"แดงเดือด" แอนด์ "เอล กลาซิโก้" โคตรบิ๊กแมตช์ที่คุณต้องดู!

"แดงเดือด" แอนด์ "เอล กลาซิโก้" โคตรบิ๊กแมตช์ที่คุณต้องดู!

"แดงเดือด" แอนด์ "เอล กลาซิโก้" โคตรบิ๊กแมตช์ที่คุณต้องดู!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถึงตอนนี้ฟุตบอลลีกยุโรป เหลือไม่อีกกี่นัดก็จะจบฤดูกาลแล้ว ทำให้แต่ละทีมไม่ว่าจะเป็นประเภทลุ้นแชมป์ ทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรป หรือหนีตกชั้น ต้องพยายามและจริงจังกับผลการแข่งขันมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่ทุกๆ ทีมต้องเก็บสามคะแนนให้ได้

ถ้าเจอทีมใหญ่ด้วยกันก็ต้องมี 1 แต้ม เป็นอย่างน้อย แต่ถ้าเจอทีมเล็กยังไงก็ต้อง 3 แต้ม โดยวันนี้มีฟุตบอลบิ๊กแมตช์ของสองลีกดังที่พลาดไม่ได้เป็นอันขาด นั่นก็คือฟุตบอล “แดงเดือด” กับ “เอล กลาซิโก้” แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นทีมไหนเจอทีมไหน ที่สำคัญสองบิ๊กแมตช์นี้มีค่ามากกว่าศักดิ์ศรีซะอีก

เริ่มจาก “แดงเดือด” ระหว่าง หงส์แดง “ลิเวอร์พูล” ที่จะเปิดบ้านแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ ปิศาจแดง “แมนฯ ยูไนเต็ด” สองทีมคู่อริตลอดกาลในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษซึ่งนัดแรกเป็นลูกทีมของ “หลุยส์ ฟาน ฮัล” ที่เอาชนะได้ไปก่อน 3-0 เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

ในตอนนั้น “เบรนแดน ร็อดเจอร์ส” และลูกทีมคงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง เพราะรูปเกมไม่ได้เป็นรอง โอกาสครองบอลหรือยิงประตูพอๆ กัน แต่จังหวะสุดท้ายเป็นนักเตะอสูรแดงที่เฉียบคมมากกว่า

อย่างไรก็ตาม เกมวันนี้ ต้องบอกเลยว่า “ขุนพลหงส์แดง” กลายเป็นเครื่องจักรสีแดงอีกครั้ง เพราะตั้งแต่แพ้ “แมนฯ ยูไนเต็ด” นัดนั้น ก็ไม่พลาดท่าแพ้ให้กับทีมไหนอีกเลย ด้วยสถิติชนะ 10 นัด เสมอ 3 นัด ระบบการเล่นบวกกับความมั่นใจของนักเตะภายในทีมมีมากกว่าเดิม

ต่างจาก “ทัพอสูรแดง” ที่ไปๆ มาๆ เหมือนเล่นแบบเอาตัวรอดไปวันๆ ยิ่งมีข่าวลือในทีมว่ามีความขัดแย้ง คนจัดตัวอาจจะไม่ใช่ “หลุยส์ ฟาน ฮัล” แต่เป็น “ไรอัน กิ๊กส์” แม้ว่าล่าสุดจะกินตัวน้องไก่ “สเปอร์ส” มาสามเม็ดก็ตาม เพราะเจ้าถิ่นตอนนี้น่ากลัวเหลือเกิน

นอกจากนั้นความสำคัญของผลการแข่งขันที่สามแต้มมีความสำคัญในการลุ้นโควตา “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” ในฤดูกาลหน้า ทั้งสองทีมก็ต้องแย่งกัน ซึ่งถ้าลิเวอร์พูล ชนะก็จะแซง แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นไปตามอันดับในตาราง แต่ถ้าผีแดงชนะก็จะทิ้งห่างออกไปอีก

ดังนั้นจะส่งผลให้กุนซือของทั้งสองทีมต้องจัดตัวแบบเน้นผลการแข่งขันไปด้วย จึงอาจจะไม่ได้เห็นเกมที่เปิดแลกกันแบบอุตลุด แต่จะเป็นเกมชิงไหวชิงพริบสู้กันด้วยแท็กติกไม่น้อยเลยทีเดียว

ข้ามมาที่ลีกสเปน “เอล กลาซิโก้” ของสองทีมที่กำลังลุ้นแชมป์ โดยบรรดาพลพรรคเอเลี่ยน “บาร์เซโลน่า” เจ้าบ้านในเกมนี้นำทีมเยือนอย่างราชันชุดขาว “เรอัล มาดริด” อยู่คะแนนเดียว

นัดแรกที่เจอกันเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เป็นทางฝั่งมาดริดของ “คาร์โล อันเชล็อตติ” ที่เอาชนะไปได้ 3-1 แต่ต้องอย่าลืมว่า “บาร์ซ่าวันนั้นไม่ใช่บาร์ซ่าวันนี้” และ “มาดริดวันนั้นไม่ใช่มาดริดวันนี้” ในตอนนั้นลูกทีมของ “หลุยส์ เอ็นริเก้” ฟอร์มไม่ดี แถมเจอข่าวด้านลบจากนอกสนามให้เสียสมาธิ ซึ่งตอนนี้ไม่มีแล้ว

แต่เป็นทางฝั่งมาดริดเองที่กำลังเจอสื่อโจมตีอย่างหนัก โดยเฉพาะบรรดานักเตะซุปตาร์ทั้งหลายที่เอาฟอร์มไปทิ้งไว้ตอนเบรกหนีหนาวหมด แค่ “ลิโอเนล เมสซี่” คนเดียวในปีนี้ 2015 ก็ยิงมากกว่าสามทหารเสือของมาดริด “คริสติอาโน่ โรนัลโด้” “แกเร็ธ เบล” และ “คาริม เบนเซม่า” ยิงรวมกันซะอีก

ที่ร้ายไปกว่านั้น บาร์ซ่าไม่ได้มีแค่เมสซี่คนเดียว แต่มี “MSN” “เมสซี่” และเพื่อนอย่าง “เนย์มาร์” ที่ยิ่งเล่นยิ่งแสดงความเป็นอัจฉริยะลูกหนัง “หลุยส์ ซัวเรซ” ที่ฉลาดและปรับตัวกับบอลสเปนได้แล้ว ไม่นับพวก “อินิเอสต้า” หรือ “บุสเก็ตส์” ที่หายเจ็บกลับมาอีก

งานนี้โอกาสที่ทีมจากเมืองหลวงอย่างมาดริดจะโดนทบต้นทบดอกสูง ยิ่งเป็นแมตช์ที่มีผลต่อการลุ้นแชมป์โดยตรง ซึ่งดูยังไง “คาร์โล อันเชล็อตติ” จะมารับแบบไม่บุก ก็ยากที่จะต้านทีมที่มีแนวรุกดีที่สุดในโลกอยู่

สุดท้ายเอาเป็นว่า สองแมตช์นี้ต้องดู เพราะนี่จะเป็นสองแมตช์ที่สำคัญที่สุดในฤดูกาลนี้ของทั้ง 4 ทีม ที่เจอกันในช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้  ย้ำอีกครั้งว่า “แดงเดือด” มา 2 ทุ่มครึ่ง และ “เอล กลาซิโก้” มาตี 3 นะครับ

Bank

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook