เก็บตกหลังเกม! "ผีแดง" พ่ายบ๊วยคาบ้านยื่นแชมป์ให้ "เรือใบสีฟ้า"

เก็บตกหลังเกม! "ผีแดง" พ่ายบ๊วยคาบ้านยื่นแชมป์ให้ "เรือใบสีฟ้า"

เก็บตกหลังเกม! "ผีแดง" พ่ายบ๊วยคาบ้านยื่นแชมป์ให้ "เรือใบสีฟ้า"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เวสต์ บรอมวิช บุกมาเฉือนเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 ส่งผลให้ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ กลายเป็นแชมป์ลีกทันที หลังแต้มขาดที่ 16 แต้ม ในการแข่งขัน ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา

5. ความหวังของ เดอะแบ็กกี้ส์PAUL ELLIS/GettyImages
เวสต์บรอมฯ ดูเหมือนจะยกธงขาวแล้วยอมแพ้ร่วงตกชั้นไปอย่างง่ายๆ ใน 72 นาทีแรกของเกมเมื่อพวกเขาลงไปแพ็คเกมรับปล่อยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองเกมบุกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว

แต่ประตูของ เจย์ โรดริเกวซ ในนาทีที่ 73 ก็ช่วยให้ เดอะแบ็กกี้ส์ พอจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่บ้างเมื่อพวกเขามี 9 แต้มตามหลังโซนปลอดภัย แม้มันจะริบหรี่สุดๆ กับจำนวนแต้มเต็ม 12 คะแนนที่เหลือจาก 4 นัด เวสต์บรอมฯ ยังมีคิวฟาดแข้งกับ ลิเวอร์พูล เป็นเกมต่อไปอีกด้วย

แต่อย่างน้อยเกมนัดนี้พวกเขาก็แสดงให้แฟนบอลเห็นว่าทีมยังคงไม่ยอมจำนนอย่างง่ายๆ

4. เบน ฟอสเตอร์ จะได้เล่นใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอนPAUL ELLIS/GettyImages
หากไม่ใช่เพราะ เบน ฟอสเตอร์ ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูของ เวสต์บรอมฯ พวกเขาก็คงจะบอกลา พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า จากความพ่ายแพ้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไปเรียบร้อยแล้ว

นายทวารชาว อังกฤษ ยังรักษาสถิติที่ยอดเยี่ยมกับค่าเฉลี่ย 2 เซฟต่อเกมไว้ได้ โดยนัดนี้มือกาววัย 35 ปีทำสถิติ 3 เซฟในเกมเดียวรักษาคลีนชีทกับเกมที่​ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทั้งจากจังหวะดับเบิลเซฟในครึ่งแรกและการยิงของ ลูกากู ในเวลาต่อมา

เรียกได้ว่าเป็นการโชว์ของเผื่อต้นสังกัดในฤดูกาลนี้ของเขาตกชั้นลงไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ โดยแท้และเราเชื่อว่าแม้เจ้าตัวจะไม่ติดทีมชาติ อังกฤษ ไปลุยฟุตบอลโลกที่ รัสเซีย แต่เขาก็น่าจะได้โชว์ฝีมือใน พรีเมียร์ลีก ต่อไปในฤดูกาลหน้า

3. เพลย์เซฟที่กลับกลายเป็นหอกทิ่มตัวเองShaun Botterill/GettyImages
ไม่มีใครอยากจะคิดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะกล้าๆ ปราชัยในรังเหย้าของตัวเองหลังจากที่พวกเขาเพิ่งโชว์ฟอร์มฮ็อททั้งใน ศึกแดงเดือด และ แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ มาก่อนหน้า

การได้เล่นในบ้านกับทีมบ๊วยของตารางซึ่งโอกาสรอดตกชั้นริบหรี่สุดๆ นั้นไม่มีอะไรต้องน่ากังวลนอกจากเปิดเกมรุกดาหน้าบุกแหลกเข้าใส่ตามวิถีของทีมที่เหนือชั้นกว่า ทว่ามิดฟิลด์ตัวกลาง 3 คนของ มูรินโญ ดูจะกลายเป็นส่วนประกอบที่มากเกินความจำเป็นในวันที่พวกเขาครองบอลมากกว่า 70-30 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังมีส่วนที่ควรจะชื่นชมอยู่บ้างเมื่อ จ่ามู ตัดสินใจเปลี่ยนเอา ลินการ์ด ลงมาแทนที่ เอร์เรรา ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง และการใช้ มาร์กซิยาล แทน ป็อกบา หลังจากนั้นไม่นาน

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของ มูรินโญ ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ ยูไนเต็ด รอดพ้นจากความปราชัยไปได้เมื่อแผงแนวรุกไร้ความเด็ดขาด กับทีเด็ดของ เจย์ โรดริเกวซ ในช่วงท้ายเกม

2. ไม่ใช่วันของเหล่าลูกกรอกคะนองShaun Botterill/GettyImages
ปีศาจแดง จัดทัพโดยมีแนวรุกระดับค่าตัวแพงลงสนามกันอย่างพร้อมเพรียงไม่ว่าจะเป็น โรเมลู ลูกากู, อเล็กซิส ซานเชซ หรือ ปอล ป็อกบา ขณะที่ดาวรุ่งจากอคาเดมีของพวกเขาทำได้แค่นั่งอยู่บนม้านั่งสำรอง

การเปลี่ยนเอาดาวรุ่งอย่าง ลินการ์ด ลงมาแทนที่ อันเดร์ เอร์เรรา ทำให้ เจ้าบ้านดูดุดันกว่าในครึ่งหลังแม้จะไม่เพียงพอทำให้พวกเขารอดพ้นจากความปราชัยก็ตาม

เป็นอีกเกมที่สตาร์ค่าตัวแพงระยับของพวกเขาเล่นกันอย่างไม่เอาอ่าว ขณะที่ดาวรุ่งบนม้านั่งสำรองไม่สามารถลงมาเปลี่ยนเกมได้ ไม่น่าแปลกใจนักเมื่อเหล่าลูกกรอกคะนองจะไม่สามารถลงมาพลิกเกมได้อย่างที่หวังในเมื่อความต่อเนื่องในการลงสนามของพวกเขาถดถอยลงไปหลังการเข้ามาของดาวเตะสุดแพง

1. ส่ง เรือใบ คว้าแชมป์อย่างเป็นทางการImage by Tomorn

ความพ่ายแพ้ของ ปีศาจแดง ในนัดนี้ส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก 2017/2018 อย่างเป็นทางการเมื่อพวกเขาไม่สามารถไล่ตาม เรือใบสีฟ้า ได้ทันจากเกมที่เหลืออยู่ในซีซันนี้

นอกจากนี้ ซิตี้ ยังกลายเป็นทีมที่กำลังจะสร้างสถิติทำคะแนนสูงสุดในลีกจากสถิติเดิมที่ เชลซี ทำได้เมื่อฤดูาล 2004/05 ที่ 95 คะแนน รวมทั้งสถิติการเก็บชันชนะมากที่สุดในหนึ่งซีซันของ สิงห์บลู เมื่อฤดูกาลที่แล้วกับจำนวน 30 นัด โดยตอนนี้ เรือบสีฟ้า มีอยู่ 87 คะแนนจากการลงเล่น 33 นัดและคว้าชัยไปได้แล้ว 28 เกม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook