ศึกโกงความตายพรีเมียร์ลีก

ฟุตบอล : ฤดูกาล 2000-2001 ถือเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมได้รู้จักกับความหมายของคำว่ายีนของผู้ชนะในวงการลูกหนัง

มันคือวินาทีที่ "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก้ 04 ภายใต้การคุมทัพของ ฮูบ สตีเฟ่นส์ และแฟนบอลแถบ เกลเซ่นเคียร์เช่น ทุกหมู่เหล่า ถึงคราวต้องหัวใจแตกสลายแบบไม่มีชิ้นดี เมื่อพวกเขาทำถาดแชมป์บุนเดสลีกา หลุดมือในนัดสุดท้ายไปอย่างเหลือเชื่อ

ภายหลังจากที่คู่แข่งผู้เจนจัดในเกมการแข่งขันแบบนี้อย่าง บาเยิร์น มิวนิค แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของการเป็นทีมระดับแชมเปี้ยน ด้วยการเก็บผลเสมอได้อย่างทุลักทุเล แต่กลับเต็มไปด้วยสไตล์ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 4 ของเกมพบ ฮัมบูร์ก

หลังจบเกม บิล ไชตุ้ง แท็บลอยชื่อก้องของเมือง "เบียร์" ตีข่าวพาดหัวใหญ่ลงหน้า 1 หราว่า "ไร้ยีนของความเป็นผู้ชนะ...ชาลเก้ ทำตัวเอง โยนถาดแชมป์บุนเดสลีกา ทิ้งเฉย!"

หากคุณจะเป็นสุดยอดทีม คุณต้องงัดความเคี่ยวและความเหี้ยมออกมาใช้เสมอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานของฤดูกาล

บาเยิร์น มิวนิค ในหลายยุคหลายสมัยมีสิ่งนี้, ยูเวนตุส ของ มาเซลโล่ ลิปปี้ มีสิ่งนี้, อาร์เซน่อล ชุด ดิ อินวินซิเบิ้ล มีสิ่งนี้, เรอัล มาดริด ของ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ มีสิ่งนี้ เช่นเดียวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับช่วงเวลากว่า 2 ทศวรรษ ก็มีสิ่งนี้!

และแน่นอนครับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ในฤดูกาล 2011-2012 ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีสิ่งที่ว่านี้เช่นเดียวกัน

คุณสมบัติตายยากเป็นนิจ...

เรื่อยมาจนถึงฤดูกาลนี้ ทั้ง เรือใบสีฟ้า และปีศาจแดง อันที่จริงแล้วก็ยังคงทำผลงานได้ไม่ถึงกับดีเด่อะไร กองหลังเสียประตูเป็นเข่ง สมดุลของทีมมีปัญหา ผู้เล่นกุญแจสำคัญบางคนยังคงควานหาฟอร์มเก่งต่อไป

แต่นั่นกลับไม่ส่งผลกระทบกับผลการแข่งขันของพวกเขาเท่าไหร่นัก เพราะในเกมที่อะไรหลายๆ อย่างดูจะไม่เป็นใจ พวกเขาก็ยังชนะเอา ชนะเอา

แมนฯ ซิตี้ ต้องเป็นฝ่ายไล่ตาม สเปอร์ส อยู่ถึงกว่า 1 ชั่วโมง แต่เมื่อจบ 90 นาที พวกเขาคือผู้มีชัยที่สกอร์ 2-1...ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นยิ่งกว่า! เมื่อพวกเขาถูก แอสตัน วิลล่า ขึ้นนำก่อนถึง 2 ลูก แต่ก็ยังอุตส่าปฏิบัติการพลิกนรกกลับมาเก็บ 3 แต้มได้เสียอย่างนั้น

สถิติระบุชัดแจ้งว่า 8 นัดเข้าให้แล้วนะครับ ที่ แมนฯ ยูฯ กลับมาชนะได้ ทั้งๆ ที่ต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังก่อน

จิตวิญญาณของยอดทีม ชนะได้แม้ในเกมที่เล่นไม่เอาอ่าว เอาตัวรอดเมื่อถึงชั่วโมงคับขัน โกงความตายครั้งแล้วครั้งเล่า...

หลักไมล์การแข่งขันเกมลีกเพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่ 11 นัด คงเป็นการยากที่จะคาดเดาอะไรได้ แต่ถ้าหากเราจะวิเคราะห์เฉพาะสถานการณ์เบื้องต้นที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ เราก็คงต้องยอมรับว่าสิ่งที่เราเห็นมันเหมือนเป็นภาพ เดจาวู ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

เมื่อการยื้อยุดฉุดกระชากถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก อาจเป็นแค่เรื่องราวของ เรือ กับ ผี อีกครั้งหนึ่ง

อาร์เซน่อล พลาดแล้วพลาดอีก จนเหมือนลืมไปแล้วว่ารสชาติของการคว้าแชมป์มันเป็นยังไง, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อาจเล่นฟุตบอลสนุกฉาบฉวย แต่ยังหวังผลระยะยาวไม่ได้, เอฟเวอร์ตัน ขุมกำลังแนวลึกยังไม่ดีพอ ขณะที่ เชลซี ยุคผลัดใบซูเปอร์สตาร์ ยังคงมีบทพิสูจน์อีกหลายเรื่องรออยู่ และจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว

ป่วยการจะพูดถึง เวสต์บรอม, เวสต์แฮม, ฟูแล่ม, นิวคาสเซิ่ล หรือ ลิเวอร์พูล ที่แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่ได้ฝันเพ้อเจ้อเอาไว้สูงขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ

ศึกจอมยุทธหนังเหนียว ใครจะโกงความตายได้เก่งกว่ากัน...พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้คงไม่มีอะไรน่าสนุกตื่นเต้นไปกว่าที่เป็นอยู่อีกแล้ว และคงจบแบบดราม่าสมกับเป็นลีกยอดนิยมของชาวโลกเหมือนเคย

เรื่องโดย "ยอดขวัญ"