5 เรื่องต้องรู้! หลัง "ปีศาจแดง" เปิดรังอัด "หงส์แดง" 2-1 ยึดอันดับ 2 แน่น

5 เรื่องต้องรู้! หลัง "ปีศาจแดง" เปิดรังอัด "หงส์แดง" 2-1 ยึดอันดับ 2 แน่น

5 เรื่องต้องรู้! หลัง "ปีศาจแดง" เปิดรังอัด "หงส์แดง" 2-1 ยึดอันดับ 2 แน่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำได้สำเร็จในเกมแดงเดือดรอบ 2 หลังสามารเอาชนะผู้มาเยือนได้ 2-1 เกมนี้มีบทเรียนที่น่าสนใจมากมาย และถ้าหากคุณไม่อยากพลาดละก็ เลื่อนลงไปอ่านกันได้เลย!

5.แรชฟอร์ดกลับมาโชว์ฟอร์มแจ่มอีกครั้งLaurence Griffiths/GettyImages

การมาถึงของเอล็กซิส ซานเชซทำให้พื้นที่ด้านซ้ายที่เคยเป็นของแรชฟอร์ดต้องยกให้เขาไป ตั้งแต่เดือนมกราเป็นต้นมา ไอ้หนูวัย 20 ปี ลงเล่นยังไม่ถึง 100 นาทีเลย และนี่เป็นเกมแรกที่เขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง โดยมูรินโญเลือกหุบอเล็กซิสเข้ามาด้านใน ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการที่ปอล ป็อกบาเจ็บ 

 ซึ่งก็นับว่าคุ้มค่าทีเดียวที่เลือกใช้แผนนี้ 2 ประตูในเกมนี้ทำให้แรชฟอร์ดยิงไปแล้ว 12 ประตูจากทุกรายการ และถ้าไม่เป็นเพราะโดนใบเหลืองไปก่อน เราอาจได้เห็นแฮ็ตทริคแรกของเขาซะด้วยซ้ำ

4. แนวรับลิเวอร์พูลกลับสู่ความเป็นจริงอีกครั้งOLI SCARFF/GettyImages

หลังจากโชว์ฟอร์มแจ่มใน 5 เกมก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเสียไปเพียงประตูเดียวเท่านั้นในเกมกับเสต์แฮม ยูไนเต็ด แนวรับลิเวอร์พูลแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนบางอย่างที่ต้องกลับมาแก้ไขกันจริง ๆ จัง ๆ อีกครั้ง

 แม้ว่าเกมนี้พวกเขาจะเล่นไม่ดีเลยไม่ว่าจะเกมรุกหรือรับ แต่ถ้าไวกเขาเอาลูกากูอยู่ อย่างน้อยวันนี้ก็น่าจะมี 1 แต้มกลับไป

 ลอฟเรนยังไม่แข็งแกร่งพอหากเจอกองหน้าสายถึกแบบลูกากู ฟาน ไดค์เองก็ต้องการคู่หูที่ช่วยดูแลกันได้ มาติปก็ยังเด๋อ ๆ ด๋าอยู่ ไม่ต้องพูดถึงรักนาร์ คลาานหรือโจ โกเมซด้วยซ้ำ

 หากคล็อปป์หวังถ้วยพรีเมียร์ลีกในซีซั่นหน้า นี่คือตำแหน่งแรกที่เขาควรต้องรีบแก้ไข

3. ลูกากูคือคนสำคัญOLI SCARFF/GettyImages
แม้ว่า 2 ประตูในเกมนี้จะมาจากมาร์คัส แรชฟอร์ด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากไม่ใช่เพราะลูกากู ประตูเหล่านั้นคงไม่เกิดขึ้น

ด้วยส่วนสูง 191 เซนติเมตร ลูกากูได้เปรียบลูกกลางอากาศในวันนี้แบบสุด ๆ และทำให้ 2 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟของลิเวอร์พูลอย่างลอฟเรนและฟาน ไดค์เจองานลำบากมากทีเดียวในเกมนี้ โดยเฉพาะรายแรกที่มีส่วนให้ทีมเสียประตูด้วย

 ลูกากูพักและเก็บบอลได้บ่อยที่สุดคนนึงในเกมนี้ และด้วยความสูงใหญ่ของเขา มันยากมากที่เขาจะเสียบอลไปให้คู่แข่งในจังหวะแรก แต่เขายังต้องฝึกการคอนโทรลบอลในจังหวะสุดท้ายอีกน้อย เพราะทุกครั้งที่เขาเหม่อไปเพียงนิดเดียว เขาจะปล่อยบอลให้ห่างเท้ามากเกินไปและเสียบอลในที่สุด

2. ซาลาห์ยังต้องรอประตูแรกที่ยิงแมนฯ ยูได้ต่อไปOLI SCARFF/GettyImages

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ขาดไปเพียงทีมเดียวใน top 6 เท่านั้นในฤดูกาลนี้ที่ยังยิงไม่ได้ และนั่นก็ตือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงสุด ๆ ของเขาในช่วงก่อนหน้านี้ ใคร ๆ หลายคนรวมถึงเจ้าตัวต่างหวังว่าจะทำประตูครบทั้ง 6 ทีม top 6 พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ  

 แต่ฟ้าฝนดูไม่เป็นใจ ลูกทีมของมูรินโญตั้งใจจับตายซาลาห์แบบเต็มที่ ทั้งแอชลีย์ ยังและเนมันยา มาติชช่วยกันได้ดีจนปีกพ่อมดอียิปต์ทำอะไรไม่ได้เลย แถมโอกาสยิงเหน่ง ๆ ของเขาเพียงครั้งเดียวเกิดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลังโน่น ซึ่งก็ข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น

 อย่างไรก็ตาม เขายังมีโอกาสยิงยูไนเต็ดได้อยู่ในฤดูกาลนี้ หากพวกเขาจับฉลากมาเจอกันในรอบถัด ๆ ไปของแชมเปี้ยนส์ลีก แต่นั่นหมายความว่าแมนฯ ยูต้องผ่านเซบีญาไปให้ได้ก่อนนะ

1. รถบัสใช้ได้ผล แต่เกือบล่มปากอ่าวเช่นกันLaurence Griffiths/GettyImages

เป็นอีกวันที่แสดงให้เห็นถึงความรัดกุมในแท็คติกเกมรับของมูรินโญ

 พวกเขานำ 2-0 จนจบครึ่งแรก และแม้ว่าจะบุกใส่ลิเวอร์พูลต่อในครึ่งหลังก็ได้ แต่พวกเขาไม่ทำ 

 เกมรับของยูไนเต็ดทำได้เหนียวสุด ๆ วันนี้ ซาลาห์โดนจับตาย มาเนเปิดบอลไม่ผ่าน ฟีร์มิโนก็ยิงติดบล็อคหมด ประตูเดียวที่เสียไปในวันนี้มาจากความโชคร้ายด้วยซ้ำ

 แต่เมื่อลองมองอีกมุมนึง ถ้าเกิดลูกวอลเลย์ในช่วงทดเจ็บของซาลาห์เป็นประตูล่ะ ถ้าลูกแฮนด์บอลของบาเลนเซียโดนเป่าเป็นจุดโทษล่ะ ?

 ยิ่งเมื่อดูจากตัวสำรองแล้ว โอกาสที่มูรินโญจะกลับมาเล่นเกมบุกต่อแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมีตัวรุกคนเดียวคือลินการ์ด หากโดนตีเสมอหรือโดนแซงขึ้นมาก็ทำใจลูกเดียว

ชัยชนะนัดนี้ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำให้พวกเขายังยึดอันดับ 2 ไว้ได้ และทิ้งห่างลิเวอร์พูลออกไปแล้ว 5 คะแนน ส่วนลูกทีมของเยอร์เก้น คลอปป์ยังต้องกัลไปทำการบ้านถึงสาเหตุที่พวกเขาแพ้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาอาจจะต้องกลับมาไล่ชิงอันดับ 3 แทน หากสเปอร์สชนะบอร์นมัธได้ในเกมวันอาทิตย์นี้และแซงพวกเขาขึ้นไปอยู่อันดับ 3

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook