"รอยต่อ" ที่ต่างระหว่างหงส์ กับผี

"รอยต่อ" ที่ต่างระหว่างหงส์ กับผี

"รอยต่อ" ที่ต่างระหว่างหงส์ กับผี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : กลับมาอีกแล้วครับสำหรับ "หัวข้อ" วันนี้ และจะมี "ทุกครั้ง" หากทีมปิศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด โชว์ผลงานไม่ได้ตามที่ "คาดหวัง"

และทุกครั้ง หากผมจะเขียนถึงเรื่องนี้ ผมก็ยังจะ "ยืนยัน" เหมือนเดิมว่า ให้ใจเย็น ๆ กับ เดวิด มอยส์ ชนิดหลับหูหลับตา "เข้าข้าง" กันไปเลย

หาไม่แล้วแคมเปญ "Stand by มอยส์" ของ "ฮอตสกอร์" กับ "ทรู วิชั่นส์" คงไม่เกิดขึ้นแน่ ๆ เพราะผมเองเป็นแฟนหงส์แดง ลิเวอร์พูล

แต่ชั่วโมงนี้ การยืนเคียงข้างให้กำลังมอยส์ และลุ้นให้กุนซือเลือดสกอตต์เป็นคนที่ใช่! คือ สิ่งสำคัญที่สุดในการจะช่วยให้ทีมพลิกสถานการณ์จากตามผู้นำ อาร์เซนอล 8 แต้มหลัง 8 นัดให้กลับมาดีขึ้น

อย่างไรก็ดีครับ ผมเอง และทุก ๆ คนคงจะ "ปฏิเสธ" ไม่ได้แน่ว่า ท่ามกลางโอกาสที่พร้อมจะมอบให้ และ "อดทน" รอคอยในช่วงรอยต่อ หรือ Transitional Period แบบนี้

ความ "กดดัน" จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ บนบ่า เดวิด มอยส์ หากพลาดเหมือนแพ้ ลิเวอร์พูล, แมนฯซิตี้, เวสต์บรอมฯ หรือที่เสมอเกมนี้ท้ายเกมในบ้านกับเซาแธมป์ตัน 1 - 1 ด้วยสถิติการครองบอลเป็นรองผู้มาเยือน 46:54%

เท่านั้นยังไม่พอ ความ "กดดัน" คำเดิมจะยิ่งถาโถม หากคู่แข่งสำคัญทำผลงานได้ดีให้ได้ "เปรียบเทียบ" กันเหมือนสัปดาห์นี้ที่มีการพูดถึงประตู 1 - 0 ของอาร์เซนอลเหนือนอริชว่าเป็น "โค-ตะ-ระ" ประตูโพด ๆ ที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้
ครับ ใครยังไม่ได้ชมประตูแรกในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของแจ็ค วิลเชียร์ ในพรีเมียร์ลีก ผม "บังคับ" ให้ไปเซิร์ช และโหลดดูโดยด่วนครับ

เพราะมันคือ "ที่สุด" ของทีมเวิร์กจริง ๆ

เหตุการณ์เช่นนี้ หรือสกอร์ไลน์ใหญ่โตเท่ากัน 4-1 ของเชลซีเหนือคาร์ดิฟฟ์ ทว่าเป็นประตูที่เกิดจากความสามารถส่วนบุคคลมากกว่า (แต่แฟนบอลไม่สนใจหรอกครับ เพราะส่วนใหญ่จะดูแค่ผล!)

หรือความสุดยอดของนักเตะทีมคู่แข่ง อาทิ เมซุส โอซิล ในตอนนี้จะยิ่ง "จี๊ด" เหล่ากองเชียร์อสูรแดงที่ไม่ "คุ้นชิน" กับ "หลังเกม" แบบนี้

ผมเชื่อว่า แฟนแมนฯยูฯ (เอาแค่บ้านเราก่อน) จะมีอาการเหมือนผมสมัยต้น 90s ที่ลิเวอร์พูลเริ่มจะหมดอำนาจ และออกอาการประหลาด ๆ จะชนะก็เสมอ, จะเสมอก็แพ้ แบบนี้

ตอนนั้น สิ่งที่ผมทำคือ ปิดหู ปิดตา และเลิก "เสพสื่อ" ไปเลย เพราะทำใจไม่ได้

แต่ลิเวอร์พูล "โชคร้าย" กว่าแมนฯยูไนเต็ด ณ บัดนาว เยอะมากครับ เฉพาะอย่างยิ่งช่วง "รอยต่อ" หงส์แดงมาพร้อมกับการเปลี่ยนจาก "ดิวิชั่น 1" เป็น "พรีเมียร์ลีก" อันหมายถึง รายได้ และการแผ่อิทธิพลเป็นโกลบอลเกมเต็มตัว

กล่าวได้ว่า พอผลงานในสนามไม่มาเพียงไม่กี่ปี ลิเวอร์พูลก็ "ตกขบวน" ขาดทั้งเงิน และชื่อเสียง จนยากจะกู่กลับ อันต่างจากแมนฯยูฯที่ "สิ่งแวดล้อม" ภายนอกไม่ได้เปลี่ยน

แต่ขาดหายไปแค่ "เฟอร์กี้ แฟคเตอร์" ซึ่งเป็นปัจจัยภายในเท่านั้น

ทว่าเพียงแค่นี้ก็ "ใหญ่โต" มโหฬารแล้ว เพราะ 27 ปี 38 ถ้วยแชมป์มันคือ "ช่องว่าง" ขนาดใหญ่ที่ผมก็ไม่รู้จะพูด "โพสิทีฟ" ได้อย่างไรนอกจากจะบอกให้รอ

และเทียบให้เห็นว่า ทีมปิศาจแดงยังโชคดีกว่า หงส์แดง ยุคนั้นที่เจอปัจจัยภายนอกเสริมเข้ามากระแทกด้วย

หายใจเบา ๆ ทำใจร่ม ๆ ลดความ "คาดหวัง" เริ่มตั้งแต่เกมกับ เรอัล โซเซียดัด วันพุธนี้แล้วชีวีจะเป็นสุขขึ้นเยอะครับ...เชื่อผมเต๊อะ!

Kai Muk Dam

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook