"ปีเตอร์ บอสซ์" จะล้างอาถรรพ์ให้ทีม "ห้างขายยา" ได้หรือไม่?!?

ถือว่าทีม "ห้างขายยา" ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน กลับมาอยู่ถูกที่ถูกทางอีกครั้ง เมื่อ ปีเตอร์ บอสซ์ กุนซือใหญ่ชาวดัตช์สามารถพาสโมสรผ่านทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศศึกเดเอฟเบ โพคาล และเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกยูโรปาลีก จนเกิดมีหวังเล็กๆ ว่าจะคว้าถ้วยรางวัลสักใบให้ได้อีกครั้งหนึ่ง



ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หากพูดถึงทีมเลเวอร์คูเซน แฟนบอลเยอรมันต่างก็มองกันว่าพวกเขาคือทีมเพื่อนพระเอกหรือทีมไม้ประดับเท่านั้น เพราะเคยคว้าตำแหน่งรองแชมป์บุนเดสลีกาถึง 5 สมัย ซึ่งจริงๆแล้วพวกเขาก็เคยคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล และแชมป์ยูฟ่าคัพ ได้อย่างละสมัย

ทั้งสโมสรและแฟนบอลทีมห้างขายยาต่างก็รอคอยวันที่ทีมรักจะกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยเฉพาะฝันร้ายเมื่อ 18 ปีก่อนที่เลเวอร์คูเซนพลาดแชมป์ลีกจากการแพ้ 2 ใน 3 เกมสุดท้ายของฤดูกาล ทั้งที่นำโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมรองจ่าฝูงอยู่ถึง 5 แต้ม แถมยังมาพ่ายในนัดชิงศึกเดเอฟเบ โพคาลให้กับชาลเค่อ 2-4 ประตู แล้วยังโดนเรอัล มาดริด หักอกในนัดชิงยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีกจนสื่อพากันตั้งฉายาให้พวกเขาว่า "Neverkusen"



ทีมห้างขายยายังคงต้องอาถรรพ์พบกับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ในฤดูกาล 2008/09 พวกเขาพ่ายในเกมนัดชิงเดเอฟเบ โพคาล อีกครั้ง ตามด้วยการคว้าตำแหน่งรองแชมป์อีกสมัยในฤดูกาล 2010/11

หลัง ปีเตอร์ บอสซ์ เข้ามากุมบังเหียนทีมห้างขายยาเมื่อปลายปี 2018 เขาก็สามารถพาทีมเข้าชิงแชมป์ฟุตบอลถ้วยของเยอรมนีได้อีกหนในฤดูกาลนี้ นอกจากนี้ เส้นทางในเวทียูโรปาลีกก็ยังคงเปิดกว้าง และเลเวอร์คูเซนก็กำลังมีลุ้นคว้าโควต้าศึกแชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก ได้เป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกันอีก

แม้เลเวอร์คูเซนจะเพิ่งพลาดท่าพ่ายแฮร์ธ่า เบอร์ลิน ไปในเกมรองสุดท้ายของฤดูกาลนี้ แต่กุนซือวัย 56 ปียังมีสถิติพาทีมต้นสังกัดคว้าชัยชนะที่ยอดเยี่ยมด้วยอัตราชนะ 58% เป็นรองเพียง ซาช่า เลวานดอฟสกี้ ที่ทำไว้ 60% ผลงานอันยอดเยี่ยมของบอสซ์ย่อมเป็นนิมิตหมายอันดีของทีมห้างขายยา ซึ่งสโมสรก็เพิ่งตอบแทนอดีตแข้งทีมอายักซ์ ด้วยการต่อสัญญาให้อีก 2 ปี แปลว่าเราจะได้เห็นบอสซ์คุมทีมเลเวอร์คูเซนต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงปี 2022



รูดี้ เฟิลเลอร์ ตำนานแข้งทีมเลเวอร์คูเซนและสปอร์ตติ้ง ไดเร็คเตอร์ ของทีม กล่าวถึงบอสซ์ว่า "เขามีความสามารถที่จะช่วยให้ทีมพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง วิธีการทำทีมของปีเตอร์นั้นเข้ากับเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะพวกเราเล่นฟุตบอลอย่างดุดัน เล่นเกมเร็วด้วยความสนุกมาแบบนี้หลายปีแล้ว"

บอสซ์พูดถึงเป้าหมายของเขาว่า "เราพยายามอย่างหนักในทุกๆวันเพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมให้สโมสรคว้าแชมป์ให้ได้ และก็หวังจะทำให้ทีมเลเวอร์คูเซนพัฒนาไปข้างหน้าต่อไป" คำพูดทั้งหมดนี้ทำให้เราเชื่อว่าเลเวอร์คูเซนคืออีกหนึ่งทีมที่มีความทะเยอทะยาน พวกเขามองถึงแชมป์ และไม่ได้อยากเป็นทีมไม้ประดับเหมือนเดิมอีกต่อไป

เกมชิงชนะเลิศฟุตบอลเดเอฟเบ โพคาล ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ รับรองว่าคงไม่ใช่งานง่ายสำหรับทีมบาเยิร์น มิวนิค อย่างแน่นอน เพราะบอสซ์กำลังทำทีมได้เข้าที่เข้าทาง และพวกเขาก็ยังเป็นหนึ่งในสองทีมที่สามารถปราบทีมเสือใต้ภายใต้การคุมทีมของฮันซี่ ฟลิค ได้

ในเวทียูโรปาลีก พวกเขาบุกไปเอาชนะเรนเจอร์ส ได้ถึงถิ่นมาแล้ว 3-1 ประตูในเลกแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้าย หากผ่านเข้ารอบไปได้พวกเขาจะได้ลงเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศในแผ่นดินเยอรมนี ซึ่งมีโอกาสที่จะได้เล่นในสนามของทีมคู่ปรับอย่างโคโลญจน์ หากเป็นเช่นนั้น รับรองว่าพลพรรคทีมห้างขายยาคงมีพลังพิเศษเพิ่มขึ้นจากความกระหายชัยชนะในบ้านของทีมคู่ปรับแน่ๆ

แม้จะเป็นผลงานที่ไม่ขี้เหร่เลยในเมื่อพวกเขาสามารถจบอันดับต้นๆบนตารางลีก ได้เข้าชิงศึกเดเอฟเบคัพ และผ่านเข้ารอบลึกๆในยูโรปาลีก แต่ทว่าแฟนบอลและสโมสรแห่งนี้ไม่ได้ต้องการเพียงแค่นั้น พวกเขาต้องการถ้วยรางวัลสักใบมาประดับตู้โชว์ที่สนามเบย์ อารีน่า และต้องการลบล้างอาถรรพ์ฉายา "Neverkusen" ให้จบไปเสียที