สำรวจจิตใจจรวดสอยคิว : เหตุใด "รอนนี่ โอซัลลิแวน" อยากเป็นเด็กวัด?

สำรวจจิตใจจรวดสอยคิว : เหตุใด "รอนนี่ โอซัลลิแวน" อยากเป็นเด็กวัด?

สำรวจจิตใจจรวดสอยคิว : เหตุใด "รอนนี่ โอซัลลิแวน" อยากเป็นเด็กวัด?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถือเป็นเรื่องที่ชวนให้คิดไม่น้อย เมื่อ รอนนี่ โอซัลลิแวน นักสนุกเกอร์ดีกรีแชมป์โลก 5 สมัย และถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักสอยคิวเก่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทวีตตอบแฟนสนุกเกอร์ที่ถามถึงแผนการในอนาคตว่า “จะมาใช้ชีวิตอยู่กับพระสงฆ์ที่ประเทศไทย 3 เดือน”

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีแฟนสนุกเกอร์คนอื่นถามคำต่อว่า จริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน? เจ้าตัวก็รีบตอบกลับว่า “จริงจังสุดๆ”

 

แน่นอนว่าจากทวีตดังกล่าว ทำให้สื่อมวลชน รวมถึงแฟนกีฬาต่างค้นหาความเป็นไปได้กันสนุกมือ บางคนคิดไปไกลถึงขั้นที่ว่า “จรวดสอยคิว” เตรียมที่จะมาบวชเป็นพระในประเทศไทยเสียด้วยซ้ำ แต่เรื่องดังกล่าวมีความเป็นไปได้ขนาดไหน และเหตุใดโอซัลลิแวนถึงมีความสนใจในเรื่องนี้? ร่วมสำรวจส่วนลึกในใจของเขาร่วมกับ Main Stand กันได้เลย

เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย

หลายคนยกให้ รอนนี่ โอซัลลิแวน เป็นหนึ่งในนักกีฬาสนุกเกอร์ที่ดีที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา ซึ่งถือว่าไม่ผิดอะไร เพราะเขาเริ่มเล่นกีฬานี้ตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ โดยได้รับการสนับสนุนจาก รอนนี่ ซีเนียร์ ผู้เป็นพ่ออย่างสุดกำลัง ด้วยเงินทุนที่ได้จากกิจการเซ็กส์ช็อปของครอบครัว ทำให้โอซัลลิแวนมีโอกาสไปซ้อมตามโต๊ะสนุกเกอร์ต่างๆ รวมถึงมีโต๊ะสอยคิวที่บ้าน เพื่อฝึกปรือฝีมืออย่างเต็มที่

 1

ผลของการฝึกฝนอย่างหนัก ทำให้เขาประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้ตั้งแต่วัยเยาว์ เริ่มตั้งแต่การคว้าแชมป์ของร้านตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ ทำเซ็นจูรี่เบรก หรือตบไม้เดียวเกิน 100 แต้มในปีต่อมา คว้าแชมป์ระดับประเทศในรุ่นเยาวชนตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี และแจ้งเกิดเต็มตัว กับการคว้าแชมป์ระดับโปร-แอม ที่จับเอามือสมัครเล่นมาชนกับมืออาชีพบนเวทีเดียวกันในวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ด้วยฝีมืออันสุดยอดตั้งแต่เด็ก หลายคนจึงเชื่อว่าอนาคตบนเส้นทางนี้ของโอซัลลิแวนน่าจะสดใส … แต่บททดสอบใหญ่ของชีวิตหลายครั้งก็มาแบบไม่ตั้งตัว

 2

ปี 1992 โอซัลลิแวนตัดสินใจเทิร์นโปร ก้าวสู่การเป็นนักสนุกเกอร์อาชีพอย่างเต็มตัวด้วยวัยเพียง 16 ปี ทว่าในปีเดียวกันนี้เอง รอนนี่ ซีเนียร์ คุณพ่อของเขาที่ให้การสนับสนุนมาตลอด ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับชายผิวสีในผับแห่งหนึ่ง ซึ่งเลยเถิดจนกลายเป็นเหตุแทงกันทำให้คู่กรณีเสียชีวิต ศาลพิจารณาชี้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นโดยมีเรื่องราวการเหยียดผิวเกี่ยวข้องด้วย จึงตัดสินให้ รอนนี่ ซีเนียร์ ต้องโทษจำคุก ซึ่งกว่าที่จะได้รับอิสรภาพกลับคืนมา ก็กินเวลานานถึง 18 ปี

ปี 1993 โอซัลลิแวนในวัย 17 ย่าง 18 ปี สามารถคว้าแชมป์รายการสะสมคะแนนโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกด้วยอายุที่น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ในรายการ ยูเค แชมเปี้ยนชิพ ทว่าในปีต่อมา เขาก็ต้องเจอกับข่าวร้ายในครอบครัวซ้ำสอง เมื่อ มาเรีย คุณแม่ของเขาถูกตัดสินจำคุก 1 ปี จากข้อหาหนีภาษี … บุพการีต้องเข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำทั้งสองคน โอซัลลิแวนต้องดูแลน้องสาว รวมถึงกิจการเซ็กส์ช็อป และเติบโตบนเส้นทางนักสนุกเกอร์เพียงลำพัง

 3

เจ้าตัวยอมรับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เขาแทบใจสลาย “การได้ยินอะไรแบบนั้นตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้ มันแทบฆ่าผมเลย ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ไม่มีใครคอยบอกคอยสอน มันทำให้ผมหมดกำลังใจไปด้วย”

ครอบครัวที่สั่นคลอนตั้งแต่วัยเยาว์ ส่งผลถึงสภาพจิตใจของเขาให้สั่นไหว จนกระทบถึงเรื่องในสังเวียนสักหลาดด้วย เพราะแม้เขาจะเป็นนักสอยคิวอัจฉริยะ คิดไวแทงเร็วจนได้ฉายา “The Rocket” แต่ขณะเดียวกันก็กลายเป็นนักกีฬาหัวร้อน ถึงกับเคยทำร้ายผู้ตัดสินมาแล้วระหว่างการแข่งขันเมื่อปี 1996

ยิ่งไปกว่านั้น โอซัลลิแวนยังเคยหลงผิดเข้าสู่วังวนของการใช้ยาเสพติด และติดสุราอย่างหนัก ซึ่งนั่นทำให้เจ้าตัวเคยถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันเมื่อปี 1998 หลังตรวจพบว่าใช้กัญชาอีกด้วย

ความเครียดที่สั่งสม

แม้เจ้าตัวจะหลุดพ้นจากวังวนของสิ่งเสพติดได้สำเร็จในเวลาต่อมา ทว่าชีวิตการเป็นนักกีฬานั้น กลับกัดกินตัวตนของโอซัลลิแวนมากกว่าที่คิด

 4

ตารางการแข่งขันสนุกเกอร์ในแต่ละฤดูกาล จะเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคมของปี และไปสิ้นสุดในรายการสุดท้าย คือศึกชิงแชมป์โลกที่ ครูซิเบิล เธียเตอร์ ในเดือนพฤษภาคมของปีถัดไป แม้นักสอยคิวสามารถเลือกรายการแข่งขันได้อยู่บ้าง เพื่อเก็บแรงไว้ลงแข่งในรายการที่มีคะแนนสะสมมากๆ ที่มีความสำคัญมากกว่า แต่ก็พอจะเรียกได้ว่า แทบไม่มีช่วงปิดซีซั่นจริงๆ ที่สามารถตัดขาดจากโต๊ะสักหลาดเหมือนกับกีฬาอื่นๆ อย่าง ฟุตบอล, อเมริกันฟุตบอล และ บาสเกตบอล เลย

ยิ่งไปกว่านั้น ธรรมชาติของสนุกเกอร์ยังเป็นกีฬาที่ต้องใช้สมาธิสูงมาก พวกเขาต้องคิดข้ามช็อตในการก้มแทงลูกสักครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น สถานที่แข่งขันที่เป็นห้องเล็กๆ ยังไวต่อสิ่งรบกวนมาก แค่การส่งเสียงผิดจังหวะของผู้ชมเพียงคนเดียว อาจทำให้สมาธิของผู้เล่นกระเจิดกระเจิง จนส่งผลถึงความพ่ายแพ้เลยก็เป็นได้

ด้วยปัจจัยดังกล่าว บวกกับตัวตนอันไม่ใคร่จะปกตินักของโอซัลลิแวนเอง ทำให้แม้เขาจะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องบนเส้นทางอาชีพ แต่เจ้าตัวก็ต้องเผชิญกับความเครียดที่สั่งสมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลถึงฟอร์มการเล่นที่ขึ้นๆ ลงๆ ตามอารมณ์ของตัวเอง เมื่อผสมกับชีวิตสมรสที่รักๆ เลิกๆ เปลี่ยนคู่ครองอยู่เป็นระยะ ที่สุดแล้ว เจ้าตัวก็กลายเป็นอีกคนที่ตกอยู่ในภาวะเครียด รวมถึงความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้า

แม้เขาจะเคยพูดกับสื่อว่า อันที่จริงภาวะซึมเศร้านั้น เกิดขึ้นเฉพาะกับการเล่นสนุกเกอร์ แต่มันก็ส่งผลกับพฤติกรรมของเขาในสนามด้วย เริ่มตั้งแต่ในปี 2005 ซึ่งเจ้าตัวเคยตัดสินใจโกนผมระหว่างการแข่งขันศึกชิงแชมป์โลก รวมถึงเอาผ้าขนหนูมาคลุมหัวตัวเองระหว่างการแข่งขัน ขณะที่ปี 2006 เจ้าตัวก็เดินออกจากสนามระหว่างแข่งขันเองดื้อๆ เสียอย่างนั้น

 5

ยิ่งไปกว่านั้น การที่โอซัลลิแวนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยก็ได้กลายเป็นดาบสองคม เพราะนั่นทำให้เจ้าตัวกลายเป็นพวก เพอร์เฟคชั่นนิสต์ หลงใหลความสมบูรณ์แบบ แต่วงการสนุกเกอร์ที่มีดาวดวงใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ ทำให้เกิดความวิตกกังวลในใจลึกๆ ว่า สักวันเขาจะไม่ดีพอสำหรับวงการนี้อีกต่อไป จนจรวดสอยคิวผู้นี้ยอมรับว่า มีปีศาจซ่อนอยู่ในตัวเขา ปีศาจที่บอกซ้ำๆ ว่า เขาไม่ดีพอ ซึ่งขัดแย้งกับอีกตัวตนหนึ่งที่บอกว่า เขายังเจ๋งอยู่ และยังสามารถเล่นในระดับสูงได้อีกเรื่อยๆ นั่นเอง

แสวงหาความสงบ

เมื่อเกิดปัญหาในชีวิต ทุกคนย่อมแสวงหาวิธีที่จะดับทุกข์นั้นให้หมดสิ้นหรือทุเลาลงไป ซึ่ง รอนนี่ โอซัลลิแวน ก็เช่นกัน

 6

และวิธีการของเขาก็มีความหลากหลายเสียด้วย ครั้งหนึ่ง โอซัลลิแวนเคยทดลองที่จะมีเซ็กส์กับคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แม้เจ้าตัวจะยอมรับว่า ไม่ใช่คนที่เสพติดการมีเซ็กส์ก็ตาม ทว่าไปๆ มาๆ เจ้าตัวกลับเกือบที่จะกลับไปเสพติดการใช้ยาอีกครั้งเสียแทน

อย่างไรก็ตาม หนทางในการแสวงหาหนทางดับทุกข์ที่เจ้าตัวเลือกใช้บ่อยที่สุดนั้นคือ ศาสนา

โอซัลลิแวนเคยทดลองปฏิบัติตัวเป็นชาวคริสต์ที่เคร่งครัดเป็นระยะเวลาถึง 3 เดือน เช่นเดียวกับการเข้ามัสยิด เพื่อศึกษาหลักการของศาสนาอิสลาม ส่วนศาสนาพุทธนั้น เขาเล่าว่ารู้จักเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2004 ซึ่งเรื่องราวแรกพบนั้นถือเป็นอะไรที่เกินคาดไม่น้อย

“ตอนนั้นผมเดินอยู่แถวย่าน โซโห ในกรุงลอนดอน (ละแวกที่เซ็กส์ช็อปของครอบครัวตั้งอยู่) แล้วก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเข้ามาหา รู้สึกว่าจะเป็นหมอฟันมั้ง เขายื่นหนังสือชื่อ The Power of Now ให้กับผม แล้วก็บอกว่า ‘ลองเอาไปอ่านดูแล้วช่วยบอกผมทีว่าคิดอย่างไร’ เราก็แลกเบอร์โทรกัน หลังจากนั้นผมก็อ่านจนจบ ก่อนโทรศัพท์ไปขอบคุณเขา”

“เนื้อหาในหนังสือมันบอกว่าอะไรน่ะเหรอ? มันบอกว่า ‘หยุดคิดและหยุดทำเรื่องบ้าๆ แต่จงปลดปล่อย แสดงตัวตนออกมา’ ซึ่งจะว่าไป มันก็ถือเป็นความรู้สำหรับผม รวมถึงเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้กับผมอีกด้วย”

 7

หลังจากนั้น โอซัลลิแวนก็ได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาพุทธอย่างต่อเนื่อง มีคนพบเห็นเขาแถวศูนย์ศึกษาศาสนาพุทธในอังกฤษอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงการเดินทางมาพักผ่อนที่ประเทศไทย หนึ่งในศูนย์กลางศาสนาพุทธของโลกอยู่เนืองๆ กระทั่งกลายเป็นที่สนใจของชาวพุทธ, ชาวไทย และแฟนกีฬาสอยคิวจากทวีตดังกล่าว

เหตุใดถึงสนใจวิถีพุทธ?

จะว่าไป โอซัลลิแวนก็ถือเป็นชาวตะวันตกอีกคน ที่ให้ความสนใจในวิถีแห่งศาสนาพุทธ ว่าแต่เหตุใดถึงทำให้เขาและอีกหลายๆ คน สนใจกันล่ะ?

เรื่องดังกล่าว ดร.แอนดรูว์ สกิลตัน จาก คิงส์ คอลเลจ ลอนดอน อธิบายว่า หลักคำสอนสำคัญประการหนึ่งของศาสนาพุทธ คือความเชื่อในกฎแห่งกรรม สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นได้จากการกระทำของผู้นั้นเอง ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าบันดาลให้ นอกเหนือจากนั้น คือการให้ความสำคัญกับการฝึกฝนตัวเอง ตั้งสมาธิ เพื่อก่อให้เกิดภูมิปัญญาและความเมตตา ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากความรู้สึกผิด ตลอดจนภาระผูกพันที่กลายเป็นบ่วงรัดตัว ทำให้รู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง

 8

ซึ่งนั่นทำให้ ดร.สกิลตัน มองว่า ศาสนาพุทธมีความ “ฮิป” หรือมีอะไรที่เข้ากับยุคสมัยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเพียงใด จนกลายเป็นที่สนใจของผู้คนอีกด้วย

จะว่าไป แนวทางของศาสนาพุทธ ก็ดูจะเป็นสิ่งที่ตัวของโอซัลลิแวนเองค้นหาอยู่ไม่น้อย เมื่อสิ่งที่เขาต้องการนั้นคือความสงบในจิตใจ รวมถึงความเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อว่าตัวเองสามารถทำได้ ซึ่งสะท้อนผ่านการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2016 ว่า พระเจ้าเคยบอกกับเขาให้เลิกเล่นสนุกเกอร์ แต่ที่สุดแล้ว เขาเลือกที่จะปฏิเสธสิ่งนั้น และยังคงเล่นกีฬานี้มาจนถึงปัจจุบัน

แต่หากถามว่า มีแนวโน้มที่เขาจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธหรือไม่? เรื่องดังกล่าวเจ้าตัวก็เคยตอบจากปากของเขาเองว่า “อันที่จริงผมมีความสนใจในทุกศาสนานะ พุทธ, คริสต์, อิสลาม แต่ทุกคนคงทราบว่าผมเองก็ไม่ใช่คนที่จะเคร่งกับอะไรนัก ซึ่งบางที นี่อาจจะเป็นเรื่องที่สื่อเองให้ความสนใจว่า ที่สุดแล้วผมจะเอายังไงกับชีวิตดี”

“ยิ่งไปกว่านั้น ผมเองก็เป็นคนที่พยายามจะรักสงบ ไม่ต้องการที่จะคุกคามใคร ทำให้ทุกคนพอใจแล้วเดินจากไปเงียบๆ ดีกว่า แต่พอมีเรื่องแบบนี้เป็นข่าวบ่อยๆ เข้า ก็คงต้องออกมาชี้แจงให้เป็นกิจจะลักษณะซะหน่อย”

และล่าสุด หลังจากที่เจ้าตัวทวีตถึงแผนที่จะมาใช้ในชีวิตในไทย ซึ่งทำให้เกิดกระแสตอบรับที่ล้นหลามไม่น้อย ก็ได้มีชาวเน็ตคนหนึ่ง ยกคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า บางครั้งศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด ก็อาจแฝงตัวอยู่ในสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขที่สุดก็เป็นได้ เพื่อโน้มน้าวให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้น โอซัลลิแวนก็ได้ทวีตตอบว่า

“ผมว่าการเปิดใจให้กว้างเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะ ซึ่งผมหมายความถึงทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เพราะสำหรับผม ถึงแม้มันจะยากแค่ไหน แต่การมีชีวิตด้วยใจที่เป็นสุขมันก็ดีกว่าการใช้ชีวิตโดยมีสมองบงการอยู่ดีน่ะแหละ”

 9

แม้ความสนใจในแนวทางของศาสนาพุทธจะเป็นเรื่องจริง แต่แนวทางการใช้ชีวิตที่เปิดรับสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ ไม่พยายามยึดติดกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง รวมถึงเรื่องที่ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนที่เคร่งกับศาสนาอะไรนัก คงเป็นเหตุผลที่สนับสนุนความคิดที่ว่า รอนนี่ โอซัลลิแวน ไม่น่าที่จะเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธอย่างเต็มตัว อย่างน้อยก็ในระยะเวลาอันสั้นนี้

ส่วนทวีตที่ว่า “จะมาใช้ชีวิตอยู่กับพระสงฆ์ที่ประเทศไทย 3 เดือน” ก็ไม่น่าจะใช่การบวชเป็นพระสงฆ์ โกนศีรษะ ปฏิบัติตนตามศีล 227 ข้ออย่างเคร่งครัด แม้ช่วงเวลา 3 เดือน จะเทียบเท่ากับการบวช 1 พรรษาพอดีก็ตาม แผนการมาใช้ชีวิตในประเทศไทยดังกล่าว จึงน่าจะเป็นการเข้าไปใกล้ชิดกับศาสนาพุทธเพื่อศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้มากขึ้นในฐานะ อุบาสก ที่ถือศีลเพียง 8 หรือ 10 ข้อ หรือให้สุดขั้วกว่านั้นก็คือ ลองไปใช้ชีวิตเป็นเด็กวัด ซึ่งสถานะดังกล่าวทำให้เขามีอิสระในการปฏิบัติตัวมากกว่า

ถึงกระนั้น มันก็น่าสนใจไม่น้อยว่า เมื่อวันที่โอซัลลิแวนแขวนไม้คิวชั่วคราว (ซึ่งระยะหลังเจ้าตัวก็ทำเป็นระยะๆ เพื่อพักใจอยู่แล้ว) เดินทางมาที่ประเทศไทยเพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง จรวดสอยคิวผู้นี้จะปฏิบัติตัวอย่างไร จะเป็นเด็กวัด อุบาสก หรือถึงขั้นบวชเป็นพระเสียเลย รวมถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากช่วงเวลาดังกล่าวจะมีอะไรบ้าง และสิ่งนั้นจะนำไปประกอบกับชุดความเชื่อจากศาสนาอื่นๆ อย่างเช่นศาสนาคริสต์ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่ถึงกับปฏิเสธมันเสียทีเดียว กลายเป็นแนวทางปฏิบัติในสไตล์ของโอซัลลิแวนเองอย่างไร

 10

เพราะหากหลักคำสอนของศาสนาพุทธ สามารถทำให้เขามีสมาธิ พบกับความสงบ หลุดพ้นจากบ่วงทุกข์ต่างๆ จนกลับมามีความสุขในการเป็นนักสนุกเกอร์อีกครั้ง มันก็ดีกับทั้งตัวเขาเอง รวมถึงวงการสอยคิว ที่จะได้เห็นหนึ่งในนักสนุกเกอร์ที่มากพรสวรรค์ที่สุดโลดแล่นบนเส้นทางนี้ต่อไปด้วย มิใช่หรือ?

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ สำรวจจิตใจจรวดสอยคิว : เหตุใด "รอนนี่ โอซัลลิแวน" อยากเป็นเด็กวัด?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook