"ยูยะ โอซาโกะ" แข้งปลาดิบผู้กู้ชีวิต "นกนางนวล"

สถานการณ์ที่กดดันสูงมักเผยส่วนที่ดีที่สุดหรือแย่ที่สุดของมนุษย์ออกมา ในกรณีของ ยูยะ โอซาโกะ นั้นค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นอย่างแรก เมื่อแข้งชาวญี่ปุ่นช่วยให้ทีมเก็บ 3 คะแนนสำคัญในนัดปิดฤดูกาลที่พบกับโคโลญจน์ คว้าอันดับที่ได้ไปเล่นเกมเพลย์ออฟเลื่อนชั้น-ตกชั้นได้อย่างหวุดหวิดพร้อมกับส่ง ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ตกชั้นลงไปแทน
แวร์เดอร์ เบรเมน รั้งอันดับ 17 มาตั้งแต่แมตช์เดย์ 20 ก่อนเกมปิดฤดูกาลพวกเขาตามหลังดุสเซลดอร์ฟทีมอันดับ 16 อยู่ 2 คะแนน และความหวังที่จะทำแต้มหลุดออกจากโซนตกชั้นนั้นเป็นไปไม่ได้เลย แต่หากต้องการอยู่รอดในบุนเดสลีกา พวกเขาต้องทำคะแนนนำดุสเซลดอร์ฟให้ได้เพื่อจะได้สิทธิ์ไปเล่นเกมเพลย์ออฟเลื่อนชั้น-ตกชั้นกับทีมอันดับสามจากเวทีบุนเดสลีกา 2
เงื่อนไขของเบรเมนคือต้องถล่มโคโลญจน์ให้ได้มากที่สุด และภาวนาให้ดุสเซลดอร์ฟเสมอหรือแพ้อูนิโอน เบอร์ลินที่ไม่มีลุ้นอะไรแล้วในเกมสุดท้าย…
เบรเมนคือสโมสรที่ได้ลงเล่นในลีกสูงสุดของเยอรมนีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเขาเคยตกชั้นเพียงหนเดียวเท่านั้นเมื่อฤดูกาล 1979/80 เกมท้ายสุดของฤดูกาลนี้จึงอาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเขาจะกอบกู้ศักดิ์ศรีของทีมได้หลังโชว์ฟอร์มย่ำแย่มาตลอดทั้งซีซั่น แน่นอนว่านักเตะและโค้ชทุกคนต้องแบกรับความกดดันสูงสุดๆ
แต่เมื่อลงแข่งขัน ยูยะ โอซาโกะ ใช้เวลาเพียง 22 นาทีในการเบิกประตูแรกให้ทีม "นกนางนวล" หลังจากนั้นเพียง 5 นาทีเขาก็แผลงฤทธิ์อีกครั้งด้วยการจ่ายแอสซิสต์ให้ ไมล็อต ราชิตซา และหลังจากนั้น 2 นาทีเบรเมนก็ขยับสกอร์หนีไปเป็น 3-0 ประตู
"เขาคือผู้เล่นที่เก่งเวลามีกองหลังเข้ามาประกบ มากกว่าตอนมีพื้นที่ว่างให้เล่นเสียอีก" ฟลอเรียน โคห์เฟลด์ กุนซือทีมนกนางนวลกล่าวถึงคุณสมบัติของโอซาโกะเมื่อช่วงต้นฤดูกาล
ในช่วงครึ่งหลัง โอซาโกะที่เล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์ก็ยังคงสร้างปัญหาให้คู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง ดาวี คลาสเซ่น ซัดให้ทีมเจ้าบ้านทิ้งห่าง 4-0 ก่อนที่โอซาโกะจะมากดประตูที่สองของเขาได้อีกซึ่งเป็นประตูที่ 4 จาก 4 นัดหลังสุด และเป็นการยิงเบิ้ล 2 ลูกในเกมเดียวครั้งที่สองของโอซาโกะในซีซั่นนี้ด้วย
หากเป็นเกมนัดอื่นๆ การถล่มคู่แข่งเยอะๆแบบนี้ก็อาจไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก แต่ด้วยเงื่อนไขที่เบรเมนต้องเจอแล้วทุกประตูที่ยิงได้ย่อมมีค่ามหาศาล โดยเฉพาะหากดุสเซลดอร์ฟเกิดพลาดเสมอกับอูนิโอน แต่เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดปรากฏว่าดุสเซลดอร์ฟกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปถึง 0-3 ประตู ส่วนเบรเมนเอาชนะคู่แข่งไปได้ 6-1 ประตู
"เหล่านักเตะเล่นตามแผนได้ดีมากในวันนี้ พวกเขาแบกรับความกดดันมหาศาลเช่นเดียวกับในเกมที่พบไฟรบวร์กและพาเดอร์บอร์น เรารู้ว่าเราจะต้องตกชั้นถ้าไม่ชนะในวันนี้และเราก็ตระหนักดีว่าเราไม่ได้กุมชะตาทั้งหมดไว้ในมือของเราเองด้วย" โคห์เฟลด์กล่าวหลังเกม
แต่หลังจากนี้ เบรเมนจะได้กำหนดชะตาของตัวเองแล้วว่าจะได้อยู่ในบุนเดสลีกาต่อไปหรือไม่ในเกมเพลย์ออฟเลื่อนชั้น-ตกชั้น โดยพวกเขาจะต้องดวลกับไฮเดนไฮม์ ที่หวังจะเป็นทีมที่ 3 ที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในบุนเดสลีกา และหากทำสำเร็จก็จะเป็นการเลื่อนชั้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยทีเดียว
อีก 2 เกมสุดท้ายที่เต็มไปด้วยความกดดัน แต่เบรเมนที่มีโอซาโกะเป็นดาวซัลโวของทีมและกำลังฟอร์มเข้าฝักแบบนี้ เชื่อว่าโคห์เฟลด์คงคลายกังวลไปได้เยอะ…