ปิดประตูตี "แมว"

ปิดประตูตี "แมว"

ปิดประตูตี "แมว"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : อะไรกันครับคุณผู้ชม คุณผู้ฟัง คุณผู้อ่าน เผลอแว๊บเดียวเข้าสู่เดือนสุด ท้ายของปีแล้วหรือนี่ หลายคนตั้งหน้าตั้งตารอนั่งนับโบนัสปลายปีชนิดใจจดใจจ่อ หรือบางคนที่เหลืออยู่เหลือกิน อาจจะบอกว่า "เอ้ย อาราย .. ของเก่ายังใช้ไม่หมดเลย" ก็ว่ากันไป นา นา จิตตัง

แต่สำหรับผม "อสตังค์ ทุกขัง มรณัง - การไม่มีสตังค์ เป็นทุกข์แทบตาย" จะนั่งก็โอย จะลุกก็โอย เข้าเซเว่นก็โอย ...โอ้ยยย..เงินขาดมือ ทำอะไรก็ไม่ราบลื่น ติดๆ ขัด ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นภาระแก่ลูกหล้านนน (เสียงสูง)

ได้แต่หวังเพียงว่า หากฟ้าดินมีตา พสุธามีใจ เจ้านายที่แสนดี จะนำผลกำไรทะลุเป้าขององค์กรในรอบปีที่ผ่านมา แปลงร่างเป็นโบนัสให้กับข้าน้อย ที่พากเพียรทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจมาตลอด แม้จะเผลอแอบหลับบ้างก็ตาม (ฮ่าๆ)

พูดถึงเรื่องของโบนัสแล้ว สำหรับท่าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือผู้เจนจัดด้านศาสตร์ลูกหนัง ที่มีวิธีสำเร็จโทษลูกทีมด้วยปฏิบัติการ "ไดร์เป่าผม" (Hair Dryer) ถึงกับยิ้มแฉ่ง หลังเห็น เนมันย่า วิดิช กัปตันทีมตัวเก่ง หายเจ็บกลับมาลงสนามในรอบเกือบ 3 เดือน


"ป๋า" มองว่าการที่ได้ "เซอร์บิเนเตอร์" กลับมาขันแนวรับให้กับทีมในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับการได้รับโบนัสปลายปีจาก แมนฯ ยูไนเต็ด บ้านหลังที่ 2 ของกุนซือวัย 70 กระรัตผู้นี้

เซ็นเตอร์เลือดเซิร์บ ถูกส่งลงสนามแทนที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังพันล้าน ที่ยังมีกลิ่นคาวเลือดติดตัวมาจากเกม "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์" ในนาที 68 ของเกมปิดประตูตีแมวดำ ซันเดอร์แลนด์ 3-1 เมื่อ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับคู่แค้นแสนรักอย่าง ลิเวอร์พูล โดน แอสตัน วิลล่า บุกมาหักปีกถึงถิ่นได้ด้วยสกอร์เดียวกันเช่นนั้นแล

"ผีแดง" หลังจากที่บุกไปยัดเยียดความเป็นผัว เอ้ย!! ยัดเยียดความปราชัยให้กับ "เรือใบสีฟ้า" นัดแรกของฤดูกาล ที่ เอดิฮัด สเตเดี้ยม ด้วยสกอร์ 3-2 จาก 2 ประตูของ เวย์ รูนี่ย์ และฟรีคิกผีจับยัดของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ในช่วงทดเจ็บ

1 สัปดาห์ให้หลังขุนพล "ปีศาจแดง" มีคิวถอนแค้น จับ "แมวดำ" จุ่มน้ำร้อนถอนขน หลังจากเคยโดนเย๊าะเย้ยถากถางชุดใหญ่ โทษฐานพลาดท่าเสียแชมป์ให้กับ แมนฯ ซิตี้ ในเกมสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้ว แม้ว่าจะสามารถบุกเอาชนะได้ถึง สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ก็ตาม

แมนฯ ยูฯ เปลี่ยนผู้เล่นเพียงแค่ 2 ตำแหน่งจากเกมจม "เรือใบ" โดยไม่มี ราฟาเอล ดา ซิลวา แบ็กจอมบุก กับ จอนนี่ อีแวนส์ กองหลังร่างกายอ่อนไหว แต่จิตใจแข็งแรง โดนอาการบาดเจ็บลักพาตัวไป โดยมี ฟิล โจนส์ กับ คริส สมอลลิ่ง รับช่วงต่อในพื้นที่แนวรับ

กองทัพ "อสูรแดง" เริ่มต้นได้อย่างหวาดกลัว บุกกดดันหายใจรดต้นคอแนวรับผู้มาเยือน ชนิดที่ตั้งตัวแทบไม่ทัน ยังกับเคี้ยวใบกระท่อมมาเกือบทั้งต้น ก่อนส่งพลังเทอร์โบ 8 สูบ 500 แรงม้า กระซวก 2 ประตูขึ้นนำในเวลาห่างกันเพียงแค่ 3 นาที

ประตูขึ้นนำของ "อาร์วีพี" เป็นประตูที่ 12 ของฤดูกาล (ในลีก) ของศูนย์หน้าชาวดัตช์ นำดาวซัลโวร่วมกับ มิชู ของ สวอนซี ณ เวลานี้ อาจจะต้องย้อนกลับไปขอบคุณ จอห์น โอเช กองหลังคนคุ้นเคยที่ช่วยสงเคราะห์ทีมเก่า สกัดบอลมาเข้าทางปืน และก็ไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดลอย

การโจมตีด้วยปีกทั้ง 2 ฝั่งของทีม แมนฯ ยูฯ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าที่ไม่ต้องจดลิขสิทธิ์และสามารถลอกเลียนแบบได้ แต่มิดฟิลด์ตัวกลางอย่าง ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ก็ยังสามารถยิงประตูสุดสวยได้ชนิดที่กองหน้าบางคนยังอาย

แต่ปัญหาซ้ำๆ เดิมๆ ยังคงตามมาหลอก "ผี" ได้ไม่เว้นแต่ละนัด หลังได้ประตูนำ 3-0 จากรูปเกมที่กุมความได้เปรียบไว้เกือบทั้งหมด เล่นกันง่ายๆ เรื่อยๆ ชิวๆ กลับมาช็อตเอาดื้อๆ นำมาซึ่งประตูตีไข่แตกของทีม "แมวดำ" จากอดีตกองหน้าที่ปั้นมากับมืออย่าง เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์

แม้ท่านเซอร์ จะพยายามเล่นเกมรัดกุม เน้นครองบอลไว้กับตัวมากขึ้น ด้วยการส่งปีกพ่อมดนามกระเดื่องเลื่องชื่อระบือไกล อย่าง ไรอัน กิ๊กส์ ลงสนามไปประคองน้องๆ หลานๆ แต่ก็มิเป็นผลอย่างที่หวัง

โดย ณ เวลานี้ ส่งให้ยอดรวมประตูที่เสียไปของทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก 12 สมัย หลังผ่านพ้น 17 นัด โดนทะลวงไปแล้วถึง 24 ประตู เทียบเท่าทั้งฤดูกาล 2008-09 และมากกว่าฤดูกาล 2007-08 ที่เล่นเอาเป็นเอาตายไม่แพ้กัน แต่เสียไปเพียงแค่ 22 ประตูเท่านั้น

ปัญหาที่ย้ำกันนักหนา พูดมาซ้ำไปตั้งแต่เริ่มฤดูกาลเป็นต้นมา ยังคงแวะเวียนกลับมาให้ได้แก้ไขกันอยู่เรื่อยๆ โชคดีที่ยังสามารถรักษาระยะห่าง 6 แต้ม กับทีม "เรือใบ" ณ ตะวันออกกลางไว้ได้อยู่

แต่สัญญาณที่ดีของเหล่า "เร้ด เดวิลส์" คือการได้เห็น เนมันย่า วิดิช กลับมาขันแนวรับอีกครั้งหนึ่ง และมีโอกาสประเดิมเต็มเวลาในเกมบุก "หงส์ขาว" 23 ธ.ค.นี้

นั่นแหละค่อยมาดูกันว่า ความเหนียวแน่นลงตัวในเกมรับจะได้รับการปรับปรุงแก้ไขถูกจุดแล้วหรือยัง การได้กัปตันทีมจอมแกร่งกลับมาในสภาพที่ยังคาดเดาไม่ถูกว่าจะออกหัวหรือก้อย จะดีหรือร้าย ก็จะได้รู้กัน

โอเค ปัญหาของ "ผีแดง" จบไป ทิ้งท้ายสั้นๆ กับสิ่งที่จะเรียกว่าปัญหาได้หรือไม่ของทีม ซันเดอร์แลนด์ ที่มีกองหน้าตัวความหวังอย่าง สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ ที่ซัดไปแล้ว 7 ประตู อยู่ในทีม

แต่โชคชะตาของ "แมวดำ" ตัวนี้ ยังจมอยู่อันดับ 16 ของตารางคะแนน มีแต้มห่างทีมจากโซนตกชั้นแค่คะแนนเดียว

แม้จะเป็นเพชฌฆาตเบอร์ 1 ของทีม แต่นับตั้งแต่ที่เจ้าตัวย้ายออกจาก ฮิเบอร์เนี่ยน ในสกอตแลนด์ เมื่อปี 2009 หลังจากนั้น ส.เฟล็ทเชอร์ นำทั้ง เบิร์นลี่ย์ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน ร่วงลงไปนับหนึ่งใหม่ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ

เอ .. หรือว่าอาถรรพ์ดังกล่าวถึงเวลาตามมาหลอกหลอนทีม "เดอะ แบล็คแค็ทส์" แล้วหรืออย่างไร ?

เรื่องโดย "จ่าตุ๊"

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ ของ ปิดประตูตี "แมว"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook