ดราม่ามาราธอนจีน! ธงชาติพาสาวปอดเหล็กเจ้าถิ่นเสียจังหวะก่อนได้แค่ที่ 2 (คลิป+อัลบั้ม)

กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนแรงที่ถูกพูดถึงมากมายบนโลกโซเชียลของจีน เมื่อนักวิ่งหญิงชาวจีนคนหนึ่งทิ้งธงชาติระหว่างทางวิ่งมาราธอน หลังจากมีอาสาสมัครของงานโผล่นำมายื่นให้ถือถึง 2 ครั้ง จนเสียจังหวะวิ่งและสุดท้ายชวดอันดับที่ 1 ไป

สำนักข่าวประเทศจีนรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ได้มีการจัดแข่งขัน ซูโจว (ไท่หู) มาราธอน 2018 ขึ้นที่มณฑลเจียงซู ในช่วงไม่กี่ร้อยเมตรสุดท้าย นักวิ่งหญิงชาวจีนชื่อว่า เหอ หยิ่นลี่ ได้วิ่งขึ้นมาตีคู่แข่งกันสูสีกับนักวิ่งหญิงชาวแอฟริกัน แต่ระหว่างนั้นจู่ๆ ก็มีอาสาสมัครของงานโผล่วิ่งเข้ามายื่นธงชาติให้เธอถือ ซึ่งเธอได้ปฏิเสธและทำการวิ่งต่อไป ทว่าอาสาสมัครคนดังกล่าวก็ยังพยายามวิ่งตามหลังเธอมา

ก่อนต่อมาจะเจอกับอาสาสมัครอีกคนเข้าไปยืนถือธงชาติขวางทางเธอไว้ กั้นกลางระหว่างเธอกับคู่แข่ง ซึ่งเธอและคู่แข่งต้องวิ่งหลบ ขณะเดียวกันเธอก็ตัดสินใจคว้าธงชาติผืนนั้นมา แต่กลายเป็นว่าการรับธงชาติมาถือไว้ทำให้ความเร็วของเธอลดลง เสียจังหวะการแกว่งแขน เธอจึงปล่อยธงชาติผืนนั้นลงกลางพื้นถนน แต่ดูเหมือนไม่ทันการณ์ คู่แข่งของเธอเร่งความเร็วทิ้งห่างออกไป และสุดท้ายเข้าเส้นชัยเอาชนะไปด้วยเวลาที่ต่างกัน 5 วินาที

ภายหลังจากคลิปวิดีโอการแข่งขันช่วงดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ผู้คนในโลกออนไลน์ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก บางส่วนตำหนิอาสาสมัครอย่างรุนแรง บ้างก็คิดว่าอาสาสมัครไม่ควรยื่นธงชาติให้เธอถือ เพราะอาจจะส่งผลให้เธอเสียจังหวะวิ่ง เป็นผลต่อการแข่งขัน ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามและไม่พอใจที่เธอโยนธงชาติของตัวเองทิ้งลงพื้น พร้อมกับบอกว่าไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เธอก็ควรถือไว้

ด้าน เหอ หยิ่นลี่ กล่าวว่า เธอไม่ได้ตั้งใจทิ้งธงชาติ เพียงแต่ธงนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อของเธอ อีกทั้งมือของเธอก็ลื่น จังหวะที่แกว่งแขนธงจึงหลุดออกไป โดยเธอได้กล่าวขอโทษและหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ

เหอ กล่าวอีกด้วยว่า เธอไม่ได้โกรธอาสาสมัครแต่ผลการแข่งขันก็ทำให้น่าเสียใจไม่น้อย ส่วนอาสาสมัครก็ไม่ต้องตำหนิตัวเอง และวอนชาวเน็ตว่าอย่ากล่าวโทษอาสาสมัครเลย พวกเธอแค่ทำตามหน้าที่และอาจไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

ซึ่งเธอหวังด้วยว่าในการแข่งขันครั้งต่อไป เธอจะสามารถถือธงชาติวิ่งเข้าเส้นชัยได้สำเร็จ และอยากให้ทางคณะกรรมการจัดงานแข่งขันหาวิธีปรับปรุงการยื่นส่งธงชาติให้นักวิ่งถือด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางการกีฬาแห่งมณฑลเจียงซู และสมาคมกรีฑาแห่งประเทศจีน กำลังดำเนินการสืบสวนเรื่องราวดังกล่าว