปีเล่าผ่านอัตชีวประวัติของตัวเองถึงเรื่องที่มืดดำภายในจิตใจที่เขาไม่เคยพูดที่ไหน

เติบโตจากนรก

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ คูบ้า พี่ชาย และ น้องสาว กลายเป็นเด็กกำพร้า ศาลตัดสินให้คุณยายของเขาเป็นผู้รับเลี้ยงดู ขณะที่หลังจากนั้นไม่นาน ซิกมันต์ บลาสซีคอฟสกี้ ถูกจำคุกฐานฆาตกรรม

 3

เด็กผู้เห็นนรกมาด้วยตาตัวเองคิดเสมอว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรจะเลวร้ายมากกว่าสิ่งที่เขาได้ประสบอีกเเล้ว การย้ายไปอยู่กับยายอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ลำบากอยู่บ้างทั้งกับการทำใจถึงอดีตที่เจ็บปวด รวมถึงการก้าวต่อไปในอนาคตด้วยภาพหัวใจที่แหลกละเอียด เมื่อเจอกับเรื่องสะเทือนใจแบบจัง แม้แต่เด็ก 10 ขวบก็ถึงกับเสียสติได้อยู่เหมือนกัน

"สิ่งที่เกิดขึ้นหักเหชีวิตของผม 180 องศา มันเหมือนมีก้อนหินก้อนยักษ์ตกใส่หัวคุณ และหลังจากนั้น 1 สัปดาห์คุณต้องตื่นขึ้นมาเเละพบว่าต้องเริ่มต้นชีวิตอีกครั้งแบบที่ไม่มีวันเข้าใจเลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น" เขายอมรับกับสิ่งที่เป็นในวันนั้น

ช่วงเวลาที่อยู่กับยายผ่านไปแต่ละวันอย่างเชื่องช้า เขาไม่อยากจะเล่นฟุตบอล และคิดถึงเรื่องราวเก่าๆด้วยความแค้น มันคือสิ่งที่น่ากลัวในการเติบโตกับสิ่งนี้ เพราะถ้าเขาไม่ยอมเข้าใจและไม่ก้าวต่อไปอนาคตของ ยาคุบ คงไม่ต่างกับ ซิกมันต์ ผู้เป็นพ่อ นั่นคือการใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาทุกๆเรื่อง

ยายของเขาเป็นห่วงสภาพจิตใจของหลานมาก อาการเหม่อลอย และสลัดความแค้นไม่ออกทำให้อุปนิสัยของ คูบ้า ที่เคยร่าเริงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

"ตอนที่เรานั่งกินอาหารเย็นด้วยกัน หากมื้อไหนที่เรามีมีดและส้อมอยู่บนโต๊ะ ยาคุบ จะกำมีดไว้ที่มือจนแน่นและพูดคนเดียวว่า มีดเล่มนี้จะฆ่าแกแน่ทันทีที่แกออกมาจากคุก" ยายของเขาเล่าถึงวัยเด็กที่บอบบางของหลานชาย

โชคดีที่ชีวิตของเขา มีคุณยายที่แสนวิเศษ เธอเฝ้าสอนหลานชายทั้ง 2 คนหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องการลืมอดีตและก้าวไปข้างหน้า เพราะถ้าหากว่าหลานๆดับไฟแค้นในใจไม่ได้ ชีวิตของทั้ง คูบ้า และ พี่ชาย จะไม่มีทางเดินไปข้างหน้าได้อีกเลย ที่สำคัญคือเธอไม่ได้พูดปลอบอย่างเดียวเท่านั้น เธอไปตาม เยอร์ซี่ เบอร์ซเช็ก ลูกชายของเธอที่ศักดิ์เป็นลุงของคูบ้า ให้รับหน้าที่มอบแรงจูงใจให้หลานอีกครั้ง

เยอร์ซี่ เบอร์ซเช็ก เป็นนักฟุตบอลอาชีพและเล่นให้ทีมใหญ่ในประเทศอย่าง เลช พอซนาน และทีมอื่นๆอีกมากมายทั่วยุโรป เขากลับมานำหลานชายสองคนไปฝากไว้กับสโมสร Górnik Zabrze ทีมในดิวิชั่น 4 ของ โปแลนด์ ที่เคยเป็นอดีตทีมเก่าของเขา  ความหวังในตอนนั้นมีแค่เพียงปลุกหลานชายให้ตื่นเพื่อสู้กับเส้นทางที่เหลือของชีวิต ไม่ได้คิดว่า คูบ้า จะไปได้ไกลเหมือนทุกวันนี้

"หลายครั้งที่ผมต้องการความช่วยเหลือ ยายมักจะอยู่ตรงนั้นเสมอ ถ้าไม่ได้มาอยู่กับยาย ไม่รู้เลยอะไรจะเกิดขึ้นกับผมบ้างเหมือนกัน"

จากเด็กหนุ่มที่เคยกำมีดด้วยความแค้น กลายเป็นนักฟุตบอลที่เริ่มสนุกสนานกับการวิ่งในสนามอีกครั้ง เผลอแว่บเดียวคุณลุง เบอร์ซเช็ก ก็ต้องตกใจ เพราะทีมสต๊าฟฟ์ของ Górnik Zabrze บอกว่าหลานชายของเขาเก่งมาก และเหนือสิ่งอื่นใดคือการเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสุดๆ สิ่งนี้เหมือนกับเป็นการบอกอ้อมๆว่า "ทำไมไม่ลองเอาไปให้ทีมใหญ่ทดสอบดูล่ะ"  

คุณลุงเบอร์ซเช็ก หอบหลานชายและใช้เส้นสายช่วยให้ คูบ้า มีโอกาสได้คัดตัวกับ วิสล่า คราคอฟ ทีมดังของประเทศ  และเมื่อด่านแรกผ่านก็ถึงคราวที่ คูบ้า จะต้องช่วยเหลือตัวเองเเล้ว เพราะในระดับฟุตบอลอาชีพ การฝากให้เล่นไม่มีทางเกิดขึ้นได้ง่ายๆแน่นอน

ผลคือเขาทดสอบผ่านฉลุย เข้าสู่ทีมเยาวชนของ คลาคอฟ อันเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่เต็มตัว

ลืมมันซะแล้วเริ่มมันใหม่

"ยากมากนะกว่าที่ผมจะผ่านช่วงเวลานั้นได้ แต่ผมไม่แคร์แล้วล่ะกับอะไรที่เกิดขึ้น ชีวิตผมสูญเสียมาเยอะพอดู นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องพยายามหาชีวิตตัวเองให้เจอ และขอบคุณลุงมากๆ ที่ดึงผมกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง"

 4

เขาเล่นในทีมเยาวชนได้ไม่ถึงปี คูบ้า ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ วิสล่า คราคอฟ และคว้าแชมป์ลีกร่วมกับทีมทันที จุดแข็งของเขาไม่ใช่สิ่งใดไกลอื่น มันคือความแข็งแกร่งของสภาพจิตใจ เขาไม่เคยกลัวความท้าทายหน้าไหนอีกเลยและทัศนคติที่ยอดเยี่ยม เพราะไม่ว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหน เขาจะบอกตัวเองว่ายังไปได้อีก

"ตอนนั้นผมมาอยู่กับทีมแค่ 3 เดือน แล้วเราก็ได้เเชมป์ลีก เคล็ดลับของผม คือ ผมทำทุกอย่างที่โค้ชบอกให้ทำ ผมอยากให้เขามั่นใจว่าถ้าเขาให้ผมลงไปในสนาม เขาจะได้คำตอบที่ต้องการ"

นอกจาก พี่ชาย ยาย และลุง เเล้ว วิสล่า คราคอฟ เหมือนบ้านหลังที่ 2 ของ คูบ้า นี่คือสถานที่ที่สอนเขาหลายสิ่งอย่างทั้งเรื่องในและนอกสนาม ที่แห่งนี้ให้ชื่อเสียงและชีวิตใหม่ครั้งที่ 2 กับโลกฟุตบอลอย่างแท้จริง

เมื่อเติบโตขึ้น คูบ้า เป็นคนที่มักจะเก็บอารมณ์และไม่ค่อยแสดงอารมณ์ขันเท่าไหร่ แต่มันแลกมาด้วยความมุ่งมั่น เขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องวินัยเลยแม้แต่หนเดียว นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมชีวิตค้าแข้งของเขาจึงเดินหน้าไปเรื่อยๆ ปีแรกเขาคว้าแชมป์ลีก, ปีที่ 2 เขาเป็นนักเตะกองกลางที่ดีที่สุดในลีกโปแลนด์ และปีที่ 3 จบลงด้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลีก ที่เพื่อนนักเตะต่างพร้อมใจเทโหวตให้ชนะแบบขาดลอย

 5

เขาประสบความสำเร็จที่โปแลนด์ จนถูก ดอร์ทมุนด์ ของ ดึงตัวไปร่วมทีมในปี  2007 และเริ่มเดินหน้าโดยแชมป์มากมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือแชมป์ บุนเดสลีกา 2 สมัย ในปี 2011 และ 2012 ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดีจนกระทั่งเข้าได้รับข่าวสารที่ส่งมาบอกเขาว่า ซิกมันต์ บลาสซีคอฟสกี้ พ่อของเขาเสียชีวิตลงในช่วงปี 2012 ก่อนที่ฟุตบอลยูโร 2012 ที่ โปแลนด์ เป็นเจ้าภาพกับยูเครน จะเริ่มขึ้น เรื่องนี้ทำให้เขาสะอึกไปบ้าง แต่ความสำเร็จที่ฟุตบอลมอบให้ก็มากพอที่จะทำให้ความแค้นตกตะกอน เขากลับไปร่วมงานศพในชุดสูทสีดำ เพื่อมองดูร่างที่ไร้ลมหายใจของชายผู้ฆ่าแม่ของเขา

 6

"เรื่องนี้มันคงจะอยู่กับผมจนวันตายนั่นแหละ" เขาย้ำชัดเจน แม้จะเลิกเเค้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะลืม และทุกครั้งที่เขายิงประตูได้คุณจะเห็นภาพที่เขาชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งเขาตั้งใจจะส่งประตูดังกล่าวขึ้นไปให้แม่ของเขารับรู้ว่า "ตอนนี้ผมประสบความสำเร็จแล้วนะ"

ชุบชีวิตทีมบ้านเรา

อาชีพนักเตะของคูบ้า ขึ้นสู่จุดสูงสุดและถอยหลังลงมาเรื่อยๆตามวัย เขาเองไม่ได้วิตกกังวลอะไรกับเรื่องนี้ เเละเข้าใจดีว่ามันคือคำที่คนเรียกกันเท่ๆว่าวิถีฟุตบอล คูบ้า ในวัย 31 ปี เป็นส่วนเกินของเสือเหลือง หลังจากหมดยุคคล็อปป์  จากนั้นเขาก็ถูกปล่อยไปอยู่กับ ฟิออเรนติน่า แบบยืมตัว และขายขาดให้กับ โวล์ฟส์บวร์ก

 7

แม้จะไม่ดังเหมือนเก่าแต่แฟนบอลทุกคนในทุกสโมสรที่เขาไป ยังรักเขาเสมอ โดยเฉพาะที่ คราคอฟ ความสำเร็จของเขาเป็นเหมือนรูปที่แปะข้างฝาให้ผู้เล่นในทีมบอกตัวเองว่าสักวันฉันก็ต้องทำได้แบบนี้บ้าง...

ทว่าขณะที่เรื่องราวกำลังจะจบแบบแฮปปี้ เอนดิ้ง ก็กลับมีความท้าทายสุดท้ายของเขาในฐานะนักเตะอาชีพก็มาเยือน ในช่วงปลายปี 2018 ช่วงที่เขาอายุ 33 ปี และใกล้จะเลิกเล่นเต็มที

"จุดจบของ วิสล่า คราคอฟ กำลังจะมาถึงเเล้ว" พาดหัวข่าวในประเทศโปแลนด์ว่าเช่นนั้นความคิดจะเลิกเล่นของ คูบ้า ที่กำลังไร้ตัวตนในโลกก็เปลี่ยนไปทันที

การบริหารงานที่ผิดพลาดจนสโมสรต้องเผชิญกับสภาวะล้มละลาย จากทีมที่เคยคว้าแชมป์ลีก 17 สมัยกลายเป็นทีมที่ติดหนี้ธนาคารเป็นจำนวน 20 ล้านยูโร และกลุ่มทุนจากแคนาดา ที่กำลังจะซื้อทีมก็ไม่สามารถหาเงินมาซื้อทีมได้ทันเวลา พวกเขาเข้าตาจนสุดๆตอนนี้ และถึงเวลาที่ฮีโร่จะปรากฎตัว

"ผมไม่ได้ชอบความท้าทายหรอกนะ แต่ผมแค่รับมือมันได้เท่านั้น การเป็นนักฟุตบอลจะต้องโดนแฟนๆกดดันหนักมาก เท่านั้นยังไม่พอยังมีสื่ออีกเป็นร้อยที่จะเอาชีวิตคุณไปเล่า และกดดันคุณถ้าฟอร์มคุณตก เชื่อไหมสิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมด พวกมันเอาผมไม่ลงหรอก ตลอด 15 ปีในชีวิตค้าแข้ง ผมไม่สนใจเลยว่าใครจะพูดยังไง" คูบ้า กล่าว

 8

เขาเข้าเจรจากับต้นสังกัดอย่าง โวล์ฟส์บวร์ก เพื่อขอยกเลิกสัญญาของเขา และกลับมายังสโมสรที่เป็นเหมือนบ้านอย่าง คราคอฟ อีกครั้ง เพราะเมื่อเขาไม่มีสัญญาเขาก็จะกลายเป็นนักเตะที่ไม่มีค่าตัว คราคอฟ สามารถเจรจาได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว

คูบ้า ไม่อ่านเอกสารก่อนเซ็นสัญญาใดๆทั้งสิ้น และยืนยันว่า "งานนี้ใจล้วนๆ" เพราะเขาร่างสัญญาขึ้นมาเองและเนื้อหาใจความในสัญญาฉบับนั้นคือ "ผมจะไม่ขอรับค่าเหนื่อยจากทีม" เท่านั้นยังไม่พอ เขาเห็นน้องๆในทีมหลายคนประสบปัญหาเพราะเงินเดือนออกไม่ได้ตรงจากสถานการณ์โดยรวมของทีม คูบ้า จึงนำเงินของตัวเองเป็นจำนวนถึง 300,000 ยูโร มอบให้กับสโมสรเพื่อนำมาจ่ายให้กับเพื่อนร่วมทีมอีกด้วย

ตอนนี้ คราคอฟ กำลังหากลุ่มทุนใหม่เข้าเทคโอเวอร์และล้างหนี้ก้อนเก่า ซึ่งถ้าแผนนี้ไม่เวิร์ค เขาจะเป็นคนที่เดินหน้าหากลุ่มทุนเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรแห่งนี้ด้วยตัวเขาเอง เมื่อ วิสล่า คราคอฟ ให้ชีวิตใหม่กับเขาได้ เขาก็ต้องชุบชีวิตบ้านหลังนี้ได้เช่นกัน

 9

"ผมก็คนธรรมดาคนหนึ่งนี่แหละมีทั้งดีและเลวอยู่ในตัว ผมไม่ใช่ตำนานอะไรเลย" คูบ้า ไม่พร้อมรับคำชื่นชมจากแฟนๆ คราคอฟ และทิ้งท้ายถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า

"สำหรับคนที่มองจากด้านนอกจะคิดว่า เฮ้ย ไอ้หมอนี่มันมีเงิน, มีรถเจ๋งๆขับ ได้เล่นให้ทีมใหญ่ๆ มันมีทุกอย่างเลยนี่นา เชื่อเถอะว่าอย่าไปคิดแบบนั้น เพราะสิ่งที่สำคัญที่ชีวิตผมมาอยู่ตรงนี้ และมีความสุขได้คือครอบครัวและลูก รวมถึงทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ด้วย ทุกอย่างจะดำเนินต่อไป แม้ผมจะมีแผลเป็นที่หัวใจก็ตาม"

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ "คูบ้า" คนจริงแห่งโปลิช : บุญคุณต้องทดแทนและความแค้นที่ไม่ขอชำระ!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook