ปืนรอเก้อ! โดนลูกโลกเฉือน 2-1 ชวดแชมป์คาร์ลิ่ง
"ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ยังต่อรอแชมป์แรกในรอบ 6 ปีอีกต่อไป หลังพลาดท่าโดน เบอร์มิงแฮม เฉือนชัยไป 2-1 ปาดหน้าคว้าแชมป์ คาร์ลิ่ง คัพ ไปครองอย่างเจ็บปวด จากประตูชัยของ โอบาเฟมี่ มาร์ติน ที่ลงมาเป็นซุปเปอร์ซับ
ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ นัดชิงชนะเลิศ
อาร์เซน่อล 1-2 เบอร์มิงแฮม
เกมนัดชิงคาร์ลิ่ง คัพ ที่เวมบลีย์ ระหว่าง อาร์เซน่อล กับ เบอร์มิงแฮม นัดนี้ "ไอ้ปืนใหญ่" ของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ร้างความสำเร็จมาแล้ว 6 ปี นับตั้งแต่แชมป์เอฟเอ คัพในปี 2005 ไม่มี เชส ฟาเบรกาส และ ธีโอ วัลค็อตต์ ทั้งตัวจริงและตัวสำรอง หลังจากเจ็บจากเกมที่พบ สโต๊ค เมื่อกลางสัปดาห์
ด้านเบอร์มิงแฮม ของ อเล็กซ์ แม็คลีช ที่เริ่มเบาใจเรื่องตกชั้นไปได้นิดหน่อย หลังจากพาทีมหนีโซนสีแดงมาได้แล้ว เกมนี้ส่งผู้เล่นแดนกลางแน่นถึง 5 คน เพื่อสู้เกมในแดนกลางกับ อาร์เซน่อล โดยส่ง นิโกล่า ซิกิช ดาวยิงร่างโย่งไว้เป็นกองหน้าแค่คนเดียว
เริ่มเกมแค่ 2 นาที ก็มีจังหวะก้ำกึ่ง เมื่อ เบอร์มิงแฮม จ่ายบอลทะลุช่องให้ ลี โบวเยอร์ ลุ้นเดียวเข้าในเขตโทษ วอจเซียค เซคเซสนี่ วิ่งออกมารวบโบวเยอร์ล้มลงไปในเขตโทษ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสิน กลับยกธงล้ำหน้าไปก่อน ทั้งที่ยังมีผู้เล่น อาร์เซน่อล ห้อยท้ายอยู่
นาทีที่ 8 อาร์เซน่อล เกือบประตูขึ้นนำ จากการยิงของ อังเดร อาร์ชาวิน แต่ เบนฟอสเตอร์ โชว์ซูเปอร์เซฟ ใช้เท้าสกัดเอาไว้ได้
เกมส่วนใหญ่เป็นของ อาร์เซน่อล ตามคาด ด้าน เบอร์มิงแฮม ก็เน้นเข้าแย่งบอลให้แดนกลาง แต่ก็ยังดูช้าว่าเล็กน้อย เกมผ่านไป 14 นาที ซามีร์ นาสรี่ ได้โอกาสสับไกด้วยขวาจากตรงกรอบเขตโทษ แต่ก็ยังไม่ตรงกรอบ
ทีมตราลูกโลก ก็ไม่ได้ปล่อยให้อาร์เซน่อลบุกฝ่ายเดียว มีโอกาสได้ลุ้นสองครั้งติดๆ กัน จังหวะแรกจากการยิงของ คีธ ฟาฮีย์ แต่ วอจเซียค เซคเซสนี่ ก็รับไว้ได้ อีกครั้งจากการโหม่งของ เลียม ริดจ์เวลล์ แต่เซคเซสนี่ก็ยังเซฟเอาไว้ได้
แต่แล้วนาทีที่ 27 เบอร์มิงแฮม ก็ได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะแรก คีธ ฟาฮีย์ โยนมาจากฝั่งซ้ายเข้ามาที่เสาสองให้ นิโกล่า ซิกิช แต่ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ โหม่งสกัดออกหลังไปได้ทัน ได้แค่ลูกเตะมุม และจ่ายลูกเตะมุม เซบาสเตียน ลาร์สสัน โยนเข้ามาตรงบริเวณ จุดโทษให้ โรเจอร์ จอห์นสัน โหม่งต่อไปที่หน้าประตูและเป็น นิโกล่า ซิกิช ดาวยิงร่างโย่งโหม่งเปลี่ยนทางเข้าประตูไปให้ เบอร์มิงแฮม ขึ้นนำก่อน 1-0
หลังจากขึ้นนำกลายเป็น เบอร์มิงแฮม ได้โอกาสลุ้นมากกว่า และก็มีโอกาสอีกครั้ง ในนาทีที่ 33 จากจังหวะที่ เคร็ก การ์ดเนอร์ พักอกเอาบอลลงตรงเส้นเขตโทษ ก่อนที่กองหลัง อาร์เซน่อล จะเอามาเบียดสกัด การ์ดเนอร์ ล้มลง แต่บอลกระเด็นไปเข้าทาง นิโกล่า ซิกิช ผู้ตัดสินให้ได้เปรียบ และปล่อยให้เล่นต่อ แต่ ซิกิช ยิงไปติดตัว วอจเซียค เซคเซสนี่ ที่วิ่งออกมาบล็อกได้ทัน
อีก 5 นาทีถัดมา อาร์เซน่อล ก็มาตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะแรก แจ็ค วิลเชียร์ ได้ยิงด้วยซ้ายเต็มข้อบอลไปชนคานอย่างจัง กองหลัง ลูกโลก สกัดบอลไม่ขาดไปเข้าทาง อังเดร อาร์ชาวิน ทางด้านขวาของเขตโทษก่อนจะหลอกผู้เล่นเบอร์มิงแฮม แล้วเปิดมาหน้าประตูให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เอี้ยวตัววอลเลย์ด้วยขวาเข้าไปอย่างสวยงามให้ ไอ้ปืนใหญ่ ตีเสมอเป็น 1-1
หลังจากตีเสมอสำเร็จ อาร์เซน่อล ก็กลับมาเป็นฝ่ายคุมเกมอีกครั้ง ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซามีร์ นาสรี่ ได้ซัดไกล บอลพุ่งแรกแต่ เบน ฟอสเตอร์ ก็ไม่พลาดปัดเอาไว้ได้ ทำให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 1-1
ครึ่งหลังมาได้แค่ 3 นาที อาร์เซน่อล ได้โอกาสลุ้นประตูอีกครั้ง จากการเติมขึ้นมาของ บาการี่ ซาญ่า ทางด้านขวาก่อนจะเปิดบอลเข้ามาหน้าประตูให้ โทมัส โรซิชกี้ วิ่งเข้ามายิงด้านขวาแต่บอลผ่านออกเสาสองออกไป
แต่แค่นาทีที่ 50 เท่านั้น อเล็กซ์ แม็คลีช จัดการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นทันทีโดนส่ง ฌอน โบเซอชูร์ ลงมาแทน เคร็ก การ์ดเนอร์
ถัดมา 6 นาที เบอร์มิงแฮม ได้โอกาสลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ ฌอน โบเซอชูร์ ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนจะไหลให้ คีธ ฟาฮีย์ วิ่งเข้ามายิงแต่บอลไปติด นิโกล่า ซิกิซ ก่อนเข้าทาง ฟาฮีย์ ได้อีกครั้งบอลพุ่งชนเสาไม่เข้าประตูออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 69 อาร์เซน่อล ถอด โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ออกไปพักแล้วส่ง นิคลาส เบนท์เนอร์ ลงมาเล่นแทน
นาทีที่ 74 อาร์เซน่อล ได้จังหวะสวนกลับเร็วอีกครั้งบอล ซามีร์ นาสรี่ พาบอลหลุดเข้าไปยิงแต่ เบน ฟอสเตอร์ ก็โชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกไปได้
ถัดมาอีกไม่ถึงสองนาที นิคลาส เบนท์เนอร์ ได้บอลทางซ้ายของเขตโทษ ก่อนจะยิงด้วยขวาบอลพุ่งแฉลบกองหลังเปลี่ยนทาง แต่ เบน ฟอสเตอร์ ก็ยังตะบบไม่หลุดมือไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
อาร์เซน่อลยังคงเปิดเกมรุกบุกหนักเข้าใส่ เบอร์มิงแฮม อย่างต่อเนื่อง แต่ เบอร์มิงแฮม ก็ยังช่วยกันรับไว้ แถมยังเปิดเกมสู้ นาทีที่ 83 จัดการถอดกองกลาง คีธ ฟาฮีย์ ออกแล้วส่ง โอบาเฟมี่ มาร์ติน ลงมาแทน
เกมดูเหมือนว่าจะยึดเยื้อถึงช่วงทดเวลาพิเศษ แต่แล้ว นาทีที่ 89 เบอร์มิงแฮม ก็มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 2-1จากจังหวะที่ นิโกล่า ซิกิซ โหม่งบอลตั้งเข้าไปในเขตโทษปืนโต และ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ทำท่าจะหวดสะกัดบอล แต่ดันปล่อยให้ วอจเซียค เซคเซสนี่ นายด่านปืนรับแบบไม่ทันตั้งตัว บอลกระดอนชนตัวไปเข้าทาง โอบาเฟมี่ มาร์ติน แปรบอลไม่ถึงห้าหลาโล่งๆ เข้าไปตุงตะข่าย
ช่วงท้ายเกม อาร์เซน่อล ยังคงเปิดเกมรุกบุกหนักเข้าใส่ เบอร์มิ่งแฮม อย่างต่อเนื่อง หวังทวงประตูตีเสมอ แต่ พลพรรคลูกโลก ช่วยกันยันไว้ได้หมดเวลา อาร์เซน่อล พ่าย เบอร์มิ่งแฮม 1-2 ส่งผลให้เบอร์มิ่งแฮมคว้าแชมป์ คาร์ลิ่งคัพ ไปครอง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล : วอจเซียค เซคเซสนี่, บาการี่ ซาญ่า, โยฮัน ฌูรู, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, กาแอล กลิชี่, โทมัส โรซิชกี้, อเล็กซ์ ซง, ซามีร์ นาสรี่, แจ็ค วิลเชียร์, อังเดร อาร์ชาวิน, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
สำรอง : มานูเอล อัลมูเนีย, เดนิลสัน, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, คีแรน กิ๊บบ์ส, มารูยาน ชามัค, นิคลาส เบนท์เนอร์
เบอร์มิงแฮม : เบน ฟอสเตอร์, สตีเฟ่น คาร์, โรเจอร์ จอห์นสัน, มาร์ติน ยิราเน็ค, เลียม ริดจ์เวลล์, คีธ ฟาฮีย์, เคร็ก การ์ดเนอร์, แบร์รี่ เฟอร์กูสัน, ลี โบวเยอร์, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, นิโกล่า ซิกิช
สำรอง : ไมค์ เทย์เลอร์, เดวิด เมอร์ฟี่, เควิน ฟิลลิปส์, คาเมรอน เจอโรม, โอบาเฟมี่ มาร์ติน, สจ๊วร์ต พาร์นาบี้, ฌอน โบเซอชูร์
(ภาพจาก Getty Images)