[OPINION] การพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งบนเวทีพรีเมียร์ลีกของ "แพตทริก แบมฟอร์ด"

[OPINION] การพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งบนเวทีพรีเมียร์ลีกของ "แพตทริก แบมฟอร์ด"

[OPINION] การพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งบนเวทีพรีเมียร์ลีกของ "แพตทริก แบมฟอร์ด"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เชื่อว่าชื่อของ แพตทริก แบมฟอร์ด กองหน้าของ ลีดส์ ยูไนเต็ด จะเริ่มเป็นที่รู้จักของใครหลายคนหลังการระเบิดแฮตทริกใส่ แอสตัน วิลลา ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

ทีมของ มาร์เซโล บิเอลซา เจองานไม่ง่ายเมื่อพวกเขาต้องไปเยือนสิงห์ผยองถึงวิลลา ปาร์ค สถานที่ที่เคยขุดหลุมฝังนักเตะลิเวอร์พูลชนิดตายไม่มีฟื้นมาแล้วด้วยสกอร์ 7-2 เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน

แต่ท้ายที่สุดทีมยูงทองก็สามารถยัดเยียดควมปราชัยนัดแรกของฤดูกาลให้กับลูกทีม ดีน สมิธ ได้ แต่นั่นไม่สำคัญเท่าสกอร์ที่ออกมา 3-0 นั้นมาจากนักเตะที่ชื่อ แพตทริก แบมฟอร์ด ซึ่งก็มีคำถามตามมาว่าหมอนี่เป็นใครและทำไมบิเอลซาจึงมอบความไว้วางใจให้ลงทำหน้าที่ล่าตาข่ายให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด

g
จริงๆแล้วเวทีพรีเมียร์ลีกกับกองหน้าวัย 27 ปีนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้ากันสักเท่าไหร่เพราะเจ้าตัวเคยผ่านสมรภูมิแข้งกันดุเดือดนี้มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน ก่อนจะย้ายไปพำนักในถิ่นเอลแลนด์ โรด

แบมฟอร์ดนั้นก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพอย่างเต็มตัวกับเชลซีเมื่อปี 2012 หลังจากที่แจ้งเกิดในอะคาเดมีของน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าการที่ดาวรุ่งคนหนึ่งจะเบียดทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์อย่าง สิงห์บลูส์ ขึ้นมามีชื่อในทีมชุดใหญ่ได้ หากไม่ใช่ฝีเท้าระะดับ ลีโอเนล เมสซี ก็ยากที่ประสบความสำเร็จ

เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าตัวจึงโดนปล่อยยืมให้กับเอ็มเค ดอนส์ ในลีกวัน โดยเล่นที่นั่น 2 ซีซั่น ก่อนจะอัปตัวเองขึ้นมาเล่นเดอะ แชมเปี้ยนชิพ กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ และ มิดเดิลสโบรช์ ในอีก 2 ซีซั่นถัดมา

m
ในซีซั่น 2015-2016 ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญของ แพตทริก แบมฟอร์ด เมื่อเขาได้ย้ายไปเล่นให้กับทีมในระดับพรีเมียร์ลีกถึง 2 สโมสรในรูปแบบของการยืมตัว โดยครึ่งซีซั่นแรกลงเล่นให้คริสตัล พาเลซ ก่อนที่ในครึ่งหลังจะโยกไปนอริช ซิตี้ ที่กำลังลุ้นหนีตาย โดยได้รับโอกาสจากทั้งสองทีมรวมกัน 13 เกม แต่ไม่สามารถยิงประตูได้เลยแม้แต่ลูกเดียว

แม้จะไม่ประสบความสำเร็จแต่ด้วยดีกรีที่ยังคงมีติดตัวมาจากลีกรองและเครดิตจากอะคาเดมีของเชลซี ทำให้เบิร์นลีย์ตัดสินใจยืมตัวแบมฟอร์ดไปช่วยงานในซีซั่น 2016-2017 แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถแจ้งเกิดกับทีมของ ฌอน ไดช์ ได้ก่อนที่จะถูกทางต้นสังกัดเรียกตัวกลับในเดือนมกราคม 2017 ทำได้เพียงการลงเล่น 6 นัดชนิดที่ไร้สกอร์เช่นเคย

o
ประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก 19 นัดของกองหน้าวัย 23 ปีในเวลานั้นอาจจะถือได้ว่ายังไม่มากพอที่จะสามารถพิสูจน์ความสามารถที่แท้จริงได้ แต่ก็ยังคงมีคนที่มองเห็นคุณค่าอยู่บ้าง ซึ่งก็เป็นมิดเดิลสโบรช์อีกหนึ่งทีมที่กำลังลุ้นหนีการตกชั้นอย่างหนักในตอนนั้น และเป็นสโมสรที่เขาเคยร่วมงานด้วยในสมัยเล่นในแชมเปี้ยนชิพนำทัพโดย ไอตอร์ การันกา อดีตดาวเตะชื่อดังของเรอัล มาดริด โดยได้ติดต่อเข้ามาเพียงไม่กี่วันหลังกลับมาจากเบิร์นลีย์พร้อมด้วยข้อเสนอ 5.5 ล้านปอนด์ในการขอซื้อขาดถาวร

ครั้งนี้แม้ว่า เดอะ โบโร จะไม่สามารถยืนหยัดในพรีเมียร์ลีกได้ แต่แบมฟอร์ดก็สามารถเบิกสกอร์แรกของตัวเองในลีกสูงสุดได้สำเร็จในเกมที่เจอกับเซาแธมป์ตันเมื่อเดือนพฤษภาคม จบซีซั่นนั้นเขาได้ลงสนาม 8 นัดและยิงได้ 1 ประตู

การลงไปเล่นใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในซีซั่น 2017-2018 พร้อมด้วยประสบการณ์ 2 ปีในพรีเมียร์ลีก ทำให้เขาเริ่มฉายแววดาวยิงขึ้นมา โดยสามารถกดประตูให้มิดเดิลสโบรช์ไป 13 ลูกจากการลงสนาม 44 นัดในทุกรายการ ซึ่งไฮไลท์ที่สำคัญคือการระเบิดแฮตทริกแรกในอาชีพการค้าแข้งในเดือนมีนาคมในเกมที่เจอกับลีดส์ ยูไนเต็ด ต้นสังกัดปัจจุบัน

q
แม้ว่าในซีซั่นนั้น โบโรจะก้าวไปถึงรอบเพลย์ออฟแต่พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่นั้น เมื่อโดน แอสตัน วิลล่า เขี่ยตกรอบไปอย่างเจ็บปวด

ด้วยฟอร์มอันไฉไลเช่นนี้ทำให้แบมฟอร์ดได้ย้ายมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมยูงทองในซีซั่น 2018-2019 ด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์ ทำให้เขากลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับสามของสโมสรต่อจาก ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และ ริโอ เฟอร์ดินานด์

จากนั้นเจ้าตัวก็เริ่มสร้างตำนานบทใหม่ในอาชีพค้าแข้งของตัวเองด้วยการลงเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ 67 เกมยิงไปทั้งหมด 25 ประตู และมีส่วนสำคัญในการพายูงทองคว้าแชมป์เลื่อนชั้นกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเมื่อซีซั่นที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ก่อนเปิดฤดูกาลที่ผ่านมาแฟนบอลของลีดส์และกูรูหลายคนต่างมองว่ากองหน้าวัย 27 ปียังไม่ดีพอที่จะเล่นในลีกสูงสูดได้ เพราะแม้ว่าเมื่อซีซั่นก่อนเขาจะมีส่วนสำคัญในการช่วยพาทีมเลื่อนชั้น แต่เจ้าตัวก็โดนวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการใช้โอกาสเปลือง ถึงขนาดที่ เอ็ดดี้ เกรย์ และ เดวิด โอเลียรี 2 ปูชนียบุคคลของทีมจากยอร์คเชียร์ได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า ทีมของพวกเขาต้องการกองหน้าระดับท็อปหากต้องการให้ทีมรอดพ้นจากการตกชั้น

v
ดูเหมือนว่าคำแนะนำนี้จะไปเข้าหูของ มาร์เซโล บิเอลซา เมื่อในเวลาต่อมาเขาจัดการทุบสถิติของสโมสรด้วยการทุ่มเงิน 26 ล้านปอนด์ดึง โรดริโก โมเรโน หัวหอกวัย 29 ปีจากบาเลนเซีย มาล่าตาข่ายให้กับทีมในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งหลายคนมองว่าอนาคตของแบมฟอร์ดอาจจะจบลงในไม่ช้า

แต่ดาวยิงยูงทองก็จัดการตอบโต้เสียงวิจารณ์ตั้งแต่เกมแรกในการกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกของเขาด้วยการซัดประตูแรกของตัวเองใส่ "แชมป์เก่า" อย่าง ลิเวอร์พูล ก่อนจะพ่ายไปอย่างสุดมัน 3-4 ในเกมที่ถือได้ว่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลใหม่มา

จากนั้นแบมฟอร์ดก็ยิงได้อีก 2 ประตูใน 4 เกม ก่อนจะมาระเบิดแฮตทริกแรกในพรีเมียร์ลีกกับแอสตัน วิลล่า เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้จนถึงตอนนี้เจ้าตัวยิงไปแล้ว 6 ประตูจากการลงสนาม 6 เกม ก้าวขึ้นมารั้งรองดาวซัลโวของลีกเป็นที่เรียบร้อย

n
จากจำนวนสกอร์ดังกล่าวทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนที่สองในประวัติศาสตร์ของลีดส์ ยูไนเต็ด ที่สามารถยิงได้ 6 ประตูจาก 6 เกมแรกในลีกสูงสุดทาบรอยเท้าของตำนานอย่าง เอริค คันโตนา ที่เคยทำไว้เมื่อปี 1992-1993

และ 6 ประตูที่ว่าก็คือครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมดที่ลีดส์ยิงได้ในการกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

แม้ว่าเส้นทางในฤดูกาลนี้ยังอีกไกล แต่นับจากนี้ชื่อของ แพตทริก แบมฟอร์ด คงจะกลายเป็นที่จับตามองของบรรดากองหลังในลีกอย่างไม่ต้องสงสัย เหลือเพียงการรักษาฟอร์มการเล่นให้คงเส้นคงวาและยิงประตูอย่างต่อเนื่อง

เมื่อจบฤดูกาล แบมฟอร์ดก็คงไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook