จากลิเวอร์พูลไปแมนเชสเตอร์...???
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/sp/0/ud/0/4800/untitled-1.jpgจากลิเวอร์พูลไปแมนเชสเตอร์...???

    จากลิเวอร์พูลไปแมนเชสเตอร์...???

    2011-12-07T01:26:44+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ก่อนจะพูดถึง 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ที่จะต้องลงลุ้นพื้นที่รอบน็อกเอาต์ในถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีกคืนนี้ คงต้องแวะไปเช็กเรื่องราวของลิเวอร์พูลกันนิดหน่อย

    เรื่องที่หลายคนกังวลยังคงเกิดขึ้น นั่นคือยามที่ลิเวอร์พูลเจอกับทีมที่ไม่ใช่พวกบิ๊กโฟร์บิ๊กไฟว์ของพรีเมียร์ ลีก มักจะออกอาการแต้มหล่นเป็นว่าเล่นให้เห็นกันเป็นประจำ ยังคงอยู่ครับสำหรับเรื่องราวเหล่านี้ เป็นปัญหาที่เคนนี่ ดัลกลิช ยังคงแก้ไม่ตก

    และเรื่องที่แฟนบอลหงส์แดงหลายคนยังมองไม่ออกว่าปัญหาเรื่องของทีมที่ไม่สามารถใช้บริการลูคัส เลว่า จะทำอย่างไรกันต่อไป เบื้องต้นเคนนี่ ดัลกลิช ใช้งานเจย์ สเปียริ่ง ตามที่คาดกันไว้และเรียบร้อยไปแล้วเช่นกันกับมิดฟิลด์ตัวรับที่ลงมาทำงานแบบจริงๆจังๆพร้อมกับใบแดงแจ้งโทษ
                   
    อย่างไรก็ตามทีงานนี้สิ่งที่เคนนี่ ดัลกลิช ต้องการมากที่สุดเห็นจะเป็นการคาดหวังให้สตีเว่น เจอร์ราร์ด หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเข้ามาบงการเกมในแดนกลาง เข้ามากระตุ้นขวัญและกำลังใจให้กับเพื่อนร่วมทีม
                   
    ไม่ว่าจะวางเจอร์ราร์ดในบทบาทตรงไหนของพื้นที่กลางสนาม สามารถตัดสินใจได้ในมุมที่จำเป็น นั่นเพราะขอให้ลงมาช่วยงานก็เพียงพอแล้วกับช่วงเวลาในยามนี้ จากเกมที่เจอกับฟูแล่ม ทั้งจอร์แดน เฮนเดอร์สันและชาร์ลี อดัม สามารถทำงานด้วยกันได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะหานักเตะที่มีความสามารถมากพอที่จะทะลุผ่านแนวรับของฟูแล่มไปได้ คงต้องมองหาเจอร์ราร์ดไว้ก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำใมเคนนี่ ดัลกลิช จึงต้องการเจอร์ราร์ดในยามนี้

    ในขณะที่เรื่องราวของแอนดี้ คาร์โรลล์ ซึ่งได้โอกาสสตาร์ตตัวจริงอีกครั้งโดยนัดหลังสุดที่ได้ออกสตาร์ตต้นเกมแบบนี้คือวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่เจอกับสวอนซี

    สภาพของคาร์โรลล์คงไม่แตกต่างไปจากเฟร์นานโด ตอร์เรส สักเท่าไหร่ แต่ละนัดแต่ละโอกาสผ่านมันไปได้ยากเหลือเกิน คาร์โรลล์มีโอกาสทองในนาทีที่ 7 ทว่ามาร์ค ชวาร์เซอร์ ของฟูแล่มเซฟไว้ได้ และนั่นดูเหมือนจะมีผลกระทบต่อจิตใจของแอนดี้ คาร์โรลล์  เพราะหลังจากนั้นแทบจะเอาชนะเบร๊ด ฮันเกลันด์กับฟิลิปป์ เซนเดอรอส ไม่ได้เลยจนกระทั่งถูกเปลี่ยนตัวออกไป
                  
    ลิเวอร์พูลมีมาร์ติน แอ๊ตกินสัน เป็นผู้ตัดสินคู่บุญ นั่นเพราะว่าคู่แข่งมักจะได้ใบแดงเป็นประจำ ทว่ามันเดย์ไนต์ที่ผ่านมาต้องเจอเรื่องราวตรงกันข้ามบ้าง เมื่อผู้ตัดสินเควิน เฟรนด์ ซึ่งไม่ค่อยจะเฟรนด์เท่าไหร่กับแฟนบอลหงส์แดงในนัดนี้ ปฏิเสธที่จะให้จุดโทษจังหวะที่ฟิลิปป์ เซนเดอรอสทำฟาวล์ชาร์ลี อดัม โดยตัดสินว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นนอกกรอบเขตโทษ

    และท้ายที่สุดเฟรนด์ไล่เจย์ สเปียริ่ง ออกจากสนาม เควิน เฟนด์ จึงไม่ใช่เฟรนด์ลี่ของหงส์แดงอย่างแท้จริง

    กลับมาที่ 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ที่จะต้องลุ้นพื้นที่ในรอบน็อกเอาต์ด้วยการเล่นรอบสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มด้วยสถานการณ์ที่พร้อมจะโดนเด้งออกไปจากถ้วยใหญ่ยุโรป
                   
    3-4 ปีที่แล้ว โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับตัวแทนจากพรีเมียร์ ลีก ทว่านาทีนี้ทุกอย่างดูเหมือนเปลี่ยนแปลงไป บ้างมีโอกาส 50-50 บ้างก็มีไม่ถึง
                   
    ภาพบางปีที่เราเคยเห็นทีมจากพรีเมียร์ ลีก ดาหน้าเข้าถึงรอบตัดเชือกได้เกือบทั้งหมด แถมมีเข้าชิงเป็นประจำ มากไปกว่านั้นยังมีการชิงกันเองอีกต่างหาก ตอนนี้ลำบากกันถ้วนหน้า

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่มีประสบการณ์มากที่สุดน่าจะผ่านบาเซิลไปได้อย่างที่ต้องการ แต่นั่นก็ใช่ว่าจะง่ายๆ ทว่าอย่างที่บอกไปผีแดงมีประสบการณ์ตรงนี้ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ช่วงเวลาที่ยากลำบากมักจะพาลูกทีมผ่านไปได้ด้วยดีเสมอมา
                   
    ผีแดงเจอช่วงปัญหากับเขาเหมือนกัน เกมรุกไม่ค่อยหวือหวาและอันตรายเหมือนที่ผ่านมา และสิ่งที่ดูแล้วไม่ง่ายเหมือนกันนั่นคือการเปลี่ยนแปลงของทีมที่มีนักเตะแทรกเข้ามา 4-5 คน เกมในพรีเมียร์ ลีก อาจจะปกปิดอะไรบางอย่างไว้ได้เพราะศักยภาพของทีมคู่แข่ง แต่มันจะฟ้องออกมาในเกมของแชมเปี้ยนส์ ลีก
                   
    ทว่าสภาพรวมๆแล้ว สถานการณ์ของผีแดงยังคงดูดีอยู่มาก ไม่ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นเพราะต้องลุ้นหลายซับหลายซ้อนเหมือนกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้
                   

    เรือใบมีโอกาสน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับตัวแทนทีมอื่นๆจากพรีเมียร์ ลีก แม้ว่าจะเป็นทีมที่พัฒนาขึ้นมามากแบบก้าวกระโดดจนสามารถคุกคามทุกทีมในยุโรปได้ แต่ด้วยประสบการณ์ที่อ่อนด้อยแม้นักเตะในทีมจะผ่านศึกใหญ่มาเพียบ แต่เมื่อรวมกันแล้วยังเป็นทีมที่ขาดประสบการณ์ในถ้วยนี้อยู่ดี
                   
    บางคนผ่านฟุตบอลโลกมาแล้วและหลายคนผ่านเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้วเช่นกัน แต่ไม่เคยผ่านการแก้ปัญหาหรือว่าผ่านช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสไปด้วยกัน นั่นจึงกลายเป็นปัญหาของโรแบร์โต้ มันชินี่
                   
    จริงๆแล้วโอกาสของเรือใบไม่แจ่มใสมาตั้งแต่ต้น เพราะกลุ่มนี้ตั้งแต่วันที่จับสลากแบ่งกลุ่มถือว่าเป็นกรุ๊ป ออฟ เดธ เลยทีเดียว มีตัวแทนจากลีกใหญ่ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นสเปน,อิตาลีหรือเยอรมัน ถ้าจะตกรอบไปก็ไม่น่าจะต้องเขินอายอะไรมาก แต่มันจะเป็นผลดีกับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีกแบบเต็มๆ
                  
    และเมื่อช่วงเวลาในถ้วยนี้วนกลับมาถึงอีกครั้งในปีหน้า เรือใบจะกลับมาแบบน่ากลัวกว่าเดิมแน่นอน นี่เป็นการพูดในแง่ร้ายว่ามันชินี่ไม่สามารถพาทีมเข้ารอบน็อกเอาต์ได้และลงมาลุยพรีเมียร์ ลีกแบบไม่ยอมให้หลุดมือไปได้
                   
    อย่างที่บอกผีแดงประสบการณ์เพียบในถ้วยนี้ ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหมือนทีมน้องใหม่ที่เพิ่งขึ้นชั้นมาจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพเพื่อเล่นในพรีเมียร์ ลีกเป็นครั้งแรก บรรยากาศประมาณนั้น
                   
    สิ่งที่เรือใบได้รับความแปลกใหม่ก็คือบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เทคนิคของนักเตะที่หลากหลายต้องรับมือ จังหวะของเกม คุณไม่สามารถตั้งหน้าตั้งตาเอาชนะทุกทีมได้อยู่แล้ว สถานการณ์ไหนต้องมีผ่อน สถานการณ์ไหนต้องมีดึง แต่ละทีมแตกต่างกันอย่างไร คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้
                   

    โรแบร์โต้ มันชินี่ ยอมรับว่าลูกทีมค่อนข้างประหม่ากับการเล่นในถ้วยนี้เริ่มกันตั้งแต่นัดแรกที่เจ๊านาโปลีตามด้วยการพ่ายให้บาเยิร์น เกมคืนนี้ของเรือใบนอกจากจะต้องเอาชนะเสือใต้ให้ได้แล้ว ยังต้องลุ้นไม่ให้นาโปลีชนะบีญาร์เรอัลที่แพ้มาตลอดอีกด้วย
                   
    อย่างที่บอกครับถ้าเรือใบต้องพลาดการเข้ารอบน็อกเอาต์ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมาย พวกเขาจะกลับมาอีกครั้งในฤดูกาลหน้าพร้อมกับความแข็งแกร่งที่มีมากกว่าตอนนี้ รวมทั้งมีประสบการณ์ที่มากขึ้นด้วย
                   
    อาการกระท่อนกระแท่นของบรรดาทีมในพรีเมียร์ ลีก ชักจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าเป็น 3-4 ปีที่แล้วในรอบน็อกเอาต์แต่ละทีมล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการเจอกับทีมในพรีเมียร์ ลีกแทบทั้งนั้น มันคือของยากกับการเตะเหย้าเยือน

    ทว่านาทีนี้ดูเหมือนแต่ละทีมต่างคิดเลี่ยงที่จะต้องเผชิญหน้ากับบาร์ซ่าและเรอัล มาดริดมากกว่า นั่นคือสัญญาณที่ว่า

    ลาลี กา ดีกว่าพรีเมียร์ ลีกหรือเปล่า?

    เรื่องโดย " ดามัน "

    คอลัมน์ ทดเจ็บ 3 นาที นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์