สงครามครั้งสุดท้าย สู่จุดหมายที่ 'บราซิล'
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/sp/0/ud/1/7395/6.jpgสงครามครั้งสุดท้าย สู่จุดหมายที่ 'บราซิล'

    สงครามครั้งสุดท้าย สู่จุดหมายที่ 'บราซิล'

    2013-11-19T07:24:07+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ฟุตบอล : ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงจุดตัดสินครับว่าทีมใดจะได้ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกที่บราซิลเป็นชุดสุดท้าย

    มันเป็นสงครามครั้งสุดท้าย สู่ปลายทางของการจาริกแสวงบุญยังดินแดนแห่งเวทมนต์ของเกมลูกหนัง กับฟุตบอลโลกที่น่าติดตามดูมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

    สำหรับเกมเพลย์ออฟ นัดที่ 2 ซึ่งจะลงสนามในคืนวันอังคารนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกมที่น่าจับตามองมากที่สุดยังหนีไม่พ้น 2 คู่ในโซนยุโรประหว่าง สวีเดน พบโปรตุเกส และฝรั่งเศส ล้างตากับยูเครน

    ในคู่แรกนั้นเดิมถูกจับตามองมากกว่าในฐานะที่เราจะได้ชมการดวลกันของ 2 อัจฉริยะลูกหนัง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และคริสติอาโน่ โรนัลโด้ ซึ่งบทสรุปในยกแรกนั้น CR7 เป็นฝ่ายทำคะแนนนำไปก่อนจากการโหม่งประตูชัยช่วยให้ โปรตุเกส เฉือนเอาชนะได้ 1-0

    ประตูของโรนัลโด้ ยังเป็นการชิงความได้เปรียบให้โปรตุเกสด้วย

    แต่ในความเป็นจริงแล้ว จากรูปเกมนัดแรกที่พวกเขาเป็นฝ่ายครองสถานการณ์ บงการทุกอย่างได้เกือบหมด และมีโอกาสมากมาย การที่ไม่สามารถจัดการปลิดชีพไวกิ้งได้อย่างเด็ดขาดในเกมแรกนั้นอีกแง่หนึ่งคือการเปิดโอกาสให้สวีเดน ยังมีความหวังอยู่

    โดยเฉพาะกับการที่พวกเขามี "สายฟ้าสลาตัน" อยู่ทั้งคน และทีมสปิริตนั้นแรงกล้าสมสายเลือดนักรบไวกิ้ง ในยามที่พวกเขารวมพลังกันขึ้นมา กระทั่งการไล่ตามเยอรมันจาก 4-0 เป็นเสมอ 4-4 ได้ราวปาฏิหารย์พวกเขาก็ทำได้มาแล้ว

    และนั่นเป็นสิ่งที่โปรตุเกส ภายใต้การคุมทีมของเปาโล เบนโต้ ต้องพึงระวังให้จงดี การประมาทเพียงเสี้ยววินาทีอาจหมายถึงน้ำตาที่ต้องใช้เวลา 4 ปีในการเยียวยา

    อีกคู่นั้นไทร้ เป็นเกมที่แม้จะยังไม่เริ่มลงสนามก็ถูกจัดเข้าทำเนียบ "คลาสสิก" ไปแล้ว

    เพราะไม่ว่าผลการแข่งระหว่าง ฝรั่งเศส กับยูเครน จะจบลงอย่างไร มันจะเป็น "ตำนาน" ให้เล่าขานไปอีกนาน

    พลพรรค Les Bleus ไม่มีทางเลือกมากไปกว่าการเล่นให้ดีที่สุดเพื่อพลิกสถานการณ์จากการเป็นรอง 2-0 ในรูปเกมที่น่าอัปยศอดสู

    อย่างน้อยต้องสู้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของชนทั้งชาติกลับมา

    ปัญหาคือพวกเขาจะหาทางเจาะม่านเหล็กสีเหลืองอย่างยูเครนเข้าไปได้อย่างไร? เพราะในเกมแรกที่เคียฟ ไม่มีหน้าไหนในทีมของดิดิเย่ร์ เดชองป์ส ที่มีปัญญาฝ่าเข้าไปได้ แม้กระทั่งความหวังสูงสุดอย่าง ฟรองก์ ริเบรี่

    ไอ้หน้าบากคนนี้ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเขาคือคนที่ฝากความหวังได้จริง เพราะหากว่าเกมนี้เขาพลาดอีก แม้มันอาจไม่ถูกต้องนักที่จะโทษคนคนเดียว แต่ความล้มเหลวครั้งนี้อาจทำให้เขาพลาดโอกาสคว้าบัลลงดอร์ที่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตได้เลย

    ทั้งนี้แม้จะเดาได้ว่าเป็นเกมที่คงอึดอัด กับสไตล์รับแบบแข็งแกร่งของยูเครน แต่เป็นเกมประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจพลาดได้อย่างแท้จริง

    ส่วนที่เหลือจากนี้ เราอาจได้เห็นไอซ์แลนด์ สร้างประวัติศาสตร์หากพวกเขาบุกไปคว่ำโครเอเชียได้ เช่นกันกับบูร์กินาฟาโซ ซึ่งมีโอกาสจะล้มแอลจีเรีย พิชิตตั๋วเข้ารอบสุดท้าย

    ทั้งหมดคือภาพรวมของ "สงครามครั้งสุดท้าย" ที่จะให้คำตอบกับเราว่าทีมใดจะได้เป็นหนึ่งใน 32 ทีมสุดท้ายที่บราซิล 2014

    ลูกแม่กิ่ง