เดิน-วิ่ง "๙ ตามรอย ดอยคำ" ก้าวแรกแห่งความประทับใจ ก้าวต่อไปใน "ชุมชนแห่งความสุขที่พ่อสร้าง"
ผ่านพ้นไปอย่างน่าประทับใจสำหรับการจัดกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล "๙ ตามรอย ดอยคำ" ครั้งแรก ซึ่งระดมสมทบทุนและรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการศึกษาให้โรงเรียน 6 แห่ง และจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 2 แห่ง ใน ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ โดยกิจกรรมได้จัดขึ้น ณ บริเวณโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 (ฝาง) จ.เชียงใหม่ และชุมชน เมื่อช่วงวันที่ 3-4 มีนาคมที่ผ่านมา
กิจกรรมครั้งนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 1,200 คน หากรวมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และชาวบ้านภายในชุมชนที่มาร่วมแรงร่วมใจร่วมกันจัดการแข่งขันก็จะมีผู้เข้าร่วมทั้งหมดราวกว่า 2,000 คน ซึ่งถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงการรวมพลังกาย และรวมพลังใจกันอย่างยิ่งใหญ่ระหว่าง บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ในฐานะผู้จัดการแข่งขัน และชาวบ้านภายในชุมชนโดยรอบ
ในส่วนการแข่งขัน แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะฮาล์ฟ มาราธอน 21 กม., ระยะมินิ มาราธอน 9 กม. และระยะฟันรัน 4 กม. โดยทั้ง 3 ระยะ ออกสตาร์ทจากโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 (ฝาง) วิ่งผ่านเส้นทางที่สามารถสัมผัสวิถีชุมชน และผ่านเส้นทางที่มีวิวสวยที่ดีสุดแห่งหนึ่งของประเทศ ก่อนกลับมาเข้าเส้นชัย
ผลการแข่งขัน ไฮไลต์อยู่ที่ระยะฮาล์ฟ มาราธอน 21 กม. รุ่นทั่วไปชาย มิโรสลาฟ แยนซิค นักวิ่งหนุ่มวัย 31 ปีจากสาธารณรัฐเช็ก เข้าเส้นชัยคนแรกด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 25 นาที 48 วินาที คว้าแชมป์ฝ่ายชายไปครอง ขณะที่รุ่นทั่วไปหญิง "แพร" อรวรรณ สินเสร้า นักวิ่งสาวน้อยวัย 21 ปีจาก จ.เชียงใหม่ สังกัดชมรมวิ่งซีบี รันเนอร์ ควบฝีเท้าวิ่งเข้าเส้นชัยอันดับ 1 ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 43 นาที 47 วินาที ประเดิมคว้าแชมป์ฝ่ายหญิงไปครองได้สำเร็จในการแข่งขันครั้งแรกนี้
นอกเหนือจากผลการแข่งขันแล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังมีโอกาสได้เรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๙ เรื่องการพัฒนาชุมชนให้มีความยั่งยืน โดยพระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริให้ก่อตั้งโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 (ฝาง) เมื่อปี พ.ศ.2515 และให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุนโดยรอบให้มีการพัฒนาเติบโตอย่างยั่งยืน
ผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสเรียนรู้ "ชุมชนแห่งความสุขที่พ่อสร้าง" ผ่านกิจกรรมที่มีเจ้าหน้าที่ และยุวมัคคุเทศก์ จากพิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ 1 (ฝาง) และนักเรียนจิตอาสาจากโรงเรียนจีนจงเจิน บ้านยาง พาชมวิถีชีวิตชุมชน ประกอบด้วย 9 ฐานกิจกรรมคือ
1. พู่กันจีน (ซูฝ่า) สาธิตและสอนวิธีการเขียนตัวอักษรจีนด้วยพู่กัน ซึ่งถือว่าเป็นศิลปะขั้นสูง 1 ใน 4 อย่างของชนชาติจีน คือการเขียนพู่กันจีน การวาดภาพ การบรรเลงเครื่องสายและการเล่นหมากรุกจีน การเขียนพู่กันจีนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่เพียงสื่อสารความคิดของผู้เขียน ยังแสดงถึงลักษณะเส้นสายที่มีจังหวะการเขียนและองค์ประกอบของตัวหนังสือที่งดงาม บ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของเจ้าของ ลายมือและเป็นการฝึกสมาธิที่ดีอย่างหนึ่งอีกด้วย
2. ผ้าเย้า (เมี่ยน) สาธิตวิธีปักผ้าแบบดั้งเดิมของชาวอิ้วเมี่ยนหรือ เย้า ซึ่งมีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นโดยแม่สอนให้แก่ลูกสาว เพื่อปักผ้าชุดประจำเผ่าเอาไว้สวมใส่ไปร่วมในงานพิธีต่างๆ นอกจากการสาธิตแล้วยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้เรียนรู้และทดลองปักผ้า
3. ผักกาดดอง สอนวิธีทำผักกาดดองที่เป็นสูตรเฉพาะของชาวจีนยูนนาน ที่มีวิธีถนอมอาหารให้อยู่ได้นานที่สุดเพื่อรับประทานระหว่างทาง เนื่องจากในสมัยก่อนการเดินทางไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน ต้องใช้เวลามากในการเดินเท้า
4. ขนมข้าวซอยตัด ที่มีต้นกำเนิดจากชนเผ่าแมนจู บ้างก็ว่าเป็นของขนมดั้งเดิมของไทลื้อ และมีการนำวัตถุดิบที่เรียบง่ายมาทำเป็นขนม จนกลายเป็นขนมในงานมงคลต่างๆ
5. ขนมวง หรือ ข้าวมุ้นข่วย ขนมของชาวไทยใหญ่ มีลักษณะคล้ายโดนัท ซึ่งแต่เดิมในอดีตที่มีการปลูกข้าวกันมาก และไม่ได้มีขนมรับประทานมากมายเหมือนเช่นปัจจุบัน คนโบราณจึงได้มีการประยุกต์ใช้ข้าวเหนียวที่เหลือจากการบริโภคเป็นอาหารหลักมาทำเป็นอาหารให้เด็กๆ ไว้ทานเล่นกัน ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยแป้งและน้ำตาล มีรสชาติหวานมัน มีกลิ่นหอมและให้พลังงานสูง
6. สมุนไพรเจียวกู้หลาน หรือ ซีแย่ตั่น เป็นพืชตระกูลหญ้าที่ขึ้นตามธรรมชาติ ที่มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย ชาวจีนนำมารับประทานเป็นอาหารแก้หิว ยามกระหายใช้เป็นยาแก้ไอ และแก้ร้อนใน เมื่อครั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จประพาสจีนและทรงเล็งเห็นประโยชน์ของเจียวกู้หลาน ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณใกล้เคียงกับใบชา ข้อดีคือไม่มีคาเฟอีน รสชาติก็ดื่มง่ายเหมือนโสม และทรงเล็งเห็นว่าภูมิศาสตร์ประเทศไทยก็เหมาะที่จะปลูกพืชชนิดนี้ จึงได้ส่งเสริมให้มีการปลูกอย่างแพร่หลาย และขนานนามสมุนไพรชนิดนี้ให้ใหม่เพื่อบรรจุเข้าสมุนไพรไทย ชื่อ "เบญจขันธ์ หรือ ปัญจขันธ์" คนจีนเรียกเซียนเฉ้า (ภาษาจีนแต้จิ๋ว) ฝรั่งเรียก "Gynostemma pentaphyllum"
7. บัวลอยยูนนาน ขนมที่มีความหมายมากกว่าทานแล้วอร่อย ขนมที่สื่อถึงความอบอุ่นในครอบครัว การอยู่ร่วมกัน ความกลมเกลียวกันของคนในบ้านถูกส่งผ่านมายังขนมที่คนจีนยูนนานเรียกว่าบัวลอย ส่วนใหญ่จะทำกินกันช่วงฤดูหนาว และใช้เป็นขนมไหว้เจ้าให้พิธีกรรมสำคัญทางศาสนาด้วย
8. เกี๊ยวซ่า สอนวิธีการทำเกี๊ยวซ่า สูตรชาววังดังเดิมของราชวงศ์ถัง และราชวงศ์ฮั่น เอกลักษณ์อยู่ที่ไส้เป็นเนื้อไก่ เนื่องจากเป็นชาวมุสลิมเชื้อสายจีน และการจับจีบให้มีรูปทรงเป็นเหมือนทอง ซึ่งจะมีความแตกต่างจากเกี๊ยวซ่าญี่ปุ่นทั้งในเรื่องของความหนาของแผ่นแป้ง ไส้ รวมไปถึงน้ำจิ้ม
9. หม่าล่า เป็นเครื่องปรุงรสชื่อดังของมณฑลยูนนาน ซึ่งคุณจะรู้สึกปากชาลิ้นชาเมื่อทานเข้าไป เพราะมีส่วนผสมหลักอย่าง ‘ฮัวเจียว’ หรือ ‘ชวงเจี่ย’ ที่แปลว่าพริกเสฉวน นอกจากนั้นแล้วยังมีส่วนผสมเป็นพริกป่น สมุนไพร เช่น โป๊ยกั๊ก ยี่หร่า ขิงผง พืชพรรณเหล่านี้ล้วนมีสรรพคุณช่วยดับกลิ่นคาว บำรุงเลือด ไล่ความเย็น ทำให้หม่าล่าเป็นที่นิยม และทำออกมาเป็นเมนู ‘หมาล่าซาวเข่า’ เป็นเมนูเนื้อสัตว์หรือผักมาเสียบไม้แล้วปิ้งไฟ เป็นต้น
ก่อนปิดท้ายด้วยการเข้าชมพิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ (ฝาง) ซึ่งรวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์การทรงงานของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๙ การก่อเกิดโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป และ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด
พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เปิดเผยว่า กิจกรรมครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินคาดมาก ซึ่งผู้เข้าร่วมหลายคนเดินทางมาไกลจากทั่วทุกสารทิศ มีทั้งนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ มาต่อรถเข้ามายังพื้นที่ในช่วงเช้าตรู่ ต้องบอกว่า ทุกคนมาด้วยใจอย่างแท้จริง
"หนึ่งในปรัชญาของดอยคำคือ ร่วมแรงร่วมใจ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน คนดอยคำ หรือแม้กระทั่งภาครัฐเองก็เข้ามาช่วยจัดงาน จริงๆ แล้วการจัดวิ่งครั้งนี้ไม่ได้เน้นผลการแข่งขัน แต่จัดวิ่งเพื่อให้ได้เห็นศาสตร์ของพระราชาว่า ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ทรงทำความเจริญให้พื้นที่นี้อย่างไร และโรงงานหลวงฯ ที่ 1 (ฝาง) นี้ สืบสาน รักษา ต่อยอดงานต่ออย่างไร ทำให้คนได้รับรู้ได้มากขึ้น ซึ่งดอยคำจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กับชุมชนตามแนวทางพระองค์ท่าน" นายพิพัฒพงศ์ กล่าว
ในส่วนผู้เข้าร่วมกิจกรรม อาจารย์อรุณ พรมลลี อดีตข้าราชการครู วัย 79 ปี มาพร้อมกับเพื่อนเคียงวัยกันอย่าง ด.ต.สมบุญ สุวรรณภาพ อดีตข้าราชการตำรวจ วัย 75 ปี จากชมรมสุขภาพจอมกาญจน์ โหนรถทัวร์ บขส.จาก จ.กาญจนบุรี เดินทางมาร่วมการแข่งขันครั้งนี้ เพราะชื่นชอบการออกกำลังกายด้วยการวิ่งอยู่แล้ว และอยากที่จะได้มาเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่พ่อหลวง ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างไว้ให้กับชุมชน
"ปกติ ลุงชอบวิ่งออกกำลังตอนเย็นๆ ด้วยกันอยู่แล้ว วิ่งระยะทางไม่เกิน 10 กม. ครั้งนี้ก็มีร่วมวิ่งระยะมินิ มาราธอน 9 กม. ลุงชอบไปวิ่งตามโครงการหลวงอยู่แล้ว พออ่านหนังสือพิมพ์เจอว่า จะมีกิจกรรมวิ่งดอยคำ ก็รีบไปสมัครทันที เพราะอยากเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จครั้งนี้ และอยากที่จะมาเรียนรู้โครงการที่พ่อทำไว้ให้กับชุมชนด้วย" ลุงอรุณ กล่าว
ด้าน นางพนิดา จันทร์วิลัยนคร เจ้าของธุรกิจส่วนตัววัย 45 ปี จาก จ.ตาก บอกว่า ตอนแรกที่เห็นกิจกรรมครั้งนี้ก็สมัครทันที โดยไม่ได้ดูรายละเอียดอะไร เพราะว่ายังไงก็ต้องมาที่นี่ให้ได้ และตั้งใจว่าจะต้องได้มาเห็นสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำให้กับประชาชน พอมาถึง เราก็เห็นจริงๆว่า พระองค์ท่านทรงทำให้ชุมชนเกิดความยั่งยืน ประชาชนอยู่ดีกินดีเป็นอย่างไร ซึ่งเราได้มาสัมผัสในพื้นที่ด้วยตัวเองเลย และรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก
"ประชาชนที่นี่ พูดถึงพระองค์ท่าน โดยที่บางคนพูดยังไม่ทันจบเสียงก็สั่นเครือร้องไห้ก่อน พวกเขาพูดด้วยถ้อยคำง่ายๆ ว่า รักพระองค์ท่าน เพราะพระองค์ท่านก็รักพวกเขา ทำให้รู้สึกดีใจมากที่ได้มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ส่วนตัวเองแล้วเชื่อว่าทุกคนรักพระองค์ท่าน แต่ไม่รู้จะบรรยายคำว่ารักนี้ให้ยิ่งใหญ่อย่างไร ยิ่งได้มาเห็นความเสียสละในสิ่งที่พระองค์ได้ทำก็ยิ่งซาบซึ้งใจกันไม่รู้จะบรรยายอย่างไร และยิ่งทำให้เราจะยึดมั่นในการทำความดีต่อไปเพื่อตอบแทนพระองค์ท่าน" นางพนิดา กล่าว
กิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล "๙ ตามรอย ดอยคำ" ในครั้งแรกนี้ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งยอดสมัครผู้เข้าร่วมแข่งขัน และความประทับใจมากมายที่เกิดขึ้นตลอดการจัด กิจกรรม ผ่านเส้นทางการวิ่งที่มีวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ จนทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,000 คน ต่างปลาบปลื้มใจที่ได้มารวมใจกันทำกิจกรรมภายใน "ชุมชนแห่งความสุขที่พ่อสร้าง"
นายสรภัส สุตเธียรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เปิดเผยว่า กระแสตอบรับถือว่าดีเกินคาดจริงๆ ตอนแรกอยากจัดงานเล็กๆ ที่อบอุ่น แต่ปรากฏว่ามีเสียงตอบรับที่ดี จนมียอดผู้สมัครเข้าร่วมจำนวนมาก ทำให้ชุมชนเกิดความตื่นตัวทั้งเรื่องการท่องเที่ยว และรายได้ต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วย
"ดอยคำมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา และต่อยอด ตามศาสตร์พระราชาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๙ ซึ่งทรงสร้างสิ่งเหล่านี้ไว้เป็นมรดกคนไทย และเป็นไปตามพระราโชบาย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ ๑๐ ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดสิ่งที่ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๙ ทรงทำไว้ เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นภารกิจ และเป็นสิ่งที่ดอยคำจะต้องสืบสานสิ่งเหล่านี้เอาไว้" นายสรภัส กล่าว
การจัดการแข่งขันในปีต่อไป บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด วางแผนไว้จะจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยอยากจัดหมุนเวียนไปที่โรงงานหลวงของดอยคำแต่ละแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ อ.เต่างอย จ.สกลนคร, อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ และ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ก่อนวนมาที่เดิมที่ อ.ฝาง แห่งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อกิจกรรม "๙ ตามรอย ดอยคำ" ซึ่งผู้เข้าร่วมจะได้ไปดูว่า "บ้านของดอยคำ" แต่ละแห่งเป็นอย่างไร
ก้าวแรกแห่งความประทับใจใน "ชุมชนแห่งความสุขที่พ่อสร้าง" ณ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ในครั้งแรกปีนี้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ยังคงกลิ่นอายแห่งความอบอุ่นที่เตรียมจะลอยไปยังชุมชนแห่งต่อไปที่พ่อสร้างไว้ และมีความสุขไม่แพ้กัน
แล้วพบกันใหม่ก้าวต่อไปใน "ชุมชนแห่งความสุขที่พ่อสร้าง"
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ