"เบธานี่ แฮมิลตัน" : นักเซิร์ฟที่เสียแขนเพราะฉลามกัดตั้งแต่อายุ 13 แต่ยังล่าฝันบนท้องทะเล

"เบธานี่ แฮมิลตัน" : นักเซิร์ฟที่เสียแขนเพราะฉลามกัดตั้งแต่อายุ 13 แต่ยังล่าฝันบนท้องทะเล

"เบธานี่ แฮมิลตัน" : นักเซิร์ฟที่เสียแขนเพราะฉลามกัดตั้งแต่อายุ 13 แต่ยังล่าฝันบนท้องทะเล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักเซิร์ฟ หรือ นักโต้คลื่น คืออาชีพทางกีฬาที่คนรุ่นใหม่กำลังให้ความสนใจ เนื่องจากความน่าตื่นเต้นจากการโลดแล่นบนพื้นน้ำและเกลียวคลื่น

แม้จะเป็นที่รู้กันว่า การเอาตัวไปผูกพันกับธรรมชาติมากเกินไป คือความเสี่ยงต่ออันตรายที่อาจเข้ามาถึงตัวแบบตาดไม่ถึง

เบธานี่ แฮมิลตัน ถือเป็นหญิงสาวที่ผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายด้วยตัวเอง เมื่อเธอต้องสูญเสียแขนข้างซ้าย ตั้งแต่อายุ 13 ปี เนื่องจากถูกโจมตีโดยปลาฉลามเสือ ที่กระชากร่างกายของเธอไม่ต่างจากมนุษย์หั่นเนื้อสเต็ก

แทนจะจมกับฝันร้าย ด้วยความฝันที่ตั้งมั่นและศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า เบธานี่ ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง และยังคงโลดแล่นบนแผ่นเซิร์ฟต่อไป พร้อมกับเดินทางสร้างแรงบันดาลใจแก่คนทั่วโลก

เติบโตจากครอบครัวนักโต้คลื่น

เบธานี่ แฮมิลตัน เกิดและเติบโตขึ้นมาในครอบครัวนักเซิร์ฟ ทอม และ เชอรี่ พ่อกับแม่ของเธอต่างตัดสินใจเดินทางมายังรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเดินหน้าล่าฝันบนเกลียวคลื่น ก่อนทั้งสองจะได้พบเจอและแต่งงานกันในเวลาต่อมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขา จะหลงรักการโต้คลื่นเช่นเดียวกัน

แตกต่างจากหลายชีวิตบนหมู่เกาะฮาวาย ครอบครัวแฮมิลตันไม่ได้ร่ำรวยอะไร และต้องทำงานหนักตัวเป็นเกลียว โดยทอมมีอาชีพพนักงานเสิร์ฟในภัตตาคารหรู ส่วนเชอรี่ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟตอนกลางคืนเช่นกัน แต่ทั้งสองไม่เคยบังคับให้ลูกของพวกเขาตั้งใจทำงาน หรือ ตั้งใจเรียน อะไรทำนองนั้น ทอมและเชอรี่ส่งเสริมให้ลูกใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง

1เบธานี่จึงเริ่มต้นฝึกเล่นเซิร์ฟ ตั้งแต่อายุราว 3 ขวบ และเมื่ออายุได้ 8 ขวบ เธอเริ่มลงแข่งขันในรายการระดับเยาวชนเป็นครั้งแรก ซึ่งพรสวรรค์ของเธอโดดเด่นขึ้นมาทันตาเห็นจนมีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เบธานี่จึงเอาจริงเอาจังกับการโต้คลื่นเป็นอย่างมาก ถึงขนาดกับลาออกจากโรงเรียนทั่วไป เพื่อมาศึกษาในรูปแบบโฮมสคูล จะได้มีอิสระในการฝึกซ้อมและเล่นเซิร์ฟตามต้องการ

 

ด้วยพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และการฝึกซ้อมอย่างจริงจัง เบธานี่เข้าเป็นสมาชิกทีม Hanalei Surf ก่อนในเดือนพฤษภาคม ปี 2003 เธอจะคว้าชัยชนะในรุ่นเยาวชน และรุ่นทั่วไป ของการแข่งขันรายการ Hawaii's Local Motion/Ezekiel Surf และหลังจากนั้นไม่นาน เธอคว้าอันดับสองจากรายการชิงแชมป์แห่งชาติของสมาคมโต้คลื่นวิชาการแห่งชาติ (National Scholastic Surfing Association) หรือ NSSA

 

เห็นได้ชัดว่า ชีวิตนักโค้คลื่นของเบธานี่ในวัย 13 ปี กำลังไปได้สวย และเธอมีโอกาสจะก้าวเป็นตัวท็อปของวงการในอนาคตอันใกล้ แต่ใครจะรู้เลยว่า อีกไม่กี่เดือนถัดมา ชีวิตของเบธานี่จะเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อเหตุการณ์อันไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น โดยคมเขี้ยวของปีศาจร้ายสีขาวที่แหวกว่ายกลางท้องทะเล

สูญเสียแขนข้างซ้าย 

ช่วงเช้าของวันที่ 31 ตุลาคม 2003 เบธานี่เดินทางไปทำในสิ่งที่รักเช่นเดียวกับทุกวันก่อนหน้า คือ การเล่นเซิร์ฟ เธอเดินทางไปยังชายหาดทันเนิล (Tunnels Beach) พร้อมกับครอบครัวของเพื่อนซี้ ที่ประกอบด้วยคุณพ่อ, พี่ชาย และ อลันนา แบลนชาร์ด เพื่อนของเธอ

2เบธานี่ออกไปโต้คลื่นตามปกติ โดยไม่เห็นความผิดปกติอะไรบนพื้นน้ำ ด้วยความสบายใจ เธอจึงนอนราบลงกับบอร์ดโดยเอาท้องระนาบไปกับพื้นน้ำ และพูดคุยกับอลานาอย่างผ่อนคลาย ... แต่ในพริบตานั้นเอง เบธานี่รู้สึกถึงแรงกดดทับมหาศาลบริเวณแขนซ้ายของเธอ ก่อนที่ไม่กี่อึดใจถัดมา แขนของเธอจะถูกกระชากอย่างแรง โดยบางสิ่งบางอย่างที่แหวกว่ายอยู่ใต้พื้นน้ำ

 

"ฉันเกาะบอร์ดของตัวเองจนแน่นในวินาทีนั้น เพราะฉันไม่อยากถูกลากลงไปใต้น้ำ ซึ่งความจริงมันก็เหมือนกับว่าฉันถูกลากไปมา ไม่ได้ถูกลากลงไปใต้น้ำ มันเหมือนกับว่า คุณรู้วิธีใช้มีดหั่นสเต็กใช่ไหมล่ะ ? ความรู้สึกแบบนั้นแหละ" เบธานี่ ย้อนเล่าถึงวินาทีที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

 

เจ้าปีศาจตนนั้นที่ทำร้ายเบธานี่ คือ ปลาฉลามเสือ ขนาดความยาวราว 14 ฟุต หรือ 4.3 เมตร โดยปลาฉลามเสือ ถือเป็นหนึ่งในปลาฉลามที่มีความอันตรายต่อมนุษย์ เพราะมีนิสัยดุร้ายและมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เลือก โดยสถานที่ซึ่งมีรายงานปลาฉลามเสือทำร้ายคนมากที่สุด ไม่ใช่ที่ไหนนอกจาก เกาะฮาวาย

เบธานี่กล่าวในภายหลังว่า เธอแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยในวินาทีนั้น แต่ภาพที่ทำให้เธอรับรู้ว่าตนถูกฉลามโจมตีเข้าให้เสียแล้ว คือน้ำทะเลรอบตัวที่แปรเปลี่ยนเป็นสีเลือด และสีหน้าของอลานาที่ตกใจสุดขีดเมื่อมองมาที่แขนซ้ายของเบธานี่ ซึ่งบัดนี้ถูกตัดขาดไปจนเกือบถึงหัวไหล่

3ครอบครัวแบลนชาร์ดเป็นฝ่ายช่วยเหลือเบธานี่กลับมาที่ชายฝั่ง ก่อนพาเธอไปยังโรงพยาบาลวิลค็อกซ์ เมโมเรียล (Wilcox Memorial Hospital) ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญอย่างน่าประหลาด เพราะ ทอม คุณพ่อของเบธานี่อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากมีนัดผ่าตัดหัวเข่าในช่วงเช้าวันเดียวกัน ซึ่งดูเหมือนว่า ธุระของพ่อจะถูกเลื่อนออกไปสักพัก เนื่องจากชะตาชีวิตของลูกสาวกำลังอยู่ในเครื่องหมายคำถาม

 

คุณหมอที่ดูแลเคสของเบธานี่แจ้งกับครอบครัวของเธอว่า เบธานี่ เสียเลือดจากร่างกายไปราว 60 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้เธออยู่ในภาวะช็อกเนื่องจากเสียเลือดเป็นจำนวนมาก (hypovolemic shock) และต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้งหลังจากนี้ อย่างไรก็ดี เบธานี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอันน่าเหลือเชื่อ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อร่างกายของเธอกลับสู่ภาวะปกติ และสามารถเดินทางกลับไปรักษาตัวที่บ้านในอีกไม่กี่วันถัดมา

 

เบธานี่จึงรอดชีวิตจากการโจมตีโดยฉลามอันดุร้ายมาได้ แต่คำถามสำคัญกลับเกิดขึ้นหลังจากนี้ โดยประสบการณ์อันเลวร้ายบนพื้นน้ำ และความสูญเสียที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เบธานี่จะกล้ากลับมาเดินบนเส้นทางความฝัน และก้าวเท้าบนแผ่นเซิร์ฟอีกครั้งได้หรือไม่?

ลุกขึ้นยืนด้วยศรัทธา

ข่าวฉลามโจมตีหญิงสาววัย 13 ปี ที่เกาะฮาวาย ตกเป็นข่าวดังไปทั่วสหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนั้น เบธานี่กำลังนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านของตน โดยยังมีกำลังใจดีเยี่ยม และสามารถยิ้มทักทายบรรดาผู้มาเยือนทั้งหลายที่เข้ามาให้กำลังใจ รวมถึงผู้สื่อข่าวที่ยื่นคำถามต่อเส้นทางความฝันของเบธานี่ว่า "หญิงสาวผู้มีแขนเดียวจะสามารถเล่นเซิร์ฟต่อได้หรือไม่ ?"

4

 

"ได้ค่ะ" เบธานี่ตอบอย่างเสียงดังฟังชัดทุกครั้งที่มีนักข่าวถามถึงเรื่องนี้ ซึ่งความจริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะพูดเรื่องราวอันเลวร้ายนี้อย่างตรงไปตรงมาต่อสาธารณะ เพราะถึงแม้เบธานี่จะยึดมั่นกับความฝันบนเส้นทางนักโต้คลื่นอาชีพ แต่นิสัยของเธอที่เป็นคนขี้อาย ความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วประเทศจึงเป็นอะไรเกินรับไหว ครอบครัวของเบธานี่ถึงกับเคยพาลูกสาวของตนหลบไปใช้ชีวิตกับเพื่อนบ้าน จนกระทั่ง ทอม พ่อของเธอตั้งคำถามกับตัวเองว่า

"เราควรจะก้าวเดินต่อไปและแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้ให้โลกรับรู้ หรือจะหลบซ่อนเบธานี่จากโลกภายนอกตลอดไป ?"

 

ด้วยศรัทธาที่เต็มเปี่ยมในพระผู้เป็นเจ้าเนื่องด้วยฐานะคริสเตียนของครอบครัวแฮมิลตัน เบธานี่มองว่าการแบ่งปันเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง คือโอกาสดีที่เธอจะได้ปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้อื่น นั่นคือ การสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ที่ประสบเหตุการณ์ร้าย แต่สามารถลุกขึ้นยืนและเดินหน้าต่อไป รวมถึงสร้างโอกาสใหม่แก่สังคม

"ฉันมีสองทางเลือกคือเดินตามเส้นทางของพระเจ้าหรือยอมแพ้ให้กับชีวิต และฉันเลือกจะเดินตามเส้นทางของพระเจ้า ซึ่งมีหลายสิ่งดี ๆ มากมายเข้ามาสู่ชีวิตของฉันผ่านความเจ็บปวดครั้งนี้" เบธานี่เล่าแนวคิดที่ทำให้เธอก้าวข้ามความกลัว และกลับสู่ท้องทะเลอีกครั้ง

5

 

แม้จะมีผ้าพันแผลอยู่บริเวณโดยรอบแขนซ้าย และเพิ่งผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายมาได้เพียงหนึ่งเดือน เบธานี่กลับขึ้นไปยืนบนเกลียวคลื่นอีกครั้ง โดยเธอใช้เวลาเพียงสามรอบ ก็สามารถกลับมายืนบนเซิร์ฟบอร์ดได้ตามปกติ แม้บาลานซ์ของร่างกายจะเปลี่ยนไปเนื่องจากสูญเสียแขนหนึ่งข้าง

เบธานี่ใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ในการฝึกฝนบนลองบอร์ด จนกระทั่งกลับมาเล่นบอร์ดขนาดเล็กได้อย่างเคย เธอจึงตั้งหน้าสู่เส้นทางเดิม นั่นคือ การล่าเหรียญรางวัลบนเวทีการแข่งขัน ซึ่งหกเดือนหลังจากเธอถูกฉลามเล่นงาน เบธานี่สามารถคว้าอันดับ 5 จากการแข่งขันรุ่นเยาวชนของรายการชิงแชมป์แห่งชาติของสมาคมโต้คลื่นวิชาการแห่งชาติ ก่อนที่ในปีถัดมา เธอจะคว้าอันดับหนึ่งของรายการเดียวกันในปี 2005 ซึ่งขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 15 ปี

ปี 2007 เบธานี่เริ่มต้นลงแข่งขันในระดับอาชีพ และยังคงเป็นนักโต้คลื่นอาชีพมาจนถึงทุกวันนี้ โดยในปี 2008 เธอสามารถก้าวเป็นนักโต้คลื่นอันดับ 10 ของสหรัฐอเมริกา แต่ขณะนี้ ชีวิตของเธอไม่ได้มีแค่กระดานโต้คลื่น และท้องทะเลอีกต่อไป เพราะเรื่องราวอันสร้างแรงบันดาลใจของเธอ กลายเป็นต้นแบบของคนทั่วโลก

6เบธานี่ได้ออกหนังสือชีวประวัติของเธอ Soul Surfer: A True Story of Faith, Family, and Fighting to Get Back on the Board เมื่อปี 2007 ก่อนที่เรื่องราวของเธอพัฒนาเป็นสารคดี Heart of a Soul Surfer ซึ่งออกฉายในปี 2007 และนำมาสู่ภาพยนตร์แนวดราม่า Soul Surfer ที่ออกฉายในปี 2011 ซึ่งกวาดรายได้ราว 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ เบธานี่ ยังเปิดคอร์สออนไลน์ที่เรียกว่า Unstoppable เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการก้าวข้ามอุปสรรค และบรรลุเป้าหมายของตนเอง

ปัจจุบัน เบธานี่ จึงเดินทางไปยังหลายพื้นที่ทั่วโลก ไม่ใช่แค่เพราะเล่นเซิร์ฟในทะเลแห่งใหม่ แต่เพื่อเดินทางไปสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น แอฟริกาใต้ หรือ อินโดนีเซีย ยิ่งกว่านั้น เบธานี่ยังเคยเดินทางมาประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือผู้คนจากเหตุการณ์สึนามิ เมื่อปี 2004

7เบธานี่ แฮมิลตัน ในวัย 31 ปี ยังคงใช้ชีวิตที่เกาะฮาวาย เหมือนวันที่เธอเสียแขนหนึ่งข้างในวัย 13 ปี สิ่งเดียวที่แตกต่างออกไปคือ วันนี้เธอมีครอบครัวของตัวเอง นั่นคือ สามีและลูกอีกสามคนที่พร้อมจะเคียงข้างเธอไปตลอด ท่ามกลางเส้นทางความฝันในฐานะนักโต้คลื่นที่ยังคงดำเนินต่อไปของเบธานี่

นี่จึงเป็นเรื่องราวอันสร้างแรงบันดาลใจของหญิงสาวคนหนึ่งจากสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ย่อมแพ้ต่อความฝันแม้จะเจออุปสรรคขนาดใหญ่ในชีวิต และมอบบทเรียนให้ทุกคนได้เรียนรู้ว่า เมื่อมีสองทางเลือกระหว่างลุกขึ้นสู้หรือยอมแพ้ อย่าลังเลที่จะกาตัวเลือกแรก และลุกขึ้นยืนเพื่อเป้าหมายของตัวเองอีกครั้ง

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ "เบธานี่ แฮมิลตัน" : นักเซิร์ฟที่เสียแขนเพราะฉลามกัดตั้งแต่อายุ 13 แต่ยังล่าฝันบนท้องทะเล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook