ท้ายที่สุดคือตัวเอง

ท้ายที่สุดคือตัวเอง

ท้ายที่สุดคือตัวเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“อันดับหนึ่งหรือแชมป์ลีกเป็นอะไรที่ยากเกินตัว จะเรียกว่าเป็นไปไม่ได้ก็ถูก แต่อันดับ 2 ยังมีความเป็นไปได้ นั่นคือสิ่งที่เราต้องต่อสู้ และทำให้สำเร็จ”

วลีดังกล่าวคือสิ่งที่ มูรินโญ่ กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวไว้ก่อนเกมกับบอร์นมัธ หลังทีมกำลังทำผลงานแล่นฉิวติดลมบน ไม่แพ้ใครมา 16 นัดติดต่อกันในลีก แถมเพิ่งคว้าแชมป์ลีก คัพ มาหมาดๆ

เกมกับ บอร์นมัธ จึงเป็นเพียงทางผ่านอีกก้าวหนึ่งของพวกเขาเท่านั้น ก่อนหน้าศึกใหญ่ที่ทุกคนจับตามองอย่างเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 8 ทีมสุดท้าย กับเชลซี วันที่ 14 มีนาคมที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นอีกครั้งที่แมนฯ ยูไนเต็ด ทำแต้มหลุดมือ เมื่อปล่อยให้ บอร์นมัธ ที่เหลือผู้เล่นแค่ 10 คน ตลอดครึ่งเวลาหลัง บุกมาเก็บ 1 แต้ม กลับออกไปหน้าตาเฉย มันจึงไม่ใช่เรื่องเกินเลยที่ มูรินโญ่ ต้องออกมาโทษตัวเองมากกว่าคู่แข่ง

ตลอด 90 นาที ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เชื่อไหมครับว่า บอร์นมัธ ไม่มีโอกาสง้างเท้าสับไกลุ้นพังประตูแมนฯ ยูไนเต็ด แม้แต่ครั้งเดียว แต่ความผิดพลาดที่แก้ไม่เคยหายของ โจนส์ กลับมอบโอกาสเพียงครั้งเดียวให้ผู้มาเยือน

mannnnnuzza2
...และนั่นคือจุดโทษที่ช่วยให้ บอร์นมัธ หยิบ 1 แต้ม ออกไปได้สำเร็จ

คำถามที่ตามมาคือแมนฯ ยูไนเต็ด ผิดพลาดตรงไหน หนึ่งในคำตอบที่ชัดเจนที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นฟอร์มการเล่นของ อิบราฮิโมวิช ในวันที่ไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งมันส่งผลกระทบโดยรวมต่อฟอร์มการเล่นของ “ปิศาจแดง” อย่างหลีกเลี่ยง

อย่างที่เราทราบกันดีว่าแทบ 100 เปอร์เซ็นต์ ที่แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะเหนือคู่แข่ง หรือแบ่งผลเสมอออกมาได้ หนึ่งในตัวแปรสำคัญคือ อิบราฮิโมวิช ที่ยิงให้ทีมไปแล้ว 26 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด รวมทุกรายการ

แผนการของ บอร์นมัธ ในวันนี้จึงเน้นหนักไปที่การตัด อิบราฮิโมวิช ออกจากเกม โดยส่งปราการหลังดาวรุ่งเจ้าของความสูง 196 เซ็นติเมตร อย่าง มิงส์ ลงมาไล่บี้ไล่ประกบ ซึ่งแข้งวัย 23 ปี ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม

ผลที่ออกมาคือรูปเกมของแมนฯ ยูไนเต็ด ตันไปดื้อๆ เมื่อแนวรุกตัวอื่นไม่มีเป้าหมายในการส่งบอล กว่า บอร์นมัธ จะเปิดโอกาสให้ อิบราฮิโมวิช มีโอกาสโหม่งชงโหม่งตั้ง ก็ตอน มิงส์ ออกจากสนามในนาทีที่ 79 แล้ว

mannnnnuzza33
นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่ มูรินโญ่ จะออกมาตีโพยตีพายโวยวายว่าลูกทีมสมควรโทษตัวเอง ซึ่งมันก็จริงเมื่อเทียบจากรุปแบบการเล่นที่ไม่อาจสร้างความกดดันให้ บอร์นมัธ ที่เหลือผู้เล่นแค่ 10 คน ตลอด 45 นาทีได้

ขณะเดียวกันจอมอหังการโปรตุกีส ก็สมควรโทษตัวเองด้วยที่มองข้ามช็อตไปยังโปรแกรมถัดไปบนเวทียูโรป้า ลีก และเอฟเอ คัพ อีกสองรายการที่พวกเขาตั้งความหวังไว้ โดยหลงลืมที่จะให้ความสำคัญกับการคว้าพื้นที่ท็อปโฟร์ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก

การส่ง โจนส์ และ ชอว์ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา แสดงให้เห็นถึงความประมาทเลิ่นเล่อที่มองข้ามไป เช่นเดียวกับความเชื่องช้าของ คาร์ริค ที่ชัดเจนแล้วว่าหมดสภาพหมดอนาคตในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด และไม่เหมาะกับการรับบทมิดฟิดล์ใดๆ ที่มีตัวช่วยน้อยกว่า 3 คน

ความผิดพลาดทั้งหมดกลั่นกรองออกมาเป็นหนึ่งจุดโทษที่เสียไป และมันมากเกินพอที่จะทำให้แต้มของพวกเขาหายไป 2 คะแนน ต้องไปเหนื่อยต่อในการลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook