ส่งหมาป่าไปล่าสิงโต : ลากไส้ทีมบาสเกตบอลคนพิการลวงโลก
"ในการแข่งขันระดับโลกที่ยิ่งใหญ่มันเป็นเรื่องแปลกมากที่มีคนโกงมันได้สำเร็จ... พาราลิมปิกเป็นแบบนั้นไปเสียเเล้ว"
ประโยคดังกล่าวหลุดจากปาก แทนนี่ เกรย์ ธอมป์สัน นักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งหญิงที่คว้ารางวัลเหรียญทอง พาราลิมปิก เกมส์ ถึง 4 ครั้งซ้อน หลังรู้ว่าในรายการกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้พิการ กลับมีทีมบาสเก็ตบอลชาย "โกง" จนได้เหรียญทองด้วยการส่งผู้เล่นที่ไม่ได้พิการลงเเข่งขันถึง 10 คน
เรื่องน่ารังเกียจนี้เกิดขึ้นในพาราลิมปิกเกมส์ 2000 ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยมีทีมบาสเก็ตบอลชายของทีมชาติสเปนเป็นจำเลยตัวเป้ง
ต้องยอมรับว่าปกติคนพิการก็ใช้ชีวิตประจำวันยากลำบากอยู่เเล้ว แต่การที่พวกเขาพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดตัวเองเพื่อเป็นนักกีฬาทีมชาติคือเรื่องที่หนักหนาและต้องทุ่มเทกว่าเดิมหลายเท่า ดังนั้นการโกงของทีมชาติสเปนหนนี้คือความน่ารังเกียจที่ผู้คนในวงการต้องลุกฮือ
ทว่าเหตุใดสเปนจึงยอมทำเรื่องที่ชวนเสื่อมเสียเกียรติเช่นนี้ และพวกเขาทำอย่างไรจึงส่ง "คนที่ไม่พิการ" ลงเเข่งในกีฬาของ "คนพิการ" ได้ Main Stand จะไล่เรียงให้คุณเข้าใจถึงกลยุทธสุดห่ามนี้
ใครๆก็โกงกัน
กีฬาของคนพิการนั้นจะต้องมีการแบ่งแยกประเภทให้ชัดเจนเพื่อความเสมอภาคของเหล่านักกีฬาพิการที่ลงเเข่งขันในรายการต่างๆ โดยในการแข่งขันบาสเก็ตบอลพาราลิมปิกเกมส์นั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1 คือวีลเเชร์บาสเก็ตบอล และแบบที่ 2 คือการแข่งขันบาสเก็ตบอลของผู้พิการทางสมอง ซึ่งอย่างหลังเป็นสิ่งที่พิสูจน์ด้วยตาเปล่ายากหน่อย และเรื่องก็เริ่มขึ้นจากชายผู้อยู่บนยอดสุดขององค์กรคนนี้
เฟร์นันโด มาร์ติน บิเซนเต้ คือประธานสมาพันธ์คนพิการทางสมองของทีมชาติสเปนในเวลานั้น เขาเป็นคนที่คิดเหมือนกับเหล่าผู้บริหารในทุกองค์กร นั่นคือการนำความสำเร็จเข้ามาสู่ทีม เพียงแต่ว่าวิธีที่เขาเลือกใช้กลับเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจากคนระดับบิ๊กๆเช่นนี้
ในขณะที่ พาราลิมปิก ปี 2000 กำลังจะเดินทางมาถึง เป็นหน้าที่ของ มิสเตอร์ มาร์ติน บิเซนเต้ ที่ต้องจัดทีมเพื่อส่งไปแข่งขันรายการนี้ ซึ่งจะว่าไปบาสเก็ตบอลก็เป็นหนึ่งในกีฬายอดฮิตของชาวสเปน พวกเขามีลีกบาสอาชีพ และแน่นอนว่าทรัพยากรบุคคล "เพียบ" ดังนั้นเพื่อรักษาตำแหน่งใหญ่โตเอาไว้ในอ้อมกอด มาร์ติน บิเซนเต้ จึงเกิดไอเดียบรรเจิดโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ "โกงยังไงดีนะ?" นี่คือสิ่งที่เขาเริ่มคิด เท่านั้นยังไม่พอเขายังสานต่อให้มันเกิดขึ้นจริงอีกต่างหาก
การแข่งขัน "บาสเก็ตบอลไอดี" หรือ บาสเก็ตบอลของผู้พิการทางสมอง มีกฎเกณฑ์หลายข้อแต่ที่ชัดเจนที่สุดคือผู้เล่นที่ลงเเข่งขันจะต้องมี IQ ไม่เกิน 70 ดังนั้นในเกมจริง ผู้เล่นเหล่านี้อาจจะมีการคิดช้า ทำช้า กว่านักกีฬาชีพหลายเท่า มาร์ติน บิเซนเต้ เล็งเห็นช่องทางความสำเร็จเขาจึงได้เลือกนักบาสเก็ตบอลที่เคยเป็นผู้เล่นระดับมืออาชีพ และกึ่งมืออาชีพ มาถึง 10 คน เพื่อบันดาลเหรียญทองให้กับพี่น้องชาวสเปนได้ชื่นใจ
9 คนแรกตบเท้าเข้ามาตามบัญชาของ มาร์ติน บิเซนเต้ ที่มีนอกมีใน พวกเขามี IQ เกิน 70 โดยเขารู้ดีว่าหากเขาเอานักบาสเก็ตบอลอาชีพที่เล่นในลีกมาจะเป็นการง่ายต่อการจับผิด และระดับห่างกับคู่แข่งเกินไป เขาคิดเเล้วคิดอีกเเล้วพบว่าเอาผู้เล่นที่ไม่เคยเล่นเกมอาชีพก็น่าจะพอแล้ว การเอาชนะคนพิการทางสมองด้วยสมรรถภาพที่มากกว่า ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
9 จาก 10 คนรู้กันกับท่านประธานมาร์ติน บิเซนเต้ ซึ่งตัวของเขาเองนั้นก็ชะล่าใจเกินเหตุ คิดว่าตัวเองนั้นสามารถต้อนฝูงแกะเเสนเชือกเข้าไปอยู่ในคอกของตัวเองได้เเล้ว ผู้เล่นเหล่านี้จะได้รางวัล ส่วนเขาก็จะได้ชื่อเสียงและเงินทองตามมาในภายหลัง นี่คือดีลที่เขาคิดว่า วิน-วิน แน่ แต่หารู้ไม่ว่ามีหมาป่าหลงอยู่ในฝูงแกะอยู่ 1 ตัว
หมาป่า คาร์ลอส
สื่อและนักข่าวอาจเป็นอาชีพที่ขยันขายข่าวจนสร้างความปั่นป่วนให้โลกกีฬามาไม่น้อย แต่หนนี้พวกเขาได้รับความดีความชอบไปเต็มๆ ความลับไม่มีในโลก และไม่มีใครปิดความลับไปได้ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโดนนักข่าวสายเจาะล็อกเป้า
คาร์ลอส ริบากอร์ด้า คือ ชื่อของหมาป่าที่เข้าไปแฝงตัวในฝูงแกะ นักข่าวจากสำนักข่าว Capital โดยหน้าที่หลักของเขาในตอนแรกคือการเดินทางมาทำข่าว โอลิมปิก ที่ซิดนีย์ ส่วนภารกิจรอง ก็คือ การสาวไส้ครั้งนี้แหละ
คาร์ลอส รับภารกิจที่สำคัญพอๆกับสายลับ 007 เขาเป็นคนที่พอจะเล่นบาสได้บ้างแต่ไม่เก่งอะไรมากมายนัก เคยเเข่งขันบาสตามรายการท้องถิ่นแต่ฝีมือก็ยังห่างไกลระดับลีกอาชีพเยอะ และคนแบบนี้และที่ท่านประธาน มาร์ติน บิเซนเต้ อยากจะได้
ปลาใหญ่ฮุบเหยื่อเข้าให้เเล้ว ท่านประธานเรียกตัวเขาเข้ารายงานตัว และภารกิจของหมาป่าคาร์ลอสจึงได้เริ่มขึ้น หน้าที่ของเขาคือแทรกซึมและแอบส่งอีเมลกลับมารายงานเรื่องต่างๆของการโกงถึงกองบรรณาธิการของ Capital เป็นระยะๆ
ขั้นแรกในการคัดตัว คาร์ลอส บอกว่า 3 บททดสอบที่เขาเจอมีเพียงการโชว์ทักษะบาสเก็ตบอลเล็กน้อย การวิดพื้นแค่ 6 ที และการตรวจความดันโลหิต แต่ไม่มีการตรวจวัดไอคิวและความฉลาดเลยแม้แต่หนเดียว... ทุกอย่างง่ายดายจริงๆ
หลังจากนั้น คาร์ลอส เข้าไปฟังการปราศรัยจากท่านประธาน มาร์ติน บิเซนเต้ เนื้อความในวันนั้น คาร์ลอส ย่อยคำพูดไว้ประมาณว่า
"ไม่ต้องห่วงทีมไหนเขาก็โกงกันทั้งนั้น การโกงเป็นเรื่องปกติของกีฬาทุกชนิดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมอยากให้พวกคุณอย่าคิดมาก ส่วนเรื่องการปลอมเป็นคนพิการทางสมองนั้นไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวผมจะไปขอใบรับรองแพทย์ปลอมมาให้กับทุกคนเอง" นี่คือสิ่งที่ คาร์ลอส สรุปปากคำของ มาร์ติน บิเซนเต้ มาให้กอง บก. ที่รออยู่ในบ้านเกิด
แค่ให้การรับประกันมันยังไม่เพียงพอ การเล่นกับจิตใจคนให้กล้าโกงแม้กระทั่งคนพิการนั้นต้องใช้สิ่งที่เปลี่ยนผิดเป็นถูกได้นั่นก็คือ "เงิน"
เงินสดจำนวน 150,000 ยูโร คือข้อเสนอของท่านประธานมาร์ติน บิเซนเต้ ที่บอกกลุ่มลูกเเกะที่เขาเลือกมาเองกับมือว่า หากสามารถทำให้ทีมชาติสเปนคว้าเหรียญทองได้ เงินจำนวนนี้จะถูกโอนเข้าบัญชีแต่ละคนแบบ "เรื่องเงียบ" ส่วนเรื่องเงินนั้นไม่ใช่ปัญหา เมื่อบริษัทชั้นนำของประเทศอย่าง Telefonica มหาอำนาจสายโทรคมนาคมแดนกระทิงดุ และธนาคาร BBVA (ที่แฟนบอลอาจจะคุ้นเคยตอนเป็นสปอนเซอร์ให้ ลาลีกา อยู่พักนึง) พร้อมเปย์อยู่แล้ว... เป็นเช่นนั้นเอง ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน 9 ลูกแกะชื่นชอบข้อเสนอและพร้อมทำในสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจอย่างไรก็ผิดเต็มประตู
เท่านี้สเปนก็ได้ผู้เล่นครบ 12 คน โดยมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ไอคิวต่ำกว่า 70 เข้าเกณฑ์จริง ส่วนอีก 10 คนที่เหลือไม่ต้องตรวจร่างกายไม่ต้องตรวจสมอง ใบรับรองแพทย์ใบเดียวจบ พวกเขาพร้อมจะเขย่าวงการบาสคนพิการเเล้ว
ชัยชนะบนความน่าละอาย
การเเข่งขันครั้งนี้มีทีมลงเเข่งขันทั้งหมด 8 ชาติ สเปน, โปรตุเกส, บราซิล, ญี่ปุ่น อยู่ในสาย A ขณะที่สาย B ประกอบด้วยเต็ง 1 อย่าง รัสเซีย, โปแลนด์, ออสเตรเลีย และ กรีซ
เกมแรกของ สเปน คือการพบกับทีมชาติญี่ปุ่น อาจจะเป็นเพราะความไม่คุ้นเคยเเละวางตัวไม่ถูก กลุ่มพลพรรคคนโกงเดินหน้ารัวใส่ในช่วงควอเตอร์แรก ด้วยแต้มนำถึง 30 คะแนน ประธาน มาร์ติน บิเซนเต้ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เจ้าพวกนี้โชว์ลีลาจนเกินไปและกลัวว่าไก่จะตื่น จึงต่อสายตรงหาโค้ชเพื่อบอกลูกทีมว่าอย่าไปใส่เต็มที่นัก
"เห้ย เบาๆหน่อยโว้ยเด็กๆ เดี๋ยวพวกเขาก็รู้ว่าเอ็งไม่พิการหรอก" คาร์ลอส เล่าให้ฟังว่าเขาได้ยินเสียงนี้ดังมาจากข้างสนาม และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ครึ่งหลังพวกเขาก็ดึงๆสกอร์ไว้หน่อย ในวันนั้น มาร์ติน บิเซนเต้ และ สเปน ยังโชคดีในความโกง เพราะพอเหล่าผู้เล่นรู้ว่าควรทำอย่างไร พวกเขาจึงเลิกที่จะเลี้ยงบอลด้วยความเร็วกระโดดเลย์อัพไวปานฟ้าแลบ ต่างกับคู่แข่งระดับฟ้ากับเหว ให้เล่นใกล้เคียงกันขึ้นมาหน่อย ผ่อนคันเร่งนิดๆ แต่อย่างไรเสีย เมื่อแข่งกับคนพิการเเล้วอย่างไรเสียพวกเขาก็เก่งกว่าอยู่ดี
เกมการเเข่งขันผ่านแบบนัดต่อนัด สเปน ไม่แพ้ใครเลยในรอบแบบกลุ่ม จนกระทั่งมาถึงรอบชิงเหรียญทองที่ต้องเจอกับรัสเซีย ที่ถือว่าเป็นทีมเเกร่งที่สุดของสาย B แต่ก็หาใช่ปัญหาอะไร สเปน จัดการเชือดนิ่มเเละคว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จ
พวกเขาฉลองกันสุดเหวี่ยงกับเหรียญทองและเงิน 150,000 ยูโรที่กำลังจะโอนเข้ามา แต่ขณะที่กำลังฝันหวาน สำนักข่าว มาร์ก้า ได้ถ่ายรูปลงพาดหัวข่าว หลังจากนั้นปัญหาก็เริ่มขึ้น
ไอ้พวกนี้ขี้โกง
หลังจากเห็นรูปฉลองของทีมบาสคนพิการในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ขายดีที่สุดในสเปนอย่าง มาร์ก้า ก็มีนักอ่านคนหนึ่งส่งข้อความมายังกอง บก. และบอกว่า "เห้ย ผมรู้จักผู้ชายคนนี้ ผมเคยเเข่งกับเขานี่หว่า ไอ้หมอนี่ไม่ได้พิการซะด้วย" คาร์ลอส เล่าย้อนไปถึงวันที่เรื่องเเดง ดังนั้นเขาต้องรีบลงข่าวนี้ทันที โดยแจ้งไปทาง บก.ของ Capital คาร์ลอส ซาลาส ว่าให้ยิงข่าวฉาวสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้ได้เลย
"เราเตรียมพาดหัวรอไว้เเล้ว ‘พาราลิมปิกขี้โกง’ หลังจากได้รับการยืนยันจาก คาร์ลิส ริบากอร์ด้า ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่ซิดนี่ย์"
เรื่องเเดงทุกอย่างชัดเจน เงิน 150,000 ยูโร กลายเป็นเพียงฝันลมๆแล้งๆ ตอนนี้เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเเล้ว กลุ่มผู้เล่นต้องคิดหนักว่าจะทำอย่างไรให้กลับบ้านเกิดโดยที่เรื่องเงียบที่สุด
พวกเขาถูกบังคับให้ใส่หมวกและเเว่นเพื่ออำพรางตัว "ตอนขากลับพวกเราถูกบังคับให้ใส่แว่นกันเเดดและหมวกเพื่อไม่ให้ใครจำได้เมื่อถึงสนามบิน เราเดินผ่านประตูพิเศษพร้อมกับเลขานุการกีฬาของสเปน แต่ในตอนนั้นทุกคนรู้เเล้วว่าไม่มีใครเชื่ออีกเเล้วว่าเรื่องนี้จะถูกเก็บให้เงียบได้"
เรื่องแดงออกมาทุกอย่างก็โดนสาว ความภาคภูมิใจของชาวสเปนพังพาบลงสิ้น พาราลิมปิก ครั้งนั้นคือครั้งที่ สเปน คว้าเหรียญรางวัลได้มากเป็นอันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ 38 เหรียญทอง 30 เหรียญเงิน 38 เหรียญทองแดง เข้าป้ายเป็นอันดับ 4 ตามหลังเพียง ออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร และ แคนาดา เท่านั้น… ว่ากันว่า สเปน ส่งนักกีฬาที่ไม่ได้เป็นผู้พิการลงเเข่งขันในอีกหลายชนิดเช่น ปิงปอง, กรีฑา และว่ายน้ำ แต่การจับการทุจริตเรื่องบาสเก็ตบอลนั้นชัดที่สุดเพราะ "หมาป่าคาร์ลอส" ทำหน้าที่สายลับได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ
หลังจากพวกเขาคว้าเหรียญทองได้ไม่ถึง 3 เดือน ความจริงก็ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจนแบบไร้ข้อโต้แย้ง ท่านประธานมาร์ติน บิเซนเต้ ผู้เป็นต้นคิดไอเดียสุดโกงต่อนักกีฬาผู้พิการยอมรับสารภาพแบบไม่มีข้อแก้ตัว ทำให้ทีมบาสเกตบอลผู้พิการของสเปนถูกยึดเหรียญรางวัลคืนทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม นักกีฬาที่โกงไม่ได้ถูกจดจำเท่า มาร์ติน บิเซนเต้ เพราะหลังจากคดีดังกล่าว เขาก็ถูกนักข่าวคุ้ยแหลกจนเจอเรื่องระยำตำบอนมากมาย
เฟร์นันโด มาร์ติน บิเซนเต้ ที่เป็นเหมือนบิดาของคนพิการ เขาก่อตั้งสมาคมกีฬาสำหรับเด็กพิเศษในปี 1975 และนับตั้งแต่นั้นมาเขาสามารถดูดเงินสนับสนุนจากรัฐและเอกชนได้มากมายจนกลายเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยอย่างน่าสงสัย
สำนักข่าว "เอล มุนโด้" แจกแจงว่า เขามีเงินเก็บ 5 ล้านยูโร, รถยนต์ 8 คัน, บ้าน 5 หลัง และ เรือยอชท์ อีก 1 ลำ ซึ่งทั้งหมดมาจากสมาคมกีฬาเด็กพิเศษของเขานั้นเอง
การโกงครั้งนี้ทำให้ความร่ำรวยเเละเกียรติของเขาถูกลบลงจนหมดสิ้น
"ถ้าใครสักคนอยากจะโกงในการเเข่งขันนี้ มันยากมากที่จะถูกจับได้ เพราะวิธีการโกงมันง่ายนิดเดียวที่จะแสร้งว่าคุณมีปัญหาทางสมอง" เฟร์นันโด มาร์ติน บิเซนเต้ กล่าวหลังประกาศลาออกจากตำแหน่ง
หลังจากนั้นมีนักกีฬาอีก 18 คน ที่เข้ารับการรายงานตัวว่าโกงในการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2000 ซึ่งทำให้ คณะกรรมการพาราลิมปิกสากลหรือ IPC ต้องขอใช้เวลาสังคายนาระบบใหม่ด้วยการยกเลิกแข่งขันกีฬาของผู้พิการทางสมองทุกรายการในพาราลิมปิก 2004 และ 2008
ที่สุดเเล้วคนโกงก็ต้องพบจุดจบเข้าสักวัน ไม่มีใครหนีกรรมพ้น ทำสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมคืนสนอง... เฟร์นันโด มาร์ติน บิเซนเต้ กลายเป็นคนเลวที่ชาวสเปนไม่มีทางลบภาพของเขาออกไปง่ายๆจนถึงบัดนี้
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ