"อลิสซอน" เอฟเฟกต์! 6 สิ่งที่เกิดขึ้นหลัง ลิเวอร์พูล ปิดดีลนายทวารคนใหม่
6. อนาคตของ ลอริส คาริอุส
แม้จะโชว์ฟอร์มตลอดฤดูกาลที่ผ่านมาอย่างไม่ขี้เหร่เท่าไรนัก พร้อมกับเบียดแย่งตำแหน่งจาก ซิมง มินโญเล่ต์ มาได้เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ราคาของความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นก่อน มีราคาแพงสำหรับเจ้าตัวมาก เมื่อมันทำให้เขาสูญเสียตำแหน่งมือหนึ่งของทีมไปโดยปริยายจากการที่ทีมคว้าตัว อลิสซอน มาได้สำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้น ช็อตผิดพลาดดังกล่าวของเขายังคงเป็นที่ติดตาแฟนบอลไปอีกนาน ไม่ว่าเจ้าตัวจะยังคงค้าแข้งอยู่ในแอนฟิลด์หรือย้ายสังกัดออกไป จนกว่าที่ คาริอุส จะสามารถคว้าความสำเร็จมาครองได้
5. ความมั่นใจของแนวรับ
นายทวารที่ยืนเป็นปราการด่านสุดท้ายถัดจากกองหลังคือความหวังสุดท้ายในการป้องกันประตูของทีม แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ของเลสเตอร์ ซิตี้ กับ ดาบิด เค เคเอา สังกัดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับรวมถึง ธิโบต์ กูร์ตัวส์ จากเชลซี และ เอแดร์ซอน ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงให้เราเห็นแล้วว่ายิ่งทีมมีมือกาวที่วางใจได้มากเท่าไร แนวรับของพวกเขาก็จะเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น
และการเข้ามาของ อลิสซอน กับ ลิเวอร์พูล ทำให้เราเชื่อมั่นว่า เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กับคู่เซ็นเตอร์แบ็คของเขา รวมทั้งผู้เล่นในเกมรับของหงส์แดงทั้งหมดจะยิ่งทำได้ดีขึ้นไปกว่าเดิม
4. คล็อปป์ กลืนน้ำลายตัวเองเพื่อความสำเร็จ
จากการหล่นวิวาทะเหน็บคู่อริอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทุ่มทุนมหาศาลคว้าตัว ปอล ป็อกบา มาร่วมทีมว่าเป็นการลงทุนที่ดูจะเกินความเป็นจริงไปสักหน่อย ทว่าภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี หงส์แดงของคล็อปป์ เทหน้าตักซิวตัวทั้งปราการหลังและผู้รักษาประตู เป็นสถิติใหม่ของโลก ได้แก่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ อลิสซอน เบ็คแกร์ ตามลำดับ
แม้ของจะย้อนกลับมาเข้าตัว แต่คล็อปป์เองก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ใส่ใจกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เท่าไรนักเมื่อเขาได้ส่วนประกอบที่มาเติมเต็มทีมได้สำเร็จ
3. เชลซี ตกอยู่ในที่นั่งลำบากในการหาตัวแทน กูร์กตัวส์
การที่สิงห์บลูส์พลาดได้ตัวอลิสซอน ทำให้พวกเขาต้องเบนเป้าหานายทวารรายใหม่เข้ามาแทนที่ ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ที่มีแนวโน้มว่าจะย้ายออกจากทีมในซัมเมอร์นี้ ขณะที่ตัวเลือกในตลาดซื้อขายรอบนี้ก็มีอยู่ไม่กี่รายให้พวกเขาได้เลือก
แยน โอบลัค จากแอตเลติโก มาดริด ดูจะเป็นทางเลือกที่สามารถไว้วางใจได้ที่สุด ทว่าก็ดูจะเป็นการยากเมื่อตราหมีได้สิทธิ์เข้าไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่สิงห์บลูส์ได้แค่โควต้าไปยูโรป้า ลีก เท่านั้น ส่วน แยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ที่ดูจะมีชื่อชั้นก็ไม่ได้ลงสนามต่อเนื่องกับบาร์เซโลน่า เมื่อเขาเป็นแค่มือสองของทีม และ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ก็ไม่ได้เป็นนายทวารที่ใช้เท้าได้ดีเท่าไรนักและดูจะไม่เหมาะกับพวกเขาเมื่อพิจารณาจากสไตล์การคุมทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่
2. ทำชิ่งกระทบ เอฟเวอร์ตัน
เอฟเวอร์ตันและโรม่า ตกเป็นข่าวพัวพันกับ มัลคอม ตัวรุกวัย 21 ปี ชาวบราซิล ในซัมเมอร์นี้ แต่สถานการณ์ล่าสุดดูเหมือนว่าทัพหมาป่าแห่งกรุงโรม จะมีภาษีดีว่า ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน จากผลพวงในดีลของอลิสซอน และกลายเป็นการเตะตัดขาคู่แข่งร่วมเมืองไปในทีเดียว
ทัพจัลโลรอสซี่ ได้รับเงินจากการปล่อยตัวมือกาวชาวบราซิล ออกจากทีมด้วยมูลค่าถึง 66 ล้านปอนด์ ทำให้พวกเขาสามารถทุ่มเงินในซัมเมอร์นี้ได้มากกว่า เดอะ บลูส์ แห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์
1. อีกหนึ่งดีลสุดคุ้มของ มอนชี่
ผู้อำนวยการฟุตบอลชาวสเปน เข้ารับตำแหน่งกับจัลโลรอสซี่ ตั้งแต่ซัมเมอร์ 2017 และได้ดำเนินการจัดการดีลสำคัญๆให้กับทีมจำนวนมาก
หากนับซัมเมอร์ 2017 และ 2018 รวมกัน มอนชี่จัดการขายผู้เล่นได้มูลค่าไปทั้งสิ้น 272.95 ล้านยูโร/ 244 ล้านปอนด์ และใช้งบซื้อตัวนักเตะ 194.45 ล้านยูโร/ 174 ล้านปอนด์ โดยมีดีลใหญ่ๆอย่างการปล่อย โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ให้กับลิเวอร์พูล ด้วยมูลค่า 42 ล้านยูโร ทั้งที่เพิ่งมาจากเชลซีในปีก่อนหน้าเพียง 15 ล้านยูโร รวมทั้งการขาย อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ให้กับเชลซี ในราคา 4 เท่าตัวจากราคาที่พวกเขาซื้อมาจากสตุ๊ตการ์ท
ขณะที่การเล่นแร่แปรธาตุเสริมทัพในซีซั่นนี้ของโรม่า ก็มีดาวเตะอย่าง ฮาเวียร์ ปาสตอเร่, จัสติน ไคลเวิร์ต, ดาวิเด้ ซานตอน ฯลฯ ในราคาที่ไม่ได้สูงจนเกินไป
เรียกได้ว่าผลงานในสนามก็ถูกใจแฟนบอล ขณะที่การดำเนินธุรกิจก็ถูกใจผู้ถือหุ้นจริงๆ