"กูตี" : นักฟุตบอลที่อยู่ท่ามกลางซูเปอร์สตาร์จนถูกตีค่าน้อยเกินจริง

"กูตี" : นักฟุตบอลที่อยู่ท่ามกลางซูเปอร์สตาร์จนถูกตีค่าน้อยเกินจริง

"กูตี" : นักฟุตบอลที่อยู่ท่ามกลางซูเปอร์สตาร์จนถูกตีค่าน้อยเกินจริง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เขาเปี่ยมไปด้วยเทคนิค มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และยังทำประตูได้ดี แถมยังเคยได้รับการยกย่องจาก โรนัลโด้ ดาวยิงระดับตำนานของบราซิล ว่าเป็นนักเตะมากพรสวรรค์คนหนึ่งของ เรอัล มาดริด

อย่างไรก็ดี เขากลับไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร ทั้งที่อยู่รับใช้ราชันชุดขาวมาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี และร่วมคว้าแชมป์ลีกและแชมป์ยุโรปกับทีมหลายรายการ

เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Main Stand

แฟนบาร์ซาที่เติบโตในเยาวชนเรอัล 

ทอร์เรฆอน อาจจะไม่ได้เมืองที่คุ้นหูมากนัก เพราะมันเป็นเหมือนปริมณฑลที่ห่างจากกรุงมาดริดไม่ถึงชั่วโมง แต่ความสำคัญของเมืองนี้ คือการเป็นถิ่นกำเนิดของ โฆเซ มาเรีย กูเตียร์เรซ เอร์นันเดซ หรือที่รู้จักกันชื่อของ "กูตี" 

เขาเกิดในปี 1976 และเป็นแฟนของ บาร์เซโลนา มาตั้งแต่เด็ก แต่เลือกที่จะเข้าไปอยู่ในทีมเยาวชน เรอัล มาดริด ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เนื่องจากใกล้บ้านกว่า ก่อนจะทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในทีมเยาวชนทุกชุด จนถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ในปี 1995 ภายใต้การคุมทีมของ ฮอร์เก วัลดาโน 

1

"นอกจาก ราอูล ที่มาอยู่ใน Cantera (ทีมเยาวชน) ของมาดริดตอนอายุ 16 ปี กูตีคือคนที่ลงเล่นในทีมเยาวชนทุกระดับของมาดริด และได้รับการประเมินว่าอยู่ในระดับสูงจากโค้ชทุกคนที่ฝึกสอนเขา" แมตต์ วิลท์เซ ผู้สื่อข่าวจาก Managing Madrid ที่เกาะติด เรอัล มาดริด มาหลายปีกล่าวกับ La Liga Lowdown  

แม้ว่าจะสามารถประเดิมประตูแรกได้ทันทีในฤดูกาลแรกกับมาดริด แต่ กูตี ก็ใช้เวลาปรับตัวอยู่พอสมควร และเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในฤดูกาล 1998-99 ที่เขาเริ่มได้เป็นตัวจริงบ่อยขึ้น และลงเล่นไปกว่า 2,000 นาทีในซีซั่นนั้น  

"เขาไม่ได้มีบทบาทที่ชัดเจน จนกระทั่ง 3 ปีผ่านไปหลังจากได้ประเดิมสนาม มันคือฤดูกาล 1998-99" วิลท์เซ กล่าวต่อ 

"ฤดูกาลนั้นเราได้เห็นเพลย์เมกเกอร์ผมทองลงเล่นไปเกือบ 2,000 นาทีตลอดทุกรายการ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นในฐานะนักเตะโรเตชั่น แต่เขาก็พยายามทำผลงานอย่างหนักเพื่อให้ได้รับบทบาทที่ใหญ่ขึ้น" 

หลังจากนั้น กูตี สามารถสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นผู้เล่นขาประจำในทีมชุดใหญ่ของเรอัล และมีส่วนร่วมกับความสำเร็จมากมายของทีม ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ ลาลีกา 5 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 3 สมัย และ แชมป์สโมสรโลกอีก 2 สมัย รวมถึงได้รับการแต่งตั้งเป็นรองกัปตันทีม 

จุดเด่นของเขาคือการเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ ที่สามารถเล่นตรงไหนก็ได้ในแนวรุก เขาทำได้เยี่ยมในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ ตำแหน่งถนัดที่เล่นมาตั้งแต่สมัยเยาวชน แต่ถ้าหากถูกดันขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าก็ทำได้ไม่ขัดเขิน

2

ในฤดูกาล 2000-01 กูตี มีโอกาสได้เล่นตำแหน่งนี้แทนที่ เฟร์นานโด มอริเอนเตส ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หลังกดไป 18 ประตูในทุกรายการ พร้อมช่วยให้ราชันชุดขาวผงาดคว้าแชมป์ลาลีกาสมัยที่ 28 ได้สำเร็จ 

"ไม่ใช่แค่การสร้างสรรค์เกมที่ยอดเยี่ยม แต่เขายังแข็งแกร่ง เขาสามารถเข้าปะทะได้ เขาสูงหกฟุต และสามารถคุมแดนกลางเอาไว้อย่างหมดจด" เอดูอาร์โด อัลวาเรซ นักข่าวชาวสเปนของ BBC ให้ความเห็นกับ La Liga Lowdown  

อย่างไรก็ดี เขายังมีอีกอย่างที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นระดับโลก

ปรมาจารย์การจ่ายบอล 

"กูตีมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม เขาเหมือนมาจากอีกระดับหนึ่ง เขาสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางในฐานะเพลย์เมกเกอร์ และเป็นปีกทั้งสองข้าง" อันโตนิโอ คาสซาโน อดีตกองหน้าเรอัล กล่าวกับ AS

3

กูตี เป็นนักเตะที่มีฝีเท้าจัดจ้านนับตั้งแต่ทะลุขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของเรอัล มาดริด เขาเป็นผู้เล่นที่มีทักษะดี มีสมดุลร่างกายที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งยังมีทีเด็ดจากลูกตั้งเตะไม่ว่าจะเตะมุมหรือฟรีคิก  

นอกจากนี้ เขายังมีความโดดเด่นในเรื่องการจ่ายบอล กูตี คือนักเตะที่จ่ายบอลได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นลูกสั้น ลูกยาว หรือลูกทะลุช่องเขาก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติ เขาคือปรมาจารย์ในด้านนี้ และสร้างโอกาสให้ทีมหลายต่อหลายครั้ง 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น คือการจ่ายบอลแบบ "คาดเดาไม่ได้"  

ปกติแล้วนักเตะที่จ่ายบอลได้ยอดเยี่ยมในระดับโลก จะมีสไตล์การผ่านบอลเป็นเอกลักษณ์ เช่น ชาบี เอร์นันเดซ กองกลางระดับตำนานของบาร์ซา จะแม่นบอลสั้นเป็นพิเศษ, ชาบี อลอนโซ กองกลางไดนาโมของเรอัล โดดเด่นเรื่องการวางบอลยาว หรือ อันเดรีย ปิร์โล เก่งเรื่องการจ่ายทะลุช่อง 

เช่นกันสำหรับ กูตี เขาเก่งมากในเรื่องการจ่ายบอลแบบบคาดไม่ถึง โดยเฉพาะในพื้นที่สุดท้าย ไม่ว่ากองหลังคู่แข่งจะลงมาแพ็คเกมแน่นขนาดไหน เขาก็จะเห็นจุดบอด และจ่ายบอลไปตรงนั้นได้เสมอ มันคือจุดที่ไม่มีใครนึกถึง และกว่าจะรู้ตัวอีกที พวกเขาก็เสียประตูไปแล้ว 

หนึ่งในแอสซิสต์ที่ยังถูกพูดถึงมาจนถึงวันนี้ คือในเกมพบกับ เซบียา ที่เบอร์นาเบวในปี 2006 เมื่อในขณะที่แนวรับคู่แข่งแพ็คเกมแน่นอยู่เต็มกรอบเขตโทษ แต่ กูตี กลับใช้การตอกส้นเพียงแค่จังหวะเดียว ทลายแนวรับคู่แข่ง ให้ ซีเนดีน ซีดาน ยิงเข้าไป จนมันถูกเรียกว่า "ลูกตอกส้นของพระเจ้า"

หากคิดว่ามันเป็นความบังเอิญ กูตี ก็พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งในฤดูกาล 2010 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขาในสีเสื้อราชันชุดขาว ในเกมพบกับ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญา เมื่อได้บอลโล่งๆ หน้าปากประตู แต่แทนที่จะยิงเข้าไป เขากลับตอกส้นแบบไม่มองให้ คาริม เบนเซมา ที่วิ่งตามมายิงเข้าไปอย่างง่ายดาย 

"ผมไม่ได้ตอกส้นเพราะว่าความสวยงามหรือศิลปะอะไรหรอก" กูตีกล่าวถึงแอสซิสต์ในปี 2010 กับ El Pais 

"ผมอยากให้สุดท้ายมันกลายเป็นประตู ผมจึงมองหาวิธีที่ง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในช่วงเวลานั้น การตอกส้นคือสิ่งที่ทำได้จริง ฟุตบอลจะดีขึ้น ถ้าคุณเล่นมันแบบง่ายๆ" 

"นั่นคือภาพแทนที่สมบูรณ์แบบที่สุดของผมในฐานะนักฟุตบอล" 

ตลอด 15 ฤดูกาลของกูตี เขาทำแอสซิสต์สวยๆ นับครั้งไม่ถ้วน และเคยทำสถิติจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูไปถึง 17 ครั้ง จาก 27 เกม ในฤดูกาล 2007-08 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของลาลีกาในซีซั่นนั้น โดยเอาชนะได้ทั้ง ลิโอเนล เมสซี และ ชาบี เอร์นันเดซ ของบาร์เซโลนา 

5

"เขาคือปรากฏการณ์ อาจจะเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเล่นด้วย เขาคือคนที่สร้างความประทับใจให้ผมมากที่สุด" เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ พูดถึงอดีตเพื่อนร่วมทีมผ่าน Fox Sports NL

อย่างไรก็ดี เขากลับได้รับการยกย่องน้อยมาก เพราะอะไร?

เรื่องนอกสนามที่บดบัง 

กูตี อาจจะทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ตลอด 15 ฤดูกาล ในสีเสื้อของเรอัล มาดริด และลงรับใช้ทีมไปกว่า 500 นัดในทุกรายการ แต่เขากลับไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากแฟนบอลเท่าที่ควร ซึ่งรวมไปถึงแฟนราชันชุดขาวบางส่วน 

6

"กูตี เป็นคนที่น่าสนใจมานาน เพราะว่าความเห็นเกี่ยวกับตัวเขาที่แบ่งเป็นสองฝ่าย แฟนบอลรู้สึกว่าเขาเป็นหนึ่งในยอดแข้งพรสวรรค์ ที่มีคุณงามความดีต่อการแข่งขัน แต่อีกฝ่ายมองว่าเขาเป็นนักเตะที่ถูกอวยกว่าความเป็นจริงในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ทั้งเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นมากกว่าเรื่องยอดเยี่ยมในสนาม" แมตต์ วิลท์เซ อธิบายต่อ 

เหตุผลสำคัญคือความไม่คงเส้นคงวา จริงอยู่ที่ กูตี เป็นนักเตะมากพรสวรรค์ แต่ในอีกด้านหนึ่งเขาก็รักความสบาย และชอบเป็นอิสระ เขามีความเป็นศิลปินค่อนข้างสูง และเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางนัดอาจจะโชว์ฟอร์มเยี่ยงพระเจ้า แต่นัดต่อมาอาจเป็นแค่นักเตะที่ลงไปให้ครบ 11 คน 

"กูตีเป็นนักเตะแปลกๆ เขาคือคนที่เราไม่รู้วิธีที่จะเข้าใจเขา" ฮอร์เก วัลดาโน อดีตกุนซือของเรอัล ที่ให้โอกาสกูตีประเดิมสนามกล่าว  

ในขณะเดียวกัน เขายังเป็นนักเตะที่มักมีปัญหาไม่ลงรอยกับโค้ช เขาเคยทะเลาะกับ มานูเอล เปเยกรินี ที่ข้างสนาม หลัง เรอัล พ่ายต่อ อัลกอร์กอน ทีมรองบ่อนใน โคปา เดล เรย์ 0-4 เมื่อปี 2009 และถูกเพ่งเล็งจาก ฟาบิโอ คาเปลโล เมื่อเป็นนักเตะคนเดียวที่หลบแดด ทั้งที่ถูกสั่งให้ไปรอที่วงกลมกลางสนามระหว่างรอกุนซือชาวอิตาเลียนมาถึง 

แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เขาถูกวิจารณ์อย่างหนัก คือสไตล์การใช้ชีวิตนอกสนาม ไม่ว่าจะเป็นการชื่นชอบชีวิตแสงสี หรือการเป็นคนรักสวยรักงาม ที่เสื้อผ้าหน้าผมต้องเป๊ะอยู่เสมอ ทำให้ในยุคที่ค่านิยมของนักฟุตบอลยุคนั้นต้องมีความดิบ เถื่อน เขาจึงไม่เป็นที่ยอมรับ 

นอกจากนี้ การที่แฟนคนแรกๆ ที่มีชื่อเสียงของเขาเป็นทรานส์เจนเดอร์ และอายุมากกว่าเขาถึง 22 ปี บวกกับการที่เขาไม่ได้เป็นนักเตะประเภทอยู่ซ้อมต่อพิเศษหลังซ้อมปกติ ยิ่งทำให้ กูตี ตกเป็นเป้าโจมตี มากกว่าคนอื่นใน เรอัล มาดริด 

7

"เขาอยากจะโดดเด่น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน เขามาจากครอบครัวที่ธรรมดา และการกลายเป็นเศรษฐีอย่างรวดเร็ว ทำให้การที่เขาเป็นที่ต้อนรับสำหรับทุกไนท์คลับในมาดริด มันเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธ ตอนคุณอายุ 20 ต้นๆ" อัลวาเรซ นักข่าว BBC ที่ประจำการอยู่เซาเปาโล ในบราซิลอธิบาย 

"แฟนคนแรกที่สุดของเขา บิเบียนา เฟร์นานเดซ เป็นทรานส์เจนเดอร์ที่อายุแก่กว่าเขา 22 ปี เธอเป็นดาราใหญ่ของวงการตั้งแต่ยุค 1980 เธอแสดงภาพยนต์ของ เปโดร อัลโมโดวาร์ และละครมากมาย" 

"ทันทีที่ กูตี คบกับเธอ มันกลายเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะเขาอายุ 20 และเธอ 42 แล้ว แน่นอนว่าเขาถูกด่าว่าอย่างเสียหายจากแฟนๆ ของสโมสรอื่นจากเรื่องนี้ โดยเฉพาะแฟน แอตเลติโก มาดริด" 

8

บวกกับการที่ต้องเติบโตขึ้นมา ท่ามกลางเหล่านักเตะซูเปอร์สตาร์ จากนโยบาย กาลาคติกอส ของฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานคนดังของมาดริด ทำให้แม้ว่าเขาจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ความสนใจก็ถูกเทไปที่นักเตะเหล่านั้น 

แต่ถามว่าเขาแคร์มั้ย?.. ก็ไม่ขนาดนั้น

ขบถลูกหนัง 

"ถ้าให้พูดถึงเพื่อนของผมที่เคยเล่นด้วย 2 ใน 5 นักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดคงเป็น ซิซู และ รอนนี (โรนัลโด้)" อันโตนิโอ คาสซาโน กล่าวกับ AS 

"แต่ถ้าเขามีความเป็นมืออาชีพจนสามารถขึ้นไประดับท็อปได้ กูตี จะเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา" 

9

สำหรับโลกลูกหนัง หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กูตี คือนักเตะที่น่าเสียดายจากพรสวรรค์ที่เขามีอยู่ พวกเขาต่างเชื่อว่าอดีตดาวเตะหมายเลข 14 น่าจะไปได้ไกลกว่านี้ หากตั้งใจพยายามฝึกซ้อม หรือมุ่งมั่นกับฟุตบอลร้อยเปอร์เซ็นต์ 

แต่สำหรับกูตี กลับไม่คิดอย่างนั้น เขามองว่านี่คือวิถีชีวิตที่เขาเลือกแล้ว เขายอมรับอย่างเต็มปาก ว่าเขาเป็นคนรักสบาย และตั้งใจทำแบบนั้น Work Hard, Play Hard ทำงานให้หนัก และจงให้รางวัลกับตัวเองอย่างเต็มที่  

"ผมเป็นพวกขบถ แต่ไม่ได้ชอบความขัดแย้ง ผมพยายามหนีจากอะไรยากๆ ฟุตบอลไม่ได้ทำให้คุณมีเวลามากพอกับอะไรแบบนี้ แต่ผมพยายามหนีมันเพื่อตัวเอง" กูตี กล่าวกับ AS 

"ผมไม่ได้ทำร้ายใคร ผมทำงานหนักในการซ้อมและในเกม แต่นอกจากสิ่งนี้ ผมอยากใช้ชีวิต นี่คือไม่กี่สิ่งที่ผมทำ และหลังจากนั้นผมอาจจะเปลี่ยน ถ้าผมแก่ขึ้นและเห็นวิธีที่ต่างออกไป" 

10

นั่นทำให้ กูตี ไม่เคยเสียใจกับชีวิตที่ผ่านมา และลงเล่นให้กับมาดริดอย่างมีความสุขกับตลอด 15 ปีในถิ่นเบอร์นาเบว เป็นตัวจริงบ้าง เป็นสำรองบ้าง เป็นตัวพลิกเกมบ้าง แต่ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน เขาก็ทำอย่างเต็มที่ในแบบฉบับของเขา 

Goal สื่อชื่อดังของโลก เปรียบเปรยไว้ว่า กูตี เป็นเหมือน ออสการ์ ไวลด์ แห่งวงการฟุตบอล ที่แม้จะไม่ได้มีโอกาสได้โชว์ฟอร์มมากมายเท่ากับนักเตะดังคนอื่นของมาดริด แต่ผลงานที่เกิดขึ้นจากปลายสตั๊ดของเขาอยู่ในระดับมาสเตอร์พีซ   

"ถ้าเขาอยู่ในฟอร์ม เขาเป็นนักเตะประเภทที่คุณยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อดูเขา เขามีดีตรงนั้น เขาอยากโดดเด่น และเป็นศูนย์กลางของความสนใจ" อัลวาเรซ ให้ความเห็น 

"เขาอยากทำลายกองหลังคู่แข่ง และทำให้พวกเขารู้สึกว่าเขาดีเกินไปสำหรับพวกเขา เขาเป็นผู้เล่นประเภทที่ทำให้คู่แข่งโมโหจนอยากจะไล่อัด"  

11

นั่นจึงทำให้แม้ว่า กูตี จะได้รับการพูดถึงน้อยกว่าที่ควร และเป็นเหมือนนักเตะที่ถูกลืมเลือนของราชันชุดขาว แต่เมื่อใดที่ถูกกล่าวถึง สิ่งที่ตามมาคือคำสรรเสริญเยินยอ และคำยกย่องในฐานะ ตำนานบทหนึ่งของมาดริด 

ที่ไม่ว่าจะดีหรือร้าย แต่เขาก็เป็นนักเตะที่ทรงคุณค่า และน่าจดจำ 

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ "กูตี" : นักฟุตบอลที่อยู่ท่ามกลางซูเปอร์สตาร์จนถูกตีค่าน้อยเกินจริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook