ทางออกเดียวของ "มอยส์"

ทางออกเดียวของ "มอยส์"

ทางออกเดียวของ "มอยส์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ฉะนั้น สถานการณ์ทีมแมนฯยูฯ ถ้าผมเป็นมอยส์ ผมจะยังไม่คิด และพูดถึงการ "สร้างทีม" หรือซื้อนักเตะใหม่ใด ๆ เลยครับ นักเตะชุดเดิม ๆ นี่แหละ แค่ "ปลุก" ความเชื่อมั่นให้ได้โดย สั่งให้ทำงานหนัก ขยันเข้าไว้

น่ากังวลใจจังหลังได้ฟัง และนั่งพินิจพิเคราะห์ความหมายภายใต้ "นัยยะ" ความคิดที่ซ่อนอยู่ของ เดวิด มอยส์ หลังทีมแมนฯยูไนเต็ด โดนฟูแล่ม ตามตีเสมอ 2-2 นาทีที่ 94 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

และคล้าย ๆ เดิมสำหรับ "สตอรี" ในซีซั่นนี้ของทีมครับที่พอความวัวหายปุ๊บ ความควายก็เข้ามาแทนที่ทันทีด้วยเกมยาก ๆ เยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ที่ป่านนี้ทุกท่านน่าจะทราบผลกันแล้ว

ประเด็นหลังทีมปิศาจแดงแพ้นัดที่ 10 ในฤดูกาลนี้อยู่ที่ เดวิด มอยส์ ไม่สามารถ "อธิบาย" ถึงเหตุผลที่พ่ายแพ้ได้

แถมยังน่าจะมีความสงสัยแทรกอยู่กลางใจด้วยว่า จะทำอย่างไรทีมถึงจะ "พลิก" สถานการณ์กลับมาได้ทั้งที่ว่าไปแล้ว "สถิติ" ต่าง ๆ ดีเลิศ และก็ใช้ตัวรุกลงถึง 5 คน แต่ก็ "ไม่วาย" ไม่ชนะ แถมโดนยิงในช่วงท้ายเกมที่เรียกว่าเป็น "เฟอร์กี้ ไทม์"

หรือเวลาที่แมนฯยูไนเต็ด มักจะทำร้ายคู่แข่งได้ในยุค "เฟอร์กี้" ซึ่งช่วงทดเจ็บจัดเป็น "เวลาทอง"

มองในมุมสำคัญ คือ มอยส์ และทีมหมด "ความเชี่อ" ว่าตัวเองจะทำได้ไปแล้ว ขณะที่คู่แข่งกลับ "เชื่อ" ว่าน่าจะมีปาฏิหาริย์

มันคือ สถานการณ์ "กลับข้าง" กันกับยุคเฟอร์กี้ที่ มอยส์ ไม่สามารถหาคำตอบได้

ครับ ว่าไปแล้ว เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับทุกทีมนั่นแหละครับ เพียงแต่ "รีแอ็คชั่น" หลังความพ่ายแพ้ หรือทำผลงานได้ "ต่ำกว่า" เป้าจะเป็นอย่างไร? ก็เท่านั้นเอง

เค้าถึงมีคำพูดไงครับว่า ทีมดี ๆ จะไม่แย่ "ติดต่อ" กัน หรือจะหาวิธี "คัมแบ็ก" กลับมาได้เร็ว

จะมีเสียแต้ม "แรลลี" หรือไม่ดีติด ๆ กัน ย่อมไม่ใช่คุณสมบัติของทีมแชมป์ เพราะแชมเปี้ยนจะไม่มีความคิดว่าตัวเองจะแพ้ หรือเล่นไม่ดีเป็นอันขาด

จุดนี้จึง "น่าคิด" เพราะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะ เดวิด มอยส์ ช่างดูเคว้งคว้างกลางน้ำยิ่งกว่า "กระทงหลงทาง" ด้วยฟอร์มแย่ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ขณะที่ อาร์เซนอล ซึ่งแพ้ลิเวอร์พูลมายับ 1-5 จนตกบัลลังก์จ่าฝูง หรือ "ภาพรวม" ที่ไม่เคยได้แชมป์ใด ๆ มาร่วม 10 ปีก็ไม่เคยประสบปัญหาด้าน "ความเชื่อ" เหมือนแมนฯยูฯ ตอนนี้

ทีมปืนใหญ่ยังคงปรัชญาการเล่นบน "ภาคพื้น" และทีมวิร์คแบรนด์ อาร์เซน เวนเกอร์ เหมือนเคย

แฟนบอลส่วนใหญ่ และผู้บริหารก็ยังคงเป็น "สาวก" และเชื่อมั่นในตัวกุนซือฝรั่งเศสกันอยู่อันทำให้กุนซือเลือดเฟรนช์น่าจะอยู่ถิ่นปืนโตทะลุหลัก 20 ปีได้ไม่ยาก

โจเซ่ มูรินโญ่ ที่เพิ่งโดนเวสต์บรอมฯ ตามตีเสมอ 3 นาทีท้ายทำ 2 แต้มหล่นก็ไม่ต่างกันครับที่ "ความเชื่อ" และวิธีรับมือกับสถานการณ์ยังดูน่าเชื่อถือ

ยังมีคำอธิบาย และไม่น่ามีอะไร "สั่นคลอน" มากไปกว่า บ่นลูกทีมไม่สามารถ "รับมือ" กับการโดนเด็ก ๆ ของ เปเป้ เมล กดดันได้

พร้อมอาจบ่นโน่น บ่นนี่ ตามสไตล์น้ามู แต่ที่สุดแล้ว นัดต่อไป เราคงได้เห็นเชลซี กลับมาได้น่ากลัวเหมือนเดิม

แมนฯซิตี้ก็น่าจะปราบซันเดอร์แลนด์ได้ซะทีขณะที่อ่านบทความนี้อยู่หลัง "สะดุด" ไป 2 เกมแบบช็อก ๆ

ซึ่งก็ไม่ต่างจากลิเวอร์พูลที่หลังเสมอ WBA แบบน่าเจ็บใจสกอร์เดียวกับเชลซีก็ถล่มอาร์เซนอลซะเสียรังวัด และยังดูไม่ได้ "เสียศูนย์" หรือเสียความมั่นใจใด ๆ ในยุค แบรนแดน ร็อดเจอร์ส

ครับ ฟุตบอลบางทีก็ไม่มีอะไรมาก ขอเพียงแค่มี "ความเชื่อ" และมั่นใจเท่านั้นซึ่งขาดสิ่งนี้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นทุกอย่าง "จบ" แน่ ๆ

ฉะนั้น สถานการณ์ทีมแมนฯยูฯ ถ้าผมเป็นมอยส์ ผมจะยังไม่คิด และพูดถึงการ "สร้างทีม" หรือซื้อนักเตะใหม่ใด ๆ เลยครับ

นักเตะชุดเดิม ๆ นี่แหละ แค่ "ปลุก" ความเชื่อมั่นให้ได้โดย สั่งให้ทำงานหนัก ขยันเข้าไว้

หรือเปรียบไปก็คือ ยอม "ลงทุน" ลงแรงเหมือน "มวยรอง" บ้างไรบ้าง ไม่ใช่ชกเหมือน "มวยต่อ" คอตกโดนสถานการณ์ไม่เข้าข้าง

ต้องพุ่ง "เป้าระยะสั้น" ไปที่เก็บชัยชนะให้ได้ติดต่อกัน 4-5 นัดแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่ต้องเล่นสวยงาม แต่กัดไม่ปล่อย ไล่คู่แข่งชนิดทุกเกมจากนี้คือ เกมสุดท้ายของฤดูกาล

อะไรประมาณนั้นครับ และนี่น่าจะเป็นทางออกเดียวของ มอยส์ ณ ตอนนี้

Kai Muk Dam

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook