7 ยอดทีมเอเชียพัฒนาการก้าวกระโดด

7 ยอดทีมเอเชียพัฒนาการก้าวกระโดด

7 ยอดทีมเอเชียพัฒนาการก้าวกระโดด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สโมสรดังหลายสโมสรอาจจะมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานหรือน่าประทับใจ หลายทีมมีอดีตที่น่าจดจำพร้อมกับความสำเร็จที่ทำให้คนยังต้องพูดถึงมาจนทุกวันนี้

ขณะเดียวกันก็ไม่น่าเชื่อว่าหลายสโมสรจะสามารถมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดได้อย่างยิ่งใหญ่ภายในช่วงเวลาไม่กี่ปี

ทั้งสโมสรที่เพิ่งมาประสบความสำเร็จ และสโมสรที่ก่อตั้งได้ไม่นาน Football Channel Thailand ขอพาทุกท่านไปรู้จักกับ 7 ยอดทีมที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในยุคนี้

1. อิสติกอล (ทาจิกิสถาน)

หนึ่งในทีมน้องใหม่ในเอเชียตะวันออกกลางที่มีอายุทีมเพียง 8 ปี หลังจากก่อตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2007 ไม่ใช่เพียงชื่อทีมที่เหมือนกันกับยอดทีมจากอิหร่าน

แต่ทั้งชื่อ และสีเสื้อของชุดแข่งขันของพวกเขา ล้วนได้รับแรงบันดาลใจมาจากทีมเก่าแก่อย่าง เอสติกลอล เตหะราน

อิสติกอล ได้เล่นใน ทาจิก ลีก ซึ่งเป็นลีกสูงสุดครั้งแรกปี 2009 แต่จบเพียงอันดับที่ 4 ทว่าในฟุตบอลถ้วยอย่าง ทาจิก คัพ

พวกเขาคว้าแชมป์มาครองได้ และในปีต่อมาพวกเขาก็ได้ชูถ้วยแชมป์ทั้งสองรายการดังกล่าว ผลงานในลีกสูงสุดของ อิสติกอล ตั้งแต่ปี 2010 จนปัจจุบันแย่ที่สุด

ก็แค่เพียงอันดับสามในปี 2012 และสะดุดคว้ารองแชม์ในปี 2013 นอกนั้นพวกเขาเข้าวินทุกปีรวมคว้าแชมป์ ทาจิก ลีก ได้ 4 สมัย ส่วนทาจิก คัพ

ก็นับเป็นขาประจำเช่นเดียวกันเมื่อพวกเขาคว้าแชมป์ได้เกือบทุกปีเว้นไปเพียงในปี 2011 และ 2012 ที่ได้รองแชมป์

ผลงานในระดับเอเชีย พวกเขาเคยได้แชมป์ เอเอฟซี เพรสิเดนท์ คัพ ในปี 2012 ซึ่งปัจจุบันรายการดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปแล้ว

และพวกเขาได้กลับมาโลดแล่นในเวทีระดับทวีปอีกครั้งในปี 2015 ในเอเอฟซี คัพ และเกือยจะทำได้สำเร็จเมื่อสามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะพ่ายไปแบบสุดช็อคให้กับ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม

2. บุนยอดกอร์

ยอดทีมจากอุซเบกิสถานที่ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งทศวรรษในการขึ้นมายืนแตะระดับสากล บุนยอดกอร์ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 และลงเล่นในลีกภูมิภาค

และใช้เวลาปีเดียวขึ้นมาเล่นดิวิชั่น 1 ต่อเนื่องด้วยการขึ้นสู่ลีกสูงสุดในปีต่อมา และในฤดูกาลแรกใน อุซเบก ลีก 2007 พวกเขาจบด้วยการเป็นอันดับสอง

เป็นรองเพียง ปัคห์ตากอร์ อีกหนึ่งทีมดังของประเทศ นับตั้งแต่ปี 2007 บุนยอดกอร์ไม่เคยได้อันดับต่ำกว่ารองแชมป์ในลีกสูงสุดเลยจนกระทั่งปี 2014

พวกเขาหล่นมาจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 4 เช่นเดียวกับฤดูกาลล่าสุด แต่โดยรวมแล้วนับตั้งแต่ก่อตั้งมาเพียง 9 ปีพวกเขากวาดถ้วยแชมป์ไปแล้วมากมาย

ทั้ง อุซเบก ลีก 5 สมัย อุซเบก คัพ อีก 4 สมัย รวมถึง อุซเบกิสถาน ซูเปอร์คัพ อีกหนึ่งสมัย

บุนยอดกอร์ เป็นที่รู้จักในระดับสากลจากความพยายามจะดึงตัว ซามูเอล เอโต้ ดาวยิงทีมชาติแคเมอรูนชื่อดังจากทีมระดับโลกที่มีโลโก้คล้ายๆกันอย่างบาร์เซโลนา

แต่ทางฝั่งทีมเจ้าบุญทุ่มก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวในภายหลัง แต่พวกเขาก็ยังประสบความสำเร็จในการดึงตัว ริวัลโด้ ตำนานทีมชาติบราซิลเข้ามาร่วมทีมในปี 2008

และยังคงมีกระแสข่าวกับนักเตะรับสตาร์ดังของโลกอีกหลายรายเป็นระยะๆ

นอกจากนี้ บุนยอดกอร์ ยังสร้างสื่อเสียงในเวที เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ได้ไม่น้อย โดยที่พวกเขาได้เข้าร่วมรายการนี้อย่างต่อเนื่อง และเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย

ได้เป็นอย่างต่ำในทุกฤดูกาลที่เข้าร่วมแม้จะยังไม่เคยคว้าถ้วยใบใหญ่แห่งเอเชียแต่พวกเขาก็เคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศมาแล้วถึงสองครั้งในปี 2008

ซึ่งเป็นปีแรกที่ได้เข้ามาเล่น และปี 2012 ซึ่งเมื่อเทียบกับอายุของทีมกับความสำเร็จแล้วนับว่าเป็นอีกทีมหนึ่งที่เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างแท้จริง

3. ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม

"เสือร้ายแห่งมลายู" ผู้ที่เพิ่งเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการฟุตบอลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเป็นทีมแรกจากมาเลเซีย และจากแถบอาเซียน

ที่ได้เถลิงบัลลังก์แชมป์ เอเอฟซี คัพ มาหมาดๆในฤดูกาลล่าสุด แม้จะก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1972 แต่ปรากฏการณ์ความสำเร็จของยะโฮร์เริ่มต้นในปี 2012

เมื่อ ตวนกู อิสมาอีล สุลต่าน อิบรอฮีม มงกุฎราชกุมารรัฐยะโฮร์ และนายกสมาคมฟุตบอลรัฐยะโฮร์ ได้เข้ามาเป็นเจ้าของทีมแบบร้อยเปอร์เซ็น

และพลิกโฉมจาก ยะโฮร์ เอฟซี เป็นชื่อ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ในปัจจุบัน ความสำเร็จของ เสือร้ายจากมาเลเซียเริ่มมองเห็นได้จากฤดูกาล 2013

ที่พวกเขาขึ้นมารั้งอันดับสามในมาเลเซีย ซูเปอร์ลีก และคว้ารองแชมป์มาเลเซีย เอฟเอ คัพ ก่อนที่จะผงาดขึ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในปี 2014

ควบด้วยรองแชมป์ มาเลเซีย คัพ และคว้าสิทธิ์ไปเล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีกรอบเพลย์ออฟ แต่หลังจากพ่ายให้กับบางกอกกล๊าส เอฟซี 3-0

พวกเขาต้องหล่นไปเล่นในถ้วยใบรองอย่าง เอเอฟซี คัพ แล้วก็สามารถทำผลงานได้เกินความคาดหมาย

ด้วยการคว้าแชมป์รายการดังกล่าวได้สำเร็จ ทั้งยังคว้าแชมป์มาเลเซฃีย ซูเปอร์ลีก สองสมัยซ้อนในปีเดียวกัน

4. บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ยักษ์ใหญ่แห่งไทยพรีเมียร์ลีกนับเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการฟุตบอลแดนสยามยุคปัจจุบัน หลังจากการเปลี่ยนผ่านตั้งแต่ยุคของสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

ที่ยังไม่เป็นระบบฟุตบอลอาชีพเต็มตัว เข้าสู่ยุคบุรีรัมย์ พีอีเอ และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน

เนวิน ชิดชอบ อดีตนักการเมืองชื่อดังที่ผันตัวเองมาทุ่มทุนพัฒนาบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้กลายเป็นยอดทีมแห่งแดนอิสาน และของประเทศทั้งยังวางเป้าก้าวขึ้นสู่แนวหน้าของเอเชีย

และเป้าดังกล่าวใกล้เป็นจริงเมื่อปัจจุบันพวกเขาขึ้นมาติดท็อปเทนของทวีปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ความสำเร็จของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลังฟุตบอลไทยก้าวเข้าสู่ยุคไทยพรีเมียร์ลีกนั้นมากมายนับไม่ถ้วน หลังการเข้าซื้อกิจการของ เนวิน

ปีแรกพวกเขาจบเพียงอันดับที่ 9 แต่หลังจากนั้นสโมสรดังแห่งเมืองบุรีรัมย์ก็ไล่ล้าคว้าถ้วยแชมป์อย่างไม่หยุดยั้งโดยการแชมป์ไทยลีกไปแล้ว 4 สมัย (เฉพาะในยุคไทยพรีเมียร์ลีก)

แชมป์ เอฟเอ คัพ 3 สมัย แชมป์ ลีกคัพ 4 สมัย และถ้วยพระราชทาน ก. อีก 3 สมัย

นอกจากนี้ด้วยเป้าหมายที่ต้องการก้าวขึ้นเป็นทีมชั้นนำของเอเชีย ทำให้ บุรีรัมย์ ให้ความสำคัญกับเกมระดับทวีปเป็นอย่างมากและกลายเป็นขาประจำของไทย

ที่ได้คว้าสิทธิ์ไปเล่นใน เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก แต่พวกเขายังคงไปไม่สุดทาง ผลงานที่ดีที่สุดที่เคยทำได้คือรอบก่อนรองชนะเลิศในปี 2013

แม้จะยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่ต้องยอมรับว่าคุณภาพของทีมปราสาทสายฟ้าในปัจจุบัน ยากที่หลายทีมร่วมลีกจะทำได้

5. กวางโจว เอเวอร์แกรนด์

"เสือใต้แดนมังกร" ทีมที่มีประวัติความเป็นมาหลากหลายรสชาติ ตั้งแต่ก่อตั้งอย่างไม่เป็นทางการในปี 1954 จนก่อตั้งอย่างเป็นทางการอีกครั้งในปี 1993

ผ่านทั้งเรื่องอื้อฉาวจนถึงลดชั้นลงไปเล่นดิวิชั่นสองในปี 2009 ก่อนที่ยุครุ่งเรื่องของพวกเขาจะเริ่มต้นขึ้นในปี 2010 เมื่อ เอเวอร์แกรนด์ เรียล เอสเตท กรุ๊ป

กลุ่มทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้เข้าทุ่มทุ่นกว่า 100 ล้านหยวนเพื่อเทคโอเวอร์ หลังจากนั้นพวกเขาก็เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดทันที

และนับตั้งแต่ปีแรกในยุคของเอเวอร์แกรนด์ ทีมเสือใต้แห่งเมืองกวางโจวผูกขาดตำแหน่งแชมป์ ไชนีส ซูเปอร์ลีก มาตลอดจนถึงฤดูกาลปัจจุบันรวม 5 สมัย

ทั้งยังมีดีกรีแชมป์ เอฟเอ คัพ และ ซูเปอร์คัพ อีกรายการละหนึ่งสมัย และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือผลงานในเวที เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก

ที่คว้าได้สองแชมป์ในระยะเวลาสองปี หลังเคยได้เข้าร่วมมาเพียงแค่ 4 สมัยเท่านั้น ด้วยขุมกำลังนักเตะต่างชาติค่าตัวสูงระดับโลก และนักเตะเกรดเอชาวจีน

ทำให้พวกเขายังคงเดินหน้ากอบโกยความสำเร็จได้ไม่หยุด ผนวกกับการเข้ามาถือหุ้นอีกเกือบครึ่งของ แจ็ค หม่า นักธุรกิจชื่อดังชาวจีนเจ้าของ

อาลีบาบา กรุ๊ป ทำให้พวกเขายังมีศักยภาพในการพัฒนายอดทีมแห่งแดนมังกรนี้ขึ้นไปอีกแบบเกินที่เราจะคาดคิด

6. ชอนบุค ฮุนได มอเตอร์

อีกหนึ่งทีมดังจากเกาหลีใต้ ที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1994 แต่เพิ่งมาเริ่มประสบความสำเร็จในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แชมป์แรกที่พวกเขาได้สัมผัส เอฟเอ คัพ เกาหลีใต้ในปี 2000

แต่ผลงานยังลุ่มๆดอนและคว้าได้เพียงแชมป์ฟุตบอลถ้วยดังกล่าวอีกสองสมัยในปี 2003 และ 2005 คว้าสิทธิ์ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ในปี 2004 แต่ยังจอดอยู่แค่รอบรองชนะเลิศ

จนในที่สุดก็คว้าแชมป์ถ้วยใบใหญ่ของทวีปได้สำเร็จในปี 2006 แม้จะเป็นแค่สมัยเดียวมาจนถึงปัจจุบัน แต่ชอนบุค ก็ได้มีโอกาสเข้าไปเล่นบนเวทีเอเชียอย่างต่อเนื่อง

เส้นแบ่งยุคสมัยของความสำเร็จของชอนบุคเห็นได้ชัดหลังปผ่านปี 2008 โดยก่อนหน้านั้นพวกเขาไม่เคยทำอันดับได้ดีกว่าที่ 4 เลยในลีกสูงสุด

แต่ในปีดังกล่าวผลงานของพวกเขากลับหลังมือเป็นหน้ามือ ชอนบุค คว้าแชมป์ เคลีก เป็นครั้งแรกในปี 2009 และพวกเขาก็ยังไม่เคยจบด้วยอันดับต่ำกว่าที่สามเลยจนถึงปัจจุบัน

และเก็บถ้วยแชมป์ลีกไปแล้ว 4 สมัย และเพิ่งทำได้สองสมัยซ้อนในปีล่าสุด

7. LionsXII

LionsXII เป็นทีมที่ถือกำเนิดในปี 2011 พร้อมกับการเซ็นสัญญาความร่วมมือระหว่าง สมาคมฟุตบอลมาเลเซีย และสมาคมฟุตบอลสิงคโปร์

โดยเป็นทีมตัวแทนจากสิงคโปร์ที่เข้าไปเล่นในมาเลเซีย ซูเปอร์ลีก สลับกับการให้ ฮาริเมา มูดา หรือทีมชาติชุด U22 ของมาเลเซีย เข้าไปเล่นในเอสลีก ของสิงคโปร์

ด้วยระยะเวลาไม่ถึง 4 ปี LionsXII กอบโกยความสำเร็จในลีกเสือเหลืองได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ฤดูกาลแรกพวกเขาจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์

ก่อนที่ในปี 2013 ก็ได้ชูถ้วยในมาเลเซีย ซูเปอร์ลีก เป็นสมัยแรก ล่าสุด ยังได้คว้าแชมป์ เอฟเอคพ 2015 ของมาเลเซียมาหมาดๆ

รวมไปถึงผลประโยชน์ด้านอื่นๆที่สมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ได้รับ เนื่องจากเกินครึ่งของนักเตะ LionsXII ล้วนเป็นผู้เล่นความหวังของทีมชาติสิงคโปร์

และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ฟุตบอลในประเทศสิงคโปร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เมื่อไม่นานมานี้ สมาคมฟุตบอลแดนเสือเหลืองจะประกาศไม่ต่อสัญญาความร่วมมือดังกล่าว

ทำให้ LionsXII ต้องย้ายไปเล่นใน เอสลีก ประเทศสิงคโปร์ที่มาตรฐานไม่แข็งแกร่งเท่า ทำให้อนาคตของพวกเขา และวงการฟุตบอลสิงโตทะเลกลายเป็นที่น่าสนใจว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต

ที่มา : footballchannelasia.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook